กัทลี ... ร่ำไป
ขึ้นมาทั้งที จะมามือเปล่า ก็กระไรอยู่ หันไป ... หันมา เห็นของใกล้ตัวในสวน ....
ตัดสินใจ ... ไม่ต้องถามใคร ... เอาเจ้านี่ละวะ ไปฝาก ... ก็
กล้วย ... ครับ ... กล้วย
เริ่มจาก ที่รู้จักกันดี ก็ .... กล้วยน้ำว้านี่แหละ คราบ ...
แผกไปหน่อย ตรงเป็น “พันธุ์ต้นเตี้ย” ... เท่านั้นแหละครับ
เตี้ยก็ออกลูกนะยะ ... เหลือเครือย่อม ๆ ไว้ให้เจ้าของสวนดู ...
เครือใหญ่ ๆ ... ทันใคร คนนั้นก็เอาไป ... ฟรี ! ครับ ... ฟรี!
ก็ เพราะ ... เครือย่อม ๆ นี่แหละ ... ไม่มีคนสนใจ
เลย ... หวาน ... “คอนก” ... แต่ไม่เกี่ยวกะแร้งนะ ขอบอก
คุณลักษณะประการหนึ่ง ของกล้วยน้ำว้าต้นเตี้ย คือ ... พอออกเครือ ผลโตหน่อย ... จะเปลื่ยนสัญชาติ เป็น ... “อิสระเอน”
อย่างต้นนี้ ... เปลี่ยนไป สองสัญชาติเลยเชียวละ ...
คือ ครั้งแรก เปลี่ยนเป็น “อิสระเอน” ... แล้ว โอนไปเป็น ...
“เลบ้านอน” ... ฮึ ๆ ๆ ๆ ...
ละจากกล้วยน้ำว้า ... ก็มาดู ... อีกพันธุ์ ...
นี่ ... เท่าที่สดับมา เขาเรียก กันว่า
“กล้วยหิน” ... ขอรับ
ปล่อยไว้ ให้สุกคาต้น ...
ภาพนี้ถ่ายเสร็จ ... ก็จัดการลงมีดพร้า ที่โคนต้น
เครือตาย ... เครือแทน ! ...
เครือโน้นตัดไป ... เครือใหม่ มาแล้วครับ
เอ้า ... เอามาให้ดูอีกพันธุ์ ...
พันธุ์นี้ เคยนำเสนอไปหนหนึ่งแล้ว ... ฉายซ้ำอีกรอบ คงไม่ถึงกะรำคาญ เนาะ?
นี่ คือ ... “กล้วยนางพญา”
ดูเครือ ... ดูหวี (มี 11 หวี) ก็เหมาะกะชื่อเขาละ ...
หวีใหญ่สุด 27 ผล ... เล็กสุด 17 ผล
พอเครือโตขึ้น ก็เปลี่ยนสัญชาติ เป็น “อิสระเอน” ...
คงอยากเอาอย่าง เจ้าน้ำว้ากระมัง
กลัวเขาจะ โอนไปเป็น ... “เลบ้านอน” ! ...
เลยต้องค้ำเอาไว้ อย่างที่เห็นนี่แหละ
ปล่อยให้สุกคาต้นเช่นกัน... ตอนแรกว่าจะโค่นต้นก่อน แต่กลัวลงมากระแทก – ช้ำ ... เปลี่ยนใจ ว่าจะตัดทั้งเครือ ... แต่ประลองกำลังแล้ว เห็นว่าก็ไม่ไหวครับ ....
จึงหามีดไปเลาะหวีออก จากเครือ เป็นหวี ๆ จึงตัดต้นทีหลัง
บ่มต่อ 2 วัน เกือบ “งอม” ... ปอก ...
เห็นเนื้อเรื่อเรืองเหลืองผุดผ่อง ดุจสีทองยั่วพยาธิน้ำยายหยาย ... (ซีด...)
เอ้า ... แถม อีกกล้วย เนาะ
ลักษณะ คล้าย “กล้วยเล็บมือนาง” ... ที่บ้านข้าพเจ้า เรียก “กล้วยหมาก” นิยมรับประทานดิบ โดยแนมกะแกงเผ็ด หรือเป็นผักจิ้ม
แต่ที่สุก ๆ อย่างที่เห็นนี่ ก็อร่อยดีนะ จะขอบอก ... ฮึ ๆ ๆ ...
เขียนมาถึงตรงนี้ กำลังจะหาบทจบของกล้วย ... ก็ให้หวนรำลึกถึง “โคลงโลกนิติ” ที่เคยท่องคราเรียนมัธยม จึงใคร่ขออนุญาตนำมาให้อ่านกันดู ... ดั่งนี้
“ขันขนขุยฆ่าไม้ หนามมี
คิดพ่างผลกทลี ฆ่ากล้วย
ลูกม้าฆ่าชนนี ลาเกิด ตนนา
ลาภฆ่าคนโลภม้วย ดุจไม้มี่หนามฯ”
- บล็อกของ paloo
- อ่าน 9897 ครั้ง
ความเห็น
paloo
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:24
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
ขอบคุณครับ ...
เกิดกับหมอตำแย
12 พฤศจิกายน, 2012 - 21:43
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
เรื่องกล้วยๆ :uhuhuh:
sudjai_waitong@hotmail.com
0805401058
paloo
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:27
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
ก้าเพราะ เหรื่องกล้วย ๆ ... ฮันแนะ ต่อได้เอามาหลาว ...
ก้ามั่น หายดี เล่า
ธนนันท์
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:12
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
กล้วยหิน กำลังหาหน่อค่ะ...อยากอยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณลุงจังเลย...สารพัดพันธุ์กล้วย
paloo
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:33
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
ก็ปลูกไว้มั่ว ๆ แหละหลาน ...
กล้วยนางพญา กะ กล้วยหิน ... ลงไว้ อย่างละไม่กี่กอ แต่หน่อเยอะ ...! แล้วก็ค่อนข้างเร็ว
พอที่จะแบ่งปัน สมช. ได้ตามควร ...
ชวิน
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:18
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
กล้วย นางพญา เห็นสีแล้วน่ากิน รสชาด เป็นอย่างไร ครับ
พอเพียงเพื่อเพียงพอ
jabee_68@hotmail.co.th
paloo
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:41
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
"รสชาด เป็นอย่างไร ครับ" ...
วิสัชนา : ผลที่สุกใหม่ "หวาน" มี "เปรี้ยว" แอบโผล่มานิด ๆ เนื้อ ออกยุ่ยนิด ๆ
ถ้าอดใจไว้เกือบ งอม จะ "หวาน หอม" เนื้อ "นุ่มเหนีว"
สมจิต
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:39
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
นานๆมาที เอากล้วยของดี มาฝากหลานๆ นะคะคุณลุง
paloo
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:43
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
นาน ๆ เจอ ... ก็พยายามหาติดไม้ ติดมือมาฝาก นะขอรับ
ลุงพูน
12 พฤศจิกายน, 2012 - 22:41
Permalink
Re: กัทลี ... ร่ำไป
พี่หลวง หายไปนาน บายดีนะครับ
หน้า