เขาหลวง ฉบับอินเนียร์

หมวดหมู่ของบล็อก: 

รอๆเพื่อนๆที่ขึ้นเขาหลวงเขียนบล๊อกบอกกล่าวเล่าเรื่อง ก็มีคุณเสินเกริ่นเล่าแล้วก็พี่เสิรฐ์เขียนไป2บล๊อกก็รอชมต่ออยู่ ผู้ใหญ่ก็เตรียมเขียน

บล๊อกอยู่ในขั้นเตรียมแบ่งแยกหมวดหมู่ของภาพ ส่วนสาวๆยังไม่มีข่าวว่าจะเขียนบล๊อก อินเนียร์เพิ่งจะพอหาเวลาได้เพราะขนาดยังไม่ถึงบ้านแค่อยู่ที่ร้านสามกั๊กพรรคพวกโทรