เขาเจ็ดยอด ตอน เมื่อผมพาเพื่อนๆ หลงป่า 1

หมวดหมู่ของบล็อก: 

          เริ่มเดินทางจากน้ำตกไพรวัลย์ อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง  จากทางราบริมน้ำตกเราก็เริ่มไต่เขา ความชันประมาณ 45 องศา  แค่เริ่มสตาร์ทเท่านั้นทุกคนก็แสดงอาการเหนื่อยหอบ  1 กิโลเมตรแรกเราพักกันอย่างน้อย 5 ครั้ง เพราะเส้นทางชันมาก เปรียบเสมือนการทดสอบสมรรถภาพร่างกายของผู้เดินทาง

ภาพทุกภาพเป็นของเพื่อนสมาชิกที่เดินทางนะครับ ผมขออนุญาตใช้เป็นภาพประกอบครับ


            การเดินทางช่วงนี้ถือว่ายังเกาะกลุ่มกันอยู่  ผม ผู้ใหญ่ น้องต๊อก ออสซี่ น้องจาเดินอยู่ข้างหน้า ลุงพี พี่เสริฐ พี่หยอย พนิดา ก็ตามมาติดๆ


           แค่ช่วงแรกราชินีแห่งเขายายเที่ยงก็ได้เปล่งประกายแสดงให้เห็นแล้วว่า เธอได้พกความแข็งแกร่งมาอย่างเต็มพิกัดเพราะผมเดินอยู่ช่วงข้างหน้าไม่ว่าเดินช้าหรือเร็วอย่างไร เธอจี้ติดหลังมาตลอด


                ช่วงแรกกะระยะทางเดินขึ้นเขาในเส้นทางชันนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร ต่อจากนั้นเราก็เริ่มเดินทางเรียบขนานไปกับสายน้ำตก ไปเรื่อยๆ ถึงช่วงนี้เวลาหยุดพักชุดนำทางจะให้พวกเราพักตรงโขดหินเส้นสายน้ำตก เพื่อสำรวจตัวทากและนาวา ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นมีเยอะมาก ว่ากันตามจริง ผมโดนกัดตั้งแต่อยู่ที่น้ำตก ยังไม่ได้เดินทางเลย เลือดก็เต็มเสื้อแล้ว


                 พวกเราเดินสลับพักกันไปเรื่อย  เมื้อเที่ยงก็กินข้าวหลามกันกลางสายน้ำ ซึ่งหัวหน้าทีมคือพี่หยอยผู้จัดเตรียมเสบียงอาหารมาอย่างครบครัน


                หลังจากพักเที่ยงกินข้าวหลามรองท้องกันแล้วก็เริ่มออกเดินทางต่อ เพื่อที่จะรีบให้ถึงจุดหมายปลายทางที่พักคืนแรกของการเดินทาง


          แต่ในที่สุดพวกเราก็ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายที่วางใว้ได้เนื่องจากอุปสรรคจากเส้นทางที่ลำบากประกอบกับสภาพร่างกายที่ยังไม่ค่อยเข้าที่


                ทางกลุ่มผู้นำทางเลยต้องทำการหาที่พักใหม่ โดยดูทำเลที่อยู่ใกล้น้ำ และไม่ออกนอกเส้นทางมากนัก ในที่สุดเราก็ได้บริเวณตรงนี้เป็นที่พัก



                 ทางกลุ่มผู้นำทางชุดหนึ่งสร้างที่พัก อีกชุดก็หุงหาอาหาร ทำกับข้าวกัน ส่วนพวกเราก็ลงอาบน้ำชำระกลิ่นเหงื่อ เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ก่อนใกล้คำนิดหน่อยก็ลงมากินข้าวกันตรงทางน้ำ


                ทาง 3 สาว พี่หยอย พนิดา ออสซี่ เข้าที่พักขึ้นเปลนอน ไม่ได้ลงมากินข้าวเย็นกันในวันนั้น เข้าใจว่าเป็นเพราะทางขึ้นลงระหว่างลำธารกับที่พัก ชันมาก ขึ้นลงลำบาก



