วิศวกรรม หรือ วิศวกรรมเกษตร ตอนที่ 7 ข้อคิด หรือ ข้อที่ต้องคิด

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ตอนที่ 7 ข้อคิด หรือ ข้อที่…ต้องคิด


มีคนเคยบอกว่า การที่เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าเราคงเลือกที่จะเรียน หรือเลือกที่จะไม่เรียนเรื่องใดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่จะตั้งใจเรียนหรือไม่ตั้งใจเรียนเรื่องไหนนั้นทำได้ เพราะทั้งหมดทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะมองมันอย่างไรแต่ละคนอาจจะชอบแตกต่างกัน บางคนมองปัญหาว่าเป็นโอกาสในการได้ใช้สติปัญหาในการคิดแก้ไข เลยเรียนวิชานี้บ่อยๆ ในขณะที่อีกหลายๆ คนอาจจะมองว่า ปัญหาเป็นเรื่องน่าเบื่อทำให้ชีวิตไม่ราบรื่น ไม่ชอบ ไม่อยากประสบพบเจอ แต่เชื่อเถอะว่า เราไม่มีทางที่จะหลีกหนีสิ่งต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความผิดหวังเหล่านี้ได้ มันเพียงแต่ยังมาไม่ถึงเราก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเรา

ซึ่งวิธีการเตรียมตัวก็ทำได้ไม่ยากและก็ไม่ง่ายนัก! มีสอนกันมากมายตามหนังสือประเภทจิตวิทยาหรือพวกหนังสือแนวสร้างแรงบันดานใจต่างๆ ลองหาอ่านกันดูครับ เดี๋ยวนี้มีคนเขียนหนังสือแนวนี้เยอะ สอนกันได้ เรียนรู้กันได้ แต่ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคน แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่สามารถทำได้ เพียงแต่ หากเรามีการเตรียมตัว และยอมรับว่าปัญหาเป็นบทเรียนหนึ่งที่เราต้องผ่านของช่วงเวลาในการดำเนินชีวิต เราก็จะชินและไม่ตื่นตระหนกเวลาที่เจอปัญหาหรือสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายก็เท่านั้น ที่เหลือก็แค่…ใครมีสติปัญหาในการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์นั้นๆ ได้เร็วกว่ากัน ก็เท่านั้น!

วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสือ “สูตรลับการพิชิตความสำเร็จแบบอัจฉริยะ” เพื่อศึกษาแนวคิดว่าผู้เขียนเขามอง “คน” อย่างไร ตัวเราเป็นอย่างไร ให้ตายสิ!! ขนาดตัวเราเองยังต้องให้คนอื่นมาบอกว่าเราเป็นคนยังไง? นี่แหละที่เขาว่า “แค่เรามองดูตัวเราเองอย่างเดียวไม่พอ เราต้องดูตัวเรา ในมุมมองของคนอื่นด้วย ถึงจะรู้ว่า ที่จริงแล้ว ตัวตนของเราเป็นอย่างไร” ผมอ่านหนังสือจนจบเล่ม แต่ก็ยังบอกกับตัวเองไม่ได้ว่าจริงๆ แล้ว เราเป็นคนอย่างไร!

แต่สิ่งที่ผมได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ กลับมากกว่าสิ่งที่ผมคาดหวัง นั้นก็คือ “ข้อคิด” ที่ผู้เขียนได้สอดแทรกไว้ในทุกตอนของหนังสือ!

ผมคงต้องขออนุญาตหยิบยืมข้อคิดสั้นๆ จากหนังสือ “สูตรลับการพิชิตความสำเร็จแบบอัจฉริยะ” มาหนึ่งข้อ เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้ร่วมคิดตามไปกับผม ว่า จริงๆ แล้ว มันเป็นเพียง “ข้อคิด!” หรือ “ข้อ…ที่ต้องคิด” กันแน่ ในตอนหนึ่งของหนังสือได้กล่าวว่าคุณจะเป็นคนแบบไหนระหว่างคนที่ “จะนั่งดูคนอื่นรวย! หรือ จะรวยให้คนอื่นดู!”

