อดีต ภาพจำ ... ปัจจุบัน ภาพจริง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

     “สะตอ  วัดประดู่,  พลู คลองยัน,  ทุเรียนหวานมัน พระแสงท่าดินแดง เคียนซา บ่อถ่านหิน,  พุนพิน ท่าข้ามแม่น้ำตาปี,  ไม้แก้วดี เขาประสงค์กระแดะ ดงลางสาด,  สิ่งประหลาด กิ่งพนม,  เงาะอุดม บ้านส้อง,  จากและคลอง ในบาง, ท่าฉาง ต้นตาล, บ้านนาสาร แร่,  ท่าอุแท วัดเก่า,  อ่าวบ้านดอน ปลา, ไชยา ข้าว,  มะพร้าว เกาะสมุย

     เอาร้อยกรองไพเราะ บอกเล่าแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดสุราษฎร์ฯ มาจั่วหัวไว้หน่อย อ๊ะ ๆ ๆ ... อย่าเพิ่งเข้าใจว่าข้าพเจ้าประพันธ์เองนะขอรับ ข้าพเจ้าไม่มามารถขนาดนี้หรอกครับ .... เพียงจำเขามา เจ้าของร้อยกรองบทนี้ คืออดีตท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ฯ ท่านหนึ่ง ท่านประพันธ์ไว้กว่า 50 ปี ก่อนนู้น.... ตั้งใจนำมาให้เห็น  “อนิจจัง” ... ทรัพยากร ก็เอาแน่นอนได้ซะที่ไหน เมื่อกาลเปลี่ยนไป สิ่งที่มีอยู่ในอดีตก็ดับ สิ่งใหม่ก็เกิดมาแทน

     ที่เห็นชัด ๆ คือ “เงาะอุดม บ้านส้อง” และ “บ้านนาสาร แร่”

     ในสมัยที่ท่านประพันธ์บทร้อยกรองข้างต้น บ้านส้อง อุดมด้วยเงาะจริง ๆ แต่เป็นเงาะพันธุ์พื้นบ้าน และบ้านนาสาร ก็อุดมด้วยแร่ จริง ๆ เช่นกัน ที่ข้าพเจ้าจำได้ มีเหมืองเรือขุด ดำเนินการโดยฝรั่ง 2 แห่ง เหมืองฉีด ดำเนินการโดยเถาแก่จีน 4 แห่ง เหมืองหาบที่เรียกว่าเหมืองรู ดำเนินการโดยคนจีนอีก 1 แห่ง ชุมชนจึง ครึกครื้น ฟู่ฟ่าน่าดู ...

     ปัจจุบัน หากบอกว่านาสารอุดมด้วยแร่ ใคร ๆ ก็ยากจะเชื่อ เพราะบนพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่ และทุ่งทรายท้ายเหมือง กลับอุดมด้วย ด้วยยางพันธุ์ดี ลองกอง ทุเรียน โดยเฉพาะเงาะโรงเรียน

     วันนี้ ... จึงขอนำเส้นทางของเงาะโรงเรียน ซึ่งถือกำเนิด เกิดต้น ที่นาสาร นี่แหละ มาเล่าสู่กันฟัง (สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบที่มา)

     ภาพจำ ......

        ข้าพเจ้าต้องขออภัยที่ไม่มีภาพต้นดั้งเดิมของเงาะโรงเรียน มาให้ดู  แต่ภาพดังกล่าวยังปรากฏชัดในความจำของข้าพเจ้า  ต้นที่แกรน เพราะขึ้นอยู่บนพื้นลานทราย มุมอาคารเรียน โรงเรียนประชาบาล (ซึ่งสมัยนั้นมีอาการเดียว สร้างให้โดยเจ้าของเหมืองแร่)  แต่โดดเด่น เพราะเป็นต้นไม้ต้นเดียวที่ที่ขึ้นอยู่หน้าโรงเรียน ยามเขาออกผล ผู้ใหญ่เขาไม่สนใจกันหรอกครับ เพราะแต่ละผลมีเนื้อหุ้มเมล็ดบางปานกระดาษ  มีก็แต่พวกเราเด็ก ๆ ชอบปีนขึ้นไปเก็บกิน ตั้งแต่ผลยังมีสีเขียว