                 ตื่นเช้ามาหลังจากต้มน้ำร้อนกินชากาแฟ และอาหารเช้ารองท้องกันนิดหน่อยพวกเราก็เดินทางกันต่อ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงเป้าหมายที่ชุดนำทางตั้งไว้ที่จะให้พวกเรามาพักกันเมื่อคืน ตรงตำแหน่งนี้เรียกว่าย่านซื่อ


                เข้าใจว่าตรงตำแหน่งย่านซื่อนี้ที่ทีมนำทางจัดเป็นที่พักเพราะเป็นระยะครึ่งหนึ่งของการเดินทาง


                ผ่านย่านซื่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็พักกินอาหารที่รองท้องกัน ถ้าจำไม่ผิด เราจะกินมาม่าดิบกัน ไม่ต้องลวกไม่ต้องต้ม ยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ กันทุกคน


                ตรงตำแหน่งที่เราพักเที่ยงตรงนี้ พวกเรานั่งพักกันที่โขดหินกลางสายน้ำ ที่มีปลา งวด ชุกชุมมาก ทางทีมนำทางได้ตกปลากันบริเวณนี้


                และตรงตำแหน่งที่ผมนั่งพักกันตรงโขดหินกลางสายน้ำนี้ ผมได้เอามาม่าโยนลงไประหว่างโขดหิน ปรากฏว่ามีปลาจำนวนมากเป็นฝูงเลยออกมากินมาม่า  ผมได้ชี้ให้ออสซี่ดู พอออสเห็นเท่านั่นแหละเธอก็จะตะโกนบอกทีมนำทางว่าให้มาตกปลาตรงนี้ ผมได้สะกิดบอกออสว่า เอาไว้ดูดีกว่า ให้เขาตกอยู่ตรงโน้นนะดีแล้ว  ตรงนี้ขอเอาไว้ดูเพลินๆ นะ


          หลังจากพักกันพอหายเหนื่อยเราก็เดินทางต่อ ช่วงนี้ฝนเริ่มตกตลอดทาง การเดินทางก็เริ่มเดินขึ้นที่สูงชันมากขึ้นไปเรื่อยๆ พูดกันง่ายๆ ว่าตำแหน่งระยะทางต่อไปนี้เรากำลังปีนขึ้นไปสู่ยอดเขาและการเดินส่วนมากก็ต้องเดินไปตามทางสายน้ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคมากกว่าเดินทางป่า เพราะต้องเดินและปีนป่ายไปตามโขดหิน


                ผมเดินตามผู้นำคือพรานทอกไปเรื่อยๆ และราชินีแห่งเขายายเที่ยงเธอก็ตามมาติดๆ เสมอ ไม่เคยห่าง เมื่อถึงเส้นทางหนึ่งเราเริ่มทิ้งห่างชุดข้างหลังมาก พรานทอกก็เลยต้องร่นลงไปช่วยกลุ่มข้างหลัง


                เมื่อถึงตอนนั้นก็มีผม ออสซี่ พี่เสริฐ เดินอยู่กลุ่มหน้า ผู้ใหญ่ น้องต๊อก น้องจา ตามมก็ไม่ห่างมากนัก  ทีนี้เมื่อไม่มีคนนำทางจะเอายังไง พวกผมก็ต้องเดินต่อไป  เดินไปเรื่อยๆ ตามรหัสป่า