ทันทีที่ผมอ่านบทความตอนนั้นจบ คำถามคำนี้ก็เข้ามาฝังอยู่ในสมองของผมตลอดเวลา! ผู้เขียนได้ให้แง่คิดที่ว่า ทุกวันนี้เรามักจะยกบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาพูดคุยกันในวงสนทนาอยู่เสมอๆ นอกเหนือจากเรื่องสับเพเหระทั่วๆ ไป ซึ่งที่บ้านผมก็เป็นอีกที่หนึ่งที่มักจะหยิบยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาพูดกันอยู่เสมอๆ เช่น ดูคนโน้นซิ! เดี๋ยวนี้เป็นนายหัวมีที่เป็นร้อยๆ ไร่ ดูลูกบ้านโน้นซิ! เดี๋ยวนี้ได้ทำงานเงินเดือน เดือนละ 4-5 หมื่น! ดูลูกบ้านโน้นซิ! เมื่อก่อนทำธุรกิจเปิดร้านขายของเล็กๆ เดี๋ยวนี้เป็นเถ้าแก่มีลูกน้องหลายลิบคนเลย! เรื่องราวเหล่านี้ผมเชื่อเหลือเกินว่า หลายๆ ท่านก็คงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างไม่มากก็น้อย! ไม่เว้นแม้แต่ตามสื่อต่างๆ แม้แต่ในวงการการเกษตร ที่มักจะยกบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจากสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำ

ซึ่งในมุมมองของผม ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะชื่นชมบุคคลต่างๆ ที่เขามีความมุ่งมั่น พยายามทำสิ่งเหล่านั้นจนประสบความสำเร็จ! แต่เชื่อเถอะครับว่า คนส่วนใหญ่มักจะเพียงแค่ชื่นคม หรือรับฟัง เวลาที่เราได้เห็น ได้ยิน หรือ ได้ฟัง คนอื่นบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้น แต่จะมีสักกี่คนที่จะเก็บมาคิดว่า “คนเหล่านั้นเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร และเขาเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ตอนทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น”

ทีนี้ก็มาถึงเวลาของคุณๆ ท่านๆ กันแล้ว ว่า คุณเลือกที่จะเป็นใคร ระหว่าง

คนที่ นั่งดู…คนอื่นรวย!

หรือ คนที่ จะรวย…ให้คนอื่นดู!


ถ้าคุณยังเลือกที่จะเป็นคน นั่งดู…คนอื่นรวย! ก็ไม่ยาก ไม่ต้องทำอะไรเพราะผมเชื่อว่าคนเราส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!

แต่ทว่าคุณเลือกที่จะเป็นคนที่ จะรวย…ให้คนอื่นดู! อันนี้เรื่องใหญ่เลย เพราะการที่เราจะรวยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าความพยายามที่คุณจะทำได้!


แต่ก่อนอื่นผมว่า เราคงต้องทำความเข้าใจกับคำว่า “รวย” กันให้ดีเสียก่อนว่า อย่างไรถึงเรียกว่า “รวย” รวยในมุมมองของผมมีเงื่อนไขอยู่ว่า

หนึ่ง รวยความสุข

สอง รวยสุขภาพที่ดี

สาม รวยเกียรติ

สี่ รวยความมั่นคงทางการเงิน

 

หลายคนมีธุรกิจใหญ่โต แต่ทว่าสุขภาพไม่ดี เลยไม่มีโอกาสได้หาความสุขใส่ตัวเท่าที่ควรจะเป็น บางคนหาความสุขใส่ตัวมากจนเกินพอดี จนก่อความลำบากตามมาในภายหลัง

ทีนี้เราก็มาดูกันว่า เราจะรวยอย่างที่ว่าได้อย่างไร? ซึ่งผมขอเอาตัวเองเป็นตัวอย่างในการชี้แจงเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยขอเริ่มจาก

หนึ่งรวยความสุข : เรื่องนี้ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เราต้องถามตัวเองว่า ขณะที่เราทำงานต่างๆ อยู่นั้นเราคิดอะไรอยู่ เช่น ดูว่ามันเป็นภาระหรือเปล่า หรือว่า ไม่ชอบไม่อยากทำ หรือว่า จำใจทำเพราะไม่รู้จะทำอะไร ถ้าคุณยังรู้สึกแบบนี้รับรองเลยว่า การที่จะหาความสุขจากงานที่ทำเป็นไปได้ยาก แต่ก็มีสองทางให้เลือก นั่นก็คือ หางานที่เราชอบจริงๆ ทำแทนงานเก่าที่ทำอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หรืออีกทางเลือกก็คือ ปรับตัวเองเข้าหางานที่เราทำอยู่ ค่อยๆ เรียนรู้ คบหา พยายามอยู่กับมันให้บ่อยๆ ทำความเข้าใจมันให้ลึกซึ้ง แล้วก็ ตกหลุมรักมัน เฉกเช่น เวลาที่เราตกหลุมรักใครสักคน! อันนี้ผมพูดจริงๆ นะ! ไม่ได้เป็นมุขตลก!

