เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
เริ่มด้วยสิ่งที่เป็นหนึ่งในอีกหลายอย่างที่คนสงขลาภาคภูมิใจ นางเงือกน้อยที่คนในเมืองสงขลาเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ใครมาสงขลาก็จะมาถ่ายรูปกับเธอ
ต่อไปสถานีรถไฟสมัยก่อน ก่อนที่จะหยุดให้บริการไปเมื่อ 1 กรกฎาคม 2521
ขอบคุณสำหรับภาพนี้ที่ได้จาก "สถานีรถไฟสงขลาในอดีตจากหนังสือ100ปีรถไฟไทยscanโดยคุณKeadtisak"
พอยุคนี้ 30 กรกฎาคม 2555เป็นแบบข้างล่างนี้
เข้าไปดูใกล้ๆกันครับ
ดูสถานีรถไฟแล้วย้อนกลับไปดูที่่มาของชื่อบ่อยางว่าทำไมคนต่างตำบลต่างอำเภอเวลาเข้ามาในเมืองจึงบอกว่ามา "บ่อยาง"
ในอดีตกาลนานโพ้น เราเดินทางไกลด้วยเรือเหมือนยุคหนึ่งที่สมเด็จหลวงปู่ทวดซึ่งเป็นที่นับถือไปอยุธยาหรือกลับมาสงขลาด้วยการเดินทางด้วยเรือที่มีตำนานการเหยียบน้ำทะเลจืดไง เนื่องจากถนนหนทางยังไม่มี การเดินทางสมัยนั้นเดินทางด้วยเรือใบอย่างนี้ครับ
ภาพนี้เพื่อนโพสต์มาให้ไม่ทราบทีี่มาครับถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็พิจารณาทำตามความเหมาะสมครับ เอามาลงไว้ในคนรุ่นปัจจุบันได้นึกภาพว่าเรือใบที่ใช้งานจริงกับเรือใบที่เห็นเขาแข่งต่างกันอย่างไร
ทีนี้การเดินทางในทะเลไม่มีน้ำจืดให้ใช้ดื่มกิน จำเป็นต้องสำรองน้ำจืดไว้ในเรือให้เพียงพอและใช้อย่างประหยัด(พวกเราก็อย่าไปไว่้ใจว่าอะไรๆก็มีให้เราใช้อย่างไม่อั้น ซักวันนึงอีกไม่นาน น้ำที่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง ไฟและน้ำมันเชื้อเพลิงที่คิดว่าเป็นเงินของฉันๆจะใช้อย่างไรก็ได้ เขาบอกว่ายามที่น้ำท่วมไม่มีอะไรขาย เงิน1,000บาทซื้อมาม่่าห่อเดียวก็ไม่มีใครขายเพราะเขาต้องเก็บไว้กินเอง)
เอ้ามาฟังต่อ ในการเดินเรือพอมาถึงเมืองสงขลาหรือซิงกอลาหรือสิงขร มีบ่อน้ำจืดอยู่แห่งนึงมองเห็นได้แต่ไกลแม้ในทะเลเพราะมีต้นยางที่สูงมาก(ยางนาที่ลูกของมันมีปีกหมุนไปได้ไกลๆน่ะ)ก็เอาเรือเข้าเทียบฝั่งแล้วขนเอาน้ำจืดขึ้นเรือ บ่อน้ำนี้จึงเรียกกันว่า "บ่อยาง" บ่อยางเป็นบ่อทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสความยาวของด้านปราะมาณ 1.8 เมตร เดี่ยวนี้อยู่ในบริเวณวัดยางทอง(ยางอีกแล้วนะ) และได้รับการบูรณะจนมีรูปร่างดังนี้
จากนั้นก็เรียกกันติดปากเมื่อเวลามา ณ.จุดนี้พูดกันว่ามา บ่อยาง จนเป็นตำบลบ่อยางครับ
ในเที่ยวสงขลาภาค 2 มีรูปยักษ์ 4 ตนพยายามไปหาข้อมูลเพี่มเติมและท่านผู้รู้ก็ยังไม่เข้ามาตอบว่ายักษ์แต่ละตนมีความสำคัญอย่างไรจึงนำมาปั้นไว้ที่มุมกำแพงวัดทั้งสี่มุม ก็จำเป็นต้องว่าไปก่อนดังนี้
ท้าววิรูปฺกโขหรือท้าววิรูปักษ์ถือคันธนูเป็นอาวุธเป็นจอมนาค รักษาทิศประจิมหรือทิศตะวันตก
ท้าววิรุฬหโก หรือท้าววิรุฬหกเป็นจอมเทวดาถือสามง่ามเป็นอาวุธ รักษาทิศทักษิณหรือทิศใต้
ท้าวธตรัฏโฐเป็นจอมภูติถือกระบี่เป็นอาวุธรักษาทิศบูรพาหรือทิศตะวันออก
ท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรณเป็นจอมราชาแห่งยักษ์ถือกระบองเป็นอาวุธ รักษาทิศอุดรหรือทิศเหนือ (ท้าวเวสสุวรรณคงคุ้นหูกันบ้างน่าจะเป็นท่านสุวรรณทีเคยดูในทีวีที่คอยจดบัญชีความดีความชั่วของมนุษย์เพื่อรายงานให้ท่านยมบาล อีกสามท่านก็คงทำหน้าที่เหมือนกันแต่คอยดูกันคนละทิศ แต่เราไม่ค่อยคุ้นหูเหมือนท่านสุวรรณเพราะดูในทีวีที่พูดถึงแต่ท่านสุวรรณในภิภพมัจจุราช ผิดถูกประการใดก็ขอโทษกันนะครับ)
รวมเรียกท่านทั้งสี่ว่าท้าวจตุโลกบาลคอยเฝ้าดูพฤติกรรมความชั่วความดีที่มนุษย์เราทำ แล้วค่อยรายงานยมบาลเมื่อเราตาย ไม่่อยากตกนรกหมกไหม้ก็อย่าทำชั่ว ทำบุญกุศลเอาไว้บ้างเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ทีนี้มาดูยักษ์อีกสองตน ชื่อเหมือนกัน สันนิษฐานว่าคอยล้างเท้าให้กับพระผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ ยักษ์ผู้ชายชื่อกุมภัณโฑ ยักษ์ผู้หญิงชื่อกุมภัณฑี ยักษ์ผู้หญิงตนนี้ใส่เสื้อเพื่อไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัยเรื่องที่ว่ากันครับ(สบายๆนะครับอย่าคิดมากคุยกันเล่นๆ)
ยักษ์ผู้ชายมีกระบองนะชื่อกุมภัณโฑ
ตนนี้เป็นผู้หญิงชื่อกุมภัณฑีมีกระบองเหมือนกัน
ภาพเก่าๆ.ไว้เตือนใจครับ วันนี้ก็จะเป็นอดีตของอนาคต ช่วยกันดูแลวันนี้ให้ดีๆวันหน้าจะได้ไม่ต้องพูดว่า รู้อย่างนี้......