     เขาเป็นสหายที่ดีของ พวกเด็ก ๆ รวมถึงข้าพเจ้าซึ่งลงจากป่าดงดิบ มาเล่นด้วย เกือบทุกวันเสาร์ เขาเป็นที่พี่งให้เราหลบจากการจะถูกจับจากเพื่อนที่เป็น เข้ (จระเข้) โดยการวิ่งไปรอบ ๆ ต้น และอาจจะเป็นเพราะเขาเจ็บเพราะพวกเราไปเหยียบรากเอาบ้าง จึงแกล้งให้เราสะดุดล้ม จนเพื่อนจับได้ จึงต้องเป็นเข้แทน

     วิ่งไล่จับหนำใจ ก็ไปปีนซุงของโรงเลื่อย ที่ถูกล่องมาเทียบท่าไว้หน้าโรงเลื่อย แล้วกระโดด วิ่งไล่จับกันในน้ำ พออ่วม ๆ ก็ชวนกันกลับ เตรียมตัวไปแสวงหาแขนของผู้ใจดี ที่จะยินยอมให้เราเกาะเข้าไปดูภาพยนตร์ ซึ่งมีอยู่ 2 โรง รายการนี้ใครชอบ หรือหาแขนได้โรงไหน ก็โรงใคร โรงมัน อ้าว ... เผลอไปออกไหนแล้วนี่  เหอ ๆ ๆ ๆ ....

     เอ้า ... มาเข้าเรื่อง ซะที .... จากต้นเงาะที่คิดว่าจะไม่มีใครสนใจ  .... แต่กลับมีคุณครูท่านหนึ่ง(ขออนุญาตไม่เอ่ยนามท่าน) ท่านคิดอย่างไรไม่มีใครทราบ ท่านตอนกิ่ง(เทคโนฯ ทางการเกษตรสมัยนั้นก็มีแค่นี้) ไปปลูกแซมในสวนของท่าน ที่อยู่ใกล้ ๆ กับตลาด  ซึ่งในสวนท่านก็ปลูกเงาะพันธุ์นิยมในยุคนั้นไว้เต็มพื้นที่แล้ว คือพันธุ์แจ๊ะโมง และ ปิเราะ

      ครั้นกิ่งใหม่ให้ดอกออกผล ก็เป็นที่ฮือฮากันใหญ่ในตลาดนาสาร ปานเงาะถอดรูปในเรื่องสังข์ทองเชียวแหละ(เชื่อหรือไม่ ดูเอาจากรูปจริงปัจจุบันก็แล้วกัน) จึงมีการขยายพันธุ์ออกไปอย่างกว้างขวาง แจ๊ะโมง และ ปิเราะ ก็เป็นต้องค่อย ๆ หายไปจากสวนในนาสาร ตอนนี้ยามคิดถึง ก็ไม่พานพบอีกแล้ว

ภาพจริง.....

 

 

 

 

 

  แล้วก็ปลูกกันอย่างที่เห็นนี่แหละ (ถ่ายจากสวนของหลาน)

 

 

 

 

 

 

 

 

   นี่คือผลที่ยังคาต้น ต้นนี้กะว่าไม่ต่ำกว่า 30 ตะกร้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    หากให้ชาวสวนเลือกทาน เขาจะเลือกแบบนี้ หรือ สีเขียวกว่านี้ เพราะกรอบ และมีอมเปรี้ยวพอรู้ลิ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    นี่ แบบที่ตลาดต้องการ แต่ชาวสวนไม่ชอบทาน เพราะเยิ้ม และหวานจัดไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

      ได้เวลาเก็บ ไม่เกี่ยว แต่ใช้กรรไกรตัดลงมาทั้งช่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     อีกฝ่าย ปลิดลงตะกร้า ตะกร้าละ 20 กิโลกรัม (ประมาณ 400 ผล) ปีนี้ ตกผลละประมาณ 1 บาทเชียวล่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    ลำเลียงขึ้นรถ  อาบน้ำให้หน่อย ก็มันร้อนน่ะ .... พร้อมจะนำไปส่งแผง ที่ตอนนี้ ขึ้นไปรับกันถึงที่ 4 - 5 เจ้า

 

 

 

 

 

     คาดเอาว่า ป่านนี้ ท่านคงกำลังเคี้ยวเขาอยู่ในปาก แล้ว ชิ มิ ... พรือ หร้อย ม้าย..... ?