ก่อนหน้านี้เวลาที่ผมได้รับมอบหมายงานให้ทำ Project ต่างๆ ผมก็จะขลุกอยู่กับมัน เรียนรู้มัน ทำความรู้จักมันในทุกๆ ด้าน พลาดบ้าง ผิดบ้าง ถูกบ้าง จนเข้าใจงานนั้นๆ อย่างถ่องแท้ จนมันกลายเป็นเรื่องง่าย จนมาเป็นเกษตรกรผมก็ยังต้องเรียนรู้ เพื่อทำความรู้จักกับมัน จนตอนนี้ตกหลุมรักการเป็นชาวสวนโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่เดินลงสวนแล้วได้เห็นต้นไม้ที่เราปลูกมันโต เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว! ยังไม่ทันได้ขายผลผลิตเลยก็มีความสุขแล้ว ถ้าคุณคิดและปรับตัวเข้ากับงานที่ทำได้เช่นนี้ ผมเชื่อแน่ว่า ทุกงานที่คุณทำอยู่จะนำความสุขมาให้คุณได้เช่นกัน

สองรวยสุขภาพที่ดี : นั่นคือ เราต้องรู้จักใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้น

ก่อนหน้านี้สมัยที่ผมยังทำงานที่บริษัทด้วยความที่ผมเป็นคนบ้างานมาก ทำงานวันละแปดชั่วโมง พักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็ลงมือคิดงานต่อทันที ตกเย็นหากงานยังไม่เรียบร้อยก็อยู่ทำต่อบางวันก็ทำโอที บางวันก็อยู่ทำงานให้ฟรีๆ เมื่อกลับมาถึงห้องก็จะเอางานกลับมาตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนส่งงานในวันถัดไป ทำแบบนี้มาตลอดช่วงระยะเวลากว่าห้าปี ผมทำเพราะผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำ และไม่ใช่ผมคนเดียวที่ทำแบบนี้ ยังมีพี่และน้องที่บริษัทอีกสองคน ที่ทำแบบเดียวกับผม นั่นอาจจะเป็นเพราะเราถูกนายญี่ปุ่นและผู้จัดการปลูกฝัง เรื่องความรับผิดชอบและการมองโลกในแง่บวกมาด้วยกัน ตลอดระยะเวลาที่ทำงานร่วมกัน! ผมทำงานแบบนี้จนติดเป็นนิสัย จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องสุขภาพของตัวเองสักเท่าไหร่ ยิ่งวันไหนเป็นวันหยุดแทนที่จะหยุดพักผ่อนเราก็มักจะนัดกันไปกินเหล้าบ้างเที่ยวบ้าง และแทบทุกครั้งต้องเมากลับห้องพักตลอด เช้าวันจันทร์ตื่นขึ้นมา ก็มาทำงานต่อเป็นแบบนี้ตลอดห้าปีเช่นกัน

มาถึงทุกวันนี้เมื่อกลับมาย้อนนึกดูก็ให้สงสารร่างการของเราเองไม่ได้ ผมกลับมาทำสวนใหม่ๆ ขุดหลุมปลูกต้นไม้ได้ต้นสองต้นก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็โชคดีหน่อยที่ผมเป็นคนแข็งแรงเลยไม่ค่อยจะเจ็บป่วยกับเขาสักเท่าไหร่ ที่ยกมาทั้งหมดไม่ได้จะบอกว่าไม่ให้ทำงานหนัก หรือเลิกเหล้าเลิกบุหรี่นะครับ เพียงแต่ต้องการเตือนสติว่า ร่างกายเราก็เหมือนเครื่องจักรใช้มันมากๆ ใช้มันนานๆ ก็ต้องให้มันได้พักผ่อนบ้าง และที่สำคัญก็คือ “สมอง” อยากให้เราลองแบ่งเวลา แล้วใช้สมองอันชาญฉลาดของเราคิดทำอะไรเพื่อตัวเราเองบ้าง เผื่อจะปิ้งไอเดีย ดีๆ ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วขึ้นก็ได้!