                จำได้ว่าตอนแรกเดินขึ้นไป 3 คนก่อนคือผม ออสซี่ พี่เสริฐ ช่วงนี้แหละเป็นช่วงสำคัญของพี่เสริฐ เพราะหลังจากที่เราเดินมาพอสมควร ผมก็หยุดพักตรงโขดหินกลางน้ำ พี่เสริฐซึ่งเดินตามออส มาตลอด ก็พักนะตรงจุดนั้น พี่เสริฐเงยหน้าขึ้นดูต้นไม้ กลางป่าซึ่งมีแต่พวกมอส และตะไคร่น้ำจับ จู่ๆ  พี่เสริฐก็หงายตึง ผมก็วิ่งไปประคองพี่เสริฐ ถอดเป้ออกจากตัว ปรากฏว่ากล้องถ่ายรูปจมน้ำ  ถามพี่เสริฐว่าเป็นยังไงบ้าง พี่เสริฐบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเราก็นั่งพักนิดหนึ่งรอชุดนำทาง


                นั่งอยู่นานพอสมควรผู้นำทางก็ยังไม่มาผมก็เลยบอกออสกับพี่เสริฐว่ารออยู่นี่ก่อนนะผมจะเดินไปดูข้างหน้า เมื่อตกลงกันตามนั้น ผมก็ได้เดินขึ้นไปตามสายน้ำ จนเกือบสุดสายน้ำ     (ต้นของน้ำตกจริงๆ ที่เห็นก็คือทางน้ำเล็กๆ ที่น้ำได้ซึมออกมาจากความชื้นของดินที่มีต้นไม้มากมายดูดซึมไว้ จากสายเล็กๆ หลายๆ สาย ไหลมารวมกันเป็นจำนวนมาก ก็กลายเป็นสายน้ำขนาดใหญ่ และก็ไหลลงไปข้างล่างจนเป็นน้ำตกในที่สุด)    ก็เห็นรหัสทางแยก ก็เดินไปดูเรื่อยๆ มั่นใจว่าต้องเป็นเส้นทางนี้ แล้วก็เลยเดินกลับจะมาบอกออสกับพี่เสริฐว่าเดินทางกันต่อ


 

              เดินย้อนกลับมาสักพักก็เจอผู้ใหญ่โสทรเดินสวนมา ก็ถามผู้ใหญ่ว่าชุดข้างหลังเดินกันมาหรือยัง ผู้ใหญ่บอกว่าเดินกันมาแล้ว ผมก็เลยชวนผู้ใหญ่ว่างั้นเราเดินกันไปก่อนดีมั๊ย ผู้ใหญ่ตกลงผมก็เดินนำออกไปทันที


                เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่แยกมาจากต้นน้ำสายเล็กๆ เส้นทางก็เริ่มชัน  คิดว่าคงจะเป็นเส้นที่จะไปยอดเขาแน่นอน ความชันขนาดเวลาเดินยกเท้าขึ้น  หัวเข่าของเราเกือบถึงหรือกระทบปลายคางของเราเอง


                ผมก็พาผู้ใหญ่บุกตะบันไปข้างหน้า ไต่เขาไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงประมาณกลางเขา ผมก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่ร้องโอย  ผมซึ่งเดินผ่านไปยืนอยู่ข้างบน หันกลับมามองผู้ใหญ่ เห็นผู้ใหญ่ล้มฟุบอยู่ โดยมีกิ่งท่อนขนาดเท่าขา ยาวประมาณเมตรกว่าทับร่างผู้ใหญ่อยู่  ผมก็ตกใจ ถามผู้ใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้างผู้ใหญ่บอกว่าไม่เป็นไรครับพี่  กิ่งไม้ผุ มันหล่นมาทับผมครับ แต่ผมไม่เป็นไรไปต่อได้


                ผมก็ได้สอบถามอาการผู้ใหญ่อยู่แป็บหนึ่ง เห็นว่าไม่เป็นไร ผมก็เลยเดินนำขึ้นเขาต่อ  ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชันสุดๆ เหนื่อยสุด เราปีนป่ายขึ้นไปสักพักหนึ่ง ผมก็ทะลุขอบป่าออกสู่ลานโล่งบนยอดเขา ตามมาติดๆ  คือผู้ใหญ่



ตามบล็อกนี้ครับเดินทางขึ้นเขาเจ็ดยอด รูปแรกบนยอดเขา

 

