ตัวขโมยความสุข

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 


 









เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น


หนุ่มโสดคนหนึ่งสังเกตว่าหลายเดือนมานี้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในบ้านเขา นั่นคืออาหารที่เก็บไว้ในครัวหายเป็นประจำ เขาเชื่อว่าต้องมีขโมยเข้าบ้านเขา แต่ไม่เคยจับได้คาหนังคาเขาเสียที เขาจึงติดตั้งกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถส่งสัญญาณภาพไปยังโทรศัพท์มือถือของเขา


แล้วเขาก็พบว่า มีใครคนหนึ่งกำลังยุ่มย่ามอยู่ในบ้านเขา จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันทีเพราะเชื่อว่าพบขโมยแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อตำรวจมาถึง ก็พบว่าประตูและหน้าต่างบ้านนี้ลั่นดาลแน่นหนา ตำรวจจึงตรวจค้นทุกซอกทุกมุมและทุกห้อง แต่ก็ไม่เจออะไร จนกระทั่งตำรวจเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าก็พบผู้หญิงวัย ๕๘ ปีคนหนึ่งนั่งขดตัวอยู่ข้างใน


เธอสารภาพว่า เป็นคนไร้บ้านและแอบเข้ามาอยู่ในบ้านนี้นานเป็นปีแล้ว ที่เธอเข้ามาได้ก็เพราะเห็นว่าประตูบ้านนี้ไม่ได้ลั่นดาลเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าในยามเจ้าของบ้านกลับมา ต่อเมื่อเขาออกไปข้างนอก เธอจึงจะออกมาหาอาหารกิน และอาบน้ำถูฟัน


ชายเจ้าของบ้านคิดไม่ถึงว่าขโมยที่เขาต้องการตัวนั้น ที่แท้กบดานซ่อนอยู่ในบ้านเขานานเป็นปีแล้ว และที่เคยคิดว่าเขาอยู่คนเดียวในบ้านนั้นเป็นความเข้าใจผิดมาโดยตลอด


อ่านเรื่องนี้แล้ว ใครที่คิดว่าตัวเองอยู่ลำพังในบ้าน อย่าเพิ่งแน่ใจนักว่ามีคุณคนเดียวที่อยู่บ้าน เพราะอาจมีคนแปลกหน้าหรือขโมยอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคุณก็ได้


คนเรามักคิดว่าขโมยนั้นอยู่ไกลตัว แต่บางทีขโมยก็อยู่ใกล้ตัวเรานิดเดียว จะว่าไปแล้ว ใช้คำว่า “บางที”ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะบ่อยครั้งขโมยอยู่ใกล้ชิดเรามากอย่างที่นึกไม่ถึง


ไม่เชื่อก็ลองสำรวจดูว่าในตัวคุณมีพยาธิอยู่หรือเปล่า นั่นแหละตัวการที่ขโมยอาหารในร่างกายของคุณอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าคุณหาอะไรมาใส่ท้อง ดีเลิศแค่ไหนก็ตาม มันจะคอยแย่งกินแย่งดูดจนอิ่มหมีพีมัน ขณะที่ร่างกายของคุณกลับย่ำแย่ลง


ก้อนมะเร็งเป็นหัวขโมยอีกชนิดหนึ่งที่อาจกำลังแย่งชิงสารอาหารไปจากเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของคุณอยู่ในขณะนี้ก็ได้


อย่างไรก็ตามหัวขโมยที่ดูดเอาสุขภาพของคุณไปนั้น ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเจ้าตัวร้ายที่ขโมยความสุขไปจากใจคุณ


เช่นเดียวกับพยาธิและก้อนมะเร็ง เจ้าตัวร้ายที่ว่านี้ไม่ได้อยู่นอกตัวคุณ ไม่ใช่ทั้งคนใกล้ตัว หรือคนไกลตัว หากแต่อยู่ในใจคุณนั้นเอง

เจ้าตัวร้ายที่ว่าก็คือ ความยึดติดถือมั่นในอัตตาหรือตัวกูของกู ซึ่งแตกลูกแตกหลานเป็น ความโลภ ความโกรธเกลียด ความอิจฉาริษยา ความถือตัว เป็นต้น เจ้าตัวร้ายที่ว่านี้จะคอยดูดความสุขไปจากจิตใจของเราตลอดเวลา ทำให้จิตใจร่านรนรุ่มร้อน ขุ่นเคือง กระสับกระส่าย จนอยู่ไม่เป็นสุข กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อาจถึงกับล้มป่วยเลยด้วยซ้ำ


ตราบใดที่เราจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เจ้าตัวร้ายนี้ก็จะรังควาญเราไม่จบสิ้น แม้เราจะมีครอบครัวที่ดี มีร่างกายแข็งแรง มีทรัพย์สมบัติมากมาย มีตำแหน่งหน้าที่สูงเด่น ประสบความสำเร็จนับไม่ถ้วน เราก็ยังไม่มีความสุขอยู่นั้นเอง เพราะความสุขที่ควรมีควรได้นั้นถูกดูดไปหล่อเลี้ยงปรนเปรออัตตาหรือเจ้าตัวร้าย ขณะที่มันเติบใหญ่พองโต แต่จิตใจของเรากลับเหี่ยวแห้งเศร้าหมอง


ขโมยนั้นชอบซุกซ่อนอยู่ในที่มืด เพราะกลัวแสงสว่างหรือกลัวคนเห็น ฉันใดก็ฉันนั้น เจ้าตัวร้ายนี้ก็กลัวใจที่มีสติรู้ทัน เมื่อใดก็ตามที่มีสติ ใจก็พลันสว่าง สามารถเห็นเจ้าตัวร้ายคาหนังคาเขา ทำให้มันต้องรีบหลบหนี ไม่มารังควาญอีกต่อไป ความปกติสุขจึงกลับคืนสู่ใจของเรา


แน่นอนมันไม่ได้หายไปเลย แต่จะคอยกลับมารบกวนเวลาเราเผลอ การมีสติหมั่นดูใจตนอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นจึงอย่าเผลอส่งจิตออกนอกตัว จนลืมกลับมาดูใจ หาไม่แล้วความสุขของคุณจะถูกดูดหายไปได้ง่าย ๆ


 

 





                           บทความของพระไพศาล วิสาโล

ความเห็น

ขอบคุณค่ะ  จะติดตามอ่านต่อไปนะคะ :admire2:

 

 

ขอบคุณสำหรับสติเตือนใจที่ดีมากๆ  โดนใจเต็มๆ ค่ะ

แรงกาย+แรงใจ ลงมือทำในวันนี้ เพื่อชีวิตที่พอเพียง

ส่วนใหญ่คนจะไม่รู้ว่าเจ้าวายร้ายอยู่ในตัวเอง มักจะโทษสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

เป็นธรรมดาของฅนเราครับพี่เสิน ดีเข้าตัว ชั่วไปที่อื่น ตลอด

สวนจินตนาการ

นำจินตนาการ มาผสานให้เป็นจริง

ขอบคุณมากค่ะ :admire2:

ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆ

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

ขอบคุณครับ


:good-job: :good-job:

อยู่ที่ใจเราทั้งนั้นจะสุขหรือทุกข์ คนมีปัญญาจริงๆถึงจะทำได้ ไม่ใช้มีความรู้มาก