สามรวยเกียรติ : นั่นคือ งานหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ทำจะต้องเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น หรือแม้แต่ ต่อองค์กร และ ประเทศชาติ มันยิ่งใหญ่มากการจะได้มาซึ่งเกียรติยศนั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาเกียรตินั้นไว้ยิ่งยากกว่า ทุกงานที่ทำหากเป็นงานที่สุจริตล้วนแล้วแต่เป็นงานที่มีเกียรติอยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันหรือไม่ แต่ละคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกัน เช่น บ้านเรามักจะมองว่าคนเก็บขยะเป็นอาชีพที่ไร้เกียรติ ในขณะที่ต่างประเทศในหลายๆ เมืองเขากลับยกย่องอาชีพเก็บขยะเป็นอาชีพที่เสียสละและมีเกียรติ มีการให้ผลตอบแทนที่สูงมากๆ ซึ่งผมมองว่า เกียรติ มันอยู่ในตัวเรา เรารู้ว่าเราเป็นอะไร เราทำอะไร การจะได้รับการยกย่องจากใครนั้นเป็นเพียงการสมมุติเท่านั้น อย่าไปยึดติด เช่น ขณะที่ผมยังทำงานให้กับบริษัท แทบจะทุกครั้ง ที่มีวิศวกรคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัท หัวหน้าของวิศวกรเหล่านั้นก็จะส่งเขาให้มาเรียนรู้งานกับผม พี่อุเทน และน้องโอ๋ เสมอๆ ด้วยเขาให้เกียรติว่าเราเป็นผู้มีความชำนาญในสามสายงาน ที่หาตัวจับยาก โดยผมจะสอนและให้ความรู้เรื่องการออกแบบและการออกแบบระบบการผลิตทั้งหมด พี่อุเทนจะสอนเรื่องกระบวนการประกอบชิ้นงานแบบอัตโนมัติและการควบคุมกระบวนการผลิต และสุดท้ายน้องโอ๋ เป็นผู้ที่ชำนาญเรื่องสารเคมีและเส้นใยโพลิเมอร์ แต่ก็ใช่ว่าวิศวกรทุกคนจะได้รับเกียรติเท่าเทียมกัน โดยเราจะดูที่ความสนใจและความกระตือลือล้นของวิศวกรคนนั้นๆ เป็นหลัก เพราะถ้าเขาเหล่านั้นตั้งใจเต็มร้อยเราก็สอนเขาเต็มร้อย แต่ถ้าเขาไม่ให้เกียรติตัวเอง ที่จะรับความรู้ใส่ตัว เราก็จะสอนเฉพาะสิ่งที่เขาจำเป็นต้องรู้ เพราะมันไม่เกิดประโยชน์กับการเติมน้ำในแก้วที่เต็มอยู่แล้ว!

แม้แต่ขณะนี้ผมจะไม่ได้เป็นวิศวกรแล้วผมก็ยังคงให้เกียรติตัวเองให้เกียรติองค์กรในฐานะที่เป็นผู้ให้ประสบการณ์ และ ให้เกียรติชาวสวนและเกษตรกรที่มีความมุ่งมั่นทุกคนที่ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นต่างๆ ที่ทำให้ผมรู้ว่า การเป็นเกษตรกรที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย!

เพราะฉะนั้นไม่ว่า คุณจะเป็นใคร ทำงานอะไร หรือทำหน้าที่อะไรในองค์กร จงจำไว้เสมอว่า จงให้เกียรติตัวเองก่อน แล้วคนอื่นจะให้เกียรติเรา

สี่รวยความมั่นคงทางด้านการเงิน : ข้อนี้สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้ออื่นๆ เพราะเงินเป็นเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้การดำเนินกิจการต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเงินมากมายมหาศาล ขอเพียงมีมากพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวให้มีความสุขตามที่ควรจะเป็นได้ก็พอ เพราะฉะนั้น เมื่อได้มาซึ่งเงินทองแล้ว ควรมีการจัดสรรปันส่วนให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตหรือกับการดำเนินกิจการต่างๆ ของแต่ละคน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่ประหยัดจนต้องอยู่อย่างยากลำบาก

 

สิ่งสำคัญผมว่า ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินว่ามีเท่าไหร่ แต่มันอยู่ที่ว่า เงินที่มีอยู่นั้นจะใช้มันอย่างไรมากกว่า

จากที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลคงพอจะช่วยให้มองเห็นภาพมากขึ้นนะครับว่า จะต้องทำอย่างไรจึงจะเรียกว่า “รวย”