- บล็อกของ อินเนียร์
- อ่าน 9732 ครั้ง
ความเห็น
Luckylak
1 สิงหาคม, 2012 - 20:44
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
เปิ้นบ่เกยไปสงขลา แต่เปิ้นไปนั่งในฮูปตั๋ว ตั๋วถ่ายฮูปหื้อเปิ้นโตยอี้บ่าไจ่กา ตั๋วผ่อ ว ด ป หั้นก่า วันเดียวกั๋นเลย ตั๋วจ๋ำบ่อได้แหมเมาะ :uhuhuh: คนหยังมาลืมง่าย ....
อินเนียร์
1 สิงหาคม, 2012 - 21:02
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
ฝั้งปิ๊กมาโวยๆจะถ่ายหื้อแหมใหม่ เอ่าหื้องามๆ เฮ้อ ! ขะใจ๋ เวลาในซีวิตน้อยลงกุ๊เตื้อ ครั้นบ่าฝั้งมาจะบ่าตันฮู้ก่อ?
Luckylak
1 สิงหาคม, 2012 - 21:37
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
:uhuhuh: เปิ้นมาละลอนั่งถ้าอยู่นี้แล้ว.....
เปิ้นมาเฉลย ..เปิ้นนั่งแมงนี้ แล้วไปนั่งในฮูปตั๋วนะก่ะ..???
อินเนียร์
31 มกราคม, 2013 - 20:27
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
ปอโถะ ! บ่ากั๋วแมงที่ตั๋วนั่งกา เก่งแต๊ๆ ผ่อสีคล้ายๆมังกรโคมาโด้บ่าจ้ายกา?ถึงเป็นฮูปปั้นกาจ้าั้งเตอะ พอแต่งไปใส่ในรูปมันตั่วน้อยผ่อบ่าออกเลย ผ่ออี้กะงามกะ งามแต๊ะงามว่าบ่าเฮ้ย
prikhom
31 กรกฎาคม, 2012 - 22:43
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
เคยไปมาแล้วถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกเหมือนกันค่ะ
อินเนียร์
1 สิงหาคม, 2012 - 20:19
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
ครับดีใจกับคุณพริกหอมและ่ีดีใจกับนางเงือกและสงขลาด้วยครับอดีตยังฝังใจและจดจำความหลังที่ดีๆเสมอ
Luckylak
31 กรกฎาคม, 2012 - 22:48
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
ตั๋วดูแลละอ่อนต่อนแต่นหมู่นี้หื้อดีๆ เน้อ ลูกไผหลานไผ มาแอ่วโตย อี้เลาะ ตั๋วลองตายผ่ลอ ว่าไผนะ????? ถ้าตายถูกเอาไปก่อนเลยนี่งโหวตเน้อ :uhuhuh:
55555+++ฮ่าฮ่า ฮู้จักก่อนะ
อินเนียร์
1 สิงหาคม, 2012 - 20:17
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
ขอสุมาโตยเน้อ ละอ่อนต่อนแต่นหมู่นีั้คือลูกหลานอ้าย บอกหี้อมันแล้วว่าบ่อหื้อไปอญู่ตอนเปิ้นจะถ่ายฮูปกั๋นบ่อเจื้อซักกำ ปี๊กมาเปินจะบุ๊บหื้อ แต่อย่่าไป๋ว่าหื้อมันหนาอ้ายสงสารมันเน้อ
Luckylak
1 สิงหาคม, 2012 - 20:34
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
อืยยยยยย...ตั๋วก็ดาย ละอ่อนต่อนแต่น หมู่นี้ เป็นน้องข้าวโอ๊ต และน้องแพรวาแต้ๆๆ มาจากในฮูปนี้เน้อ :uhuhuh:
ผ่อลอก่าจ๋ำลูกหลานบ้านสวนก็บ่ได้ 555+++ ขอบคุณที่มาของภาพค่ะ
อินเนียร์
1 สิงหาคม, 2012 - 20:49
Permalink
Re: เล่าเรื่องเมืองสงขลาภาค 3
คนเฒ่าโดนละอ่อนจุ๊ บ่าตันกำกึ๊ด โดนละอ่อนจุ๊หื้อแหมแล้ว แล้วผู้สาวใส่เสื้อสีจอมออน แม่เปิ้นกา บ่าล่างแต๊ๆ ซักเตื้อเทคโนโลยีกาเป๋นโต๊ดแตนที่จะเป็นประโยชนฺ์ ตั่วว่าก่อ?
หน้า