                 เมื่อขึ้นมาถึงตรงนี้ก็ยืนดูบรรยากาศบนยอดเขา ซึ่งมีความชื้นสูงมาก มีแต่หมอก มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกปกคลุมไปทั่วทุกยอดเขา


                กำลังยืนชมยอดเขาอยู่สักพัก ออส กับน้องจา ก็โผล่พ้นแนวป่าตามขึ้นมา ถึงตอนนี้ต่างคนก็ต่างเก็บภาพบรรยากาศแรกบนยอดเขา


                แต่นั่นเราแค่เพียงเดินพ้นแนวป่ามาแต่ยังไม่รู้ว่าต้องเดินไปพักตรงไหน  แต่เราก็เดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่มีอยู่บนยอดเขา ถึงตอนนี้ฝนก็ตกตลอด เดินชมดอกไม้ ไม้ป่าไปเรื่อย ๆ ผมก็ไปเจอกับรังนก ซึ่งอยู่ริมทางเดิน น้องออสก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปมา


                รอไม่นานมากนักชุดนำทางชุดแรกก็ตามมาสมทบ และบอกว่าที่พักต้องเดินข้ามเขาไปอีก 2 ลูก  (ไอ้หยา)  ก็เลยต้องเดินลุยต่อไปอีก 2 ลูกเขา  ก็ถึงที่พัก

 

 

 

 

รอติดตาม  เขาเจ็ดยอด ตอน เมื่อผมพาเพื่อนๆ หลงป่า 2 นะครับ

 

เหตุที่มา ทั้งหมดก็เพราะ  รพินทร์   ไพรวัลย์

ความเห็น

มัน พะยะค่ะ อ่านเพลินเลยพี่ศักดิ์ อย่าเผาอ๊อดมากเด้อฮ่าๆๆๆๆๆ รอต่อหลงป่าภาคสอง

มาแล้วไข่นก อิอิ น่ารักใหม จะเอาภาพใหน บอกมา จัดให้


เขียนบันทึกไปก็เหมือนกับ replay การเดินครั้งใหม่หรือเปล่าคะ...

สวัสดีค่ะ อ่านเพลินเลยค่ะ  :bigeye: รอภาคสองค่ะ   :beg: //คุณอ๊อดรังนกน่ารักมากๆเลยค่ะ    :bye:

ชีวิตที่เรียบง่ายกับความพอใจในสิ่งที่มี

เล่าเรื่องได้มีชีวิตชีวามากครับ


ฮานนี้ พี่เสริฐ ดูแลน้องๆหรอยนิ น้องศักดิ์ ขาลงพี่ลืมเคี้ยวคลอโรฟิล จริงๆแหละ เลยทำรังวัดบ่อย ก็ได้พี่เสริฐเป็นผู้ช่วยทำรังวัด5555


น้องศักดิ์ เดินป่าได้มั่นคงดีจัง ชมเชยๆๆๆ


เสียใจด้วยไม่ได้เผชิญการเดินบุกป่าตอนค่ำขาลง เหมือนทีมพี่หยอย 555555

 พกคลอโรฟิลไปด้วยเหรอ ก้านแดงหรือก้านเขียวล่ะ? แต่เขาว่าฝนตกมันไม่เวิร์คนี่นา

วันแรกช่วงบ่ายเดินตัวปลิวจริงนะ ลุงเสริฐจัดให้


ขาลงประมาทคิดว่าง่ายๆ ใช้เกียร์ว่างลงมาเลย ที่ไหนได้เบรคแตก55555 แถมมืดเดินอย่างตนตาบอด ยังลุ้นไม่หายเลยเนี่ย

นั่นดิลุงโรส คลอโรฟิล ที่ว่ามันน่าจะสู่แดดแพ้ฝน

ลุงโรส ก้านแกง กับก้านเขียว ต่างกันยังไงครับ

--------

twitoon[at]gmail[dot]com

ต้นที่หน้าบ้านแหละลุงโรส...

:sweating:


หน้า