ต่อไปก็ลองมาสำรวจตัวเราเองว่า เราเป็นอย่างไร? และเราเลือกที่จะเป็นคนแบบไหน ระหว่าง “คนที่นั่งดูคนอื่นรวย หรือ คนที่จะรวยให้คนอื่นดู!” ซึ่งหากใครสามารถรวยได้ทั้งสี่ข้อ โดยเฉพาะข้อที่สี่อันนี้ต้องชื่นชมเพราะมันเป็นตัวที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการที่จะรวยได้ดีที่สุด

และสิ่งที่ทุกท่านจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ประโยชน์จากการอ่าน เมื่อท่านอ่านแล้วอย่าปล่อยให้สิ่งที่ท่านอ่านเป็นเพียงเรื่องราวฆ่าเวลา ลองเก็บมาคิดทบทวนแล้วจะรู้ว่าเราสามารถจะได้รับประโยชน์จากการอ่านมากขนาดไหน เมื่อทุกข้อคิดในหนังสือ กลายเป็น สิ่งที่ต้องคิด ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะสามารถประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ต้องการได้ไม่ยาก!

และในขณะที่เขียนบทความนี้ตัวผมเองก็ทำได้เพียง ข้อที่สาม ยังคงต้องเร่งมือเพื่อทำให้ได้ครบทั้งสี่ข้อ ไว้ได้เรื่องอย่างไรผมจะนำมาเล่าต่อในตอนต่อๆ ไปนะครับ!

 

ขอบคุณทุกคำติและคำชมนะครับ!

R-Boo

ความเห็น

รอบนี้มาดึกหน่อยครับ หวังว่าคงไม่เบื่อที่จะอ่านอะไรยาวๆ นะครับ พี่ๆ ป้าๆ ทุกท่าน

R-Boo

หายไปนนานนะคะ...กลับมาด้วยข้อคิดเช่นเดิม...

ชีวืตที่เพียงพอ..

ช่วงนี้นอกจากงานในสวนแล้ว ยังต้องแบ่งเวลาปรับภูมิทัศน์รอบๆบริเวณบ้านด้วย จึงไม่ค่อยได้เขียนบทความเท่าไหร่ครับ!

แบบว่าช่วงนี้กำลังปรับภาพลักษณ์ของสวนให้ดูสวยเพื่อดึงดูดตาผู้ที่สัญจรผ่านไปมาครับ

R-Boo

ไม่เบื่อกับการอ่านเลยค่ะ ยังอ่านซ้ำอีกด้วย บางเรื่องราวคล้ายๆ ตัวเอง ที่ครอบครัวดำเนินชีวิตอยู่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง :cheer3: :bye:

 

 

ขอบคุณนะครับที่ไม่เบื่อเสียก่อน!

ตอนที่ 7 ข้อคิด หรือ ข้อที่ต้องคิด เดิมทีตั้งใจจะเขียนตั้งนานแล้วครับ!

เพราะผมสังเกตุจากเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ชอบอ่านหนังสือ

แต่เมื่อครั้งเราแกล้งถามว่า ได้อะไรจากการอ่านบ้าง โดยส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า ก็อ่านเพื่อฆ่าเวลา! ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่!

แต่ผมกลับเชื่อว่า ทุกคนที่อ่านหนังสือ หรือบทความอะไรก็แล้วแต่ล้วนแต่ได้รับประโยชน์จากเรื่องราวเหล่านั้นด้วยกันทั้งนั้น

เพียงแต่อาจจะยังไม่รู้ตัว เพราะยังไม่เจอสิ่งนั้นๆ กับตัวเองมากกว่า

R-Boo

ได้ครบ4ข้อ  เพราะข้อ4  ป้าเล็กตั้งเพดานต่ำค่ะ  แค่นี้ก็พอแล้ว  รวยแล้ว

ผมได้สามข้อแล้วครับ! ป้าเล็ก!

ข้อสี่ผมตั้งเพดานบินไว้ค่อนข้างสูงหน่อย! ด้วยผมมองแล้วว่ามีโอกาสที่จะไปถึงเป้าได้ไม่ยากครับ เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาอีกนิดหน่อยครับ!

แต่ถึงแม้จะได้เพียงสามข้อแรก ก็มีความสุขแบบคนพอเพียงแล้วครับ!

R-Boo

ขอบคุณ สำหรับข้อคิดดีๆที่มีมาเรื่อยๆนะครับขอให้ประสบความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่นโดยเร็วครับ

ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับคำอวยพร

ผมจะเร่งทำให้สำเร็จเร็วๆ ครับ!

R-Boo

ขอบคุณค่ะ ข้อคิดดีๆ แค่รวยน้ำใจก็สุขใจแล้วค่ะ


หน้า