               แล้ว วันหลัง จะเอาทุเรียนมาฝาก .... ฮุ ๆ ๆ ๆ .....

ความเห็น

   ปีกลาย กะปีนี้ เกษตรกร ชาวสวนเงาะ ชื่นมื่นกันถ้วนหน้าแหละ เพราะผลผลิตน้อย

    เจอ ปีที่ราคา ก.ก. ละ 3 บาท ก็อ่วม จนน้ำตาตกเลย

      มีเรื่องจริง คือ ปีที่ราคาตกต่ำ ไม่มีพ่อค้าลงไปซืัอ ชาวสวนต้องส่งขายเอง นำของมาส่งที่สถานีรถไฟ พอคิดราคาค่าส่งแล้ว ต้องตัดสินใจยกเลิก เงาะก็ไม่เอากลับ วางให้กินกันที่สถานีฯ นั่นแหละ ใครจะกินก็ได้ ขืนขนกลับ ก็ย่ิงขาดทุน

    ไง ...? หลานตุ้ย ยังสนอีกไหม? ฮึ ๆ ๆ ๆ....

   ลุงก็คิดถึง สมช. ทุก ๆ ท่าน ครับ

ลุงพาโลหายไปนานเลย  สบายดีนะคะ

   ปลีกวิเวก ครับ ฮุ ๆ ๆ ... พูดเย้...น

สบายดีครับ ขอบตุณที่อาทร คิดถึงทุกท่านเหมือนกันครับ

ลุงหายไปนานเลยนะคะ ปีนี้ผลไม้แพงมาก คนสุราษฎร์เองได้กินเงาะกิโลละ20บาท เนื่องจากที่บ้านไม่เป็น เลยต้องซื้อกิน

e-mail. puangpech_@hotmail.com

 

    เห็นใจเขาเหอะหลาน ปีที่ ก.ก. ละ 3 - 4 บาท ชาวสวนเงาะก็น้ำตาตก ตาม ๆ กัน

ก.ก. 20 เบื้องต้น ก็ต้องแบ่งคนเก็บ ก.ก. ละ หกสลึง เหลือ 18 กว่า ก็ยังค่าโสหุ้ยอื่นอีก นะครับ

:love: ในชีวิตจริงเคยเห็นต้นเงาะเมื่อห้าปีก่อนโน้น(ทำเสียงสูงนิดนึง) จ.จันฯคิดว่านานมาก เลยจัด อดีต ภาพจำ แต่ปัจจุบันถ้ายังไม่ไปจากโลกนี้เสียก่อน ฉันจะไปกินเงาะที่อร่อยที่สุดในโลก(เขาว่ากัน) เงาะนาสารแห่งนี้นี่เอง.

หรอยค่ะหรอย ถ้าแหลงถึงช่วงเงาะเต็มต้น ขี้คร้านแปลบ ปลิดใส่ถัง ในโคมในน้ำ ถ้ายังมดแดงหล่าว เหนื่อยเลย.....


ตอนรับเบี้ยยิ่งหมดแรง เพราะว่า3-5 บาท แต่ถ้าปีไหนของเพื่อนไม่เป็น โล 20 บาท ขยันเป็นพิเศษ ค่ะ


:admire2:

   ใช่เลยหลานแจ้วเหอ .... ปีนี้ราคาดีกว่าทุกปี หลุดลงมา 16 บาท วัน สองวัน ดีดกลับไป 19 - 20 ตามเดิมแล้ว ก็ของไม่ค่อยมี ตอนนี้ราคาดีกว่าหมอนทอง ซะอีก

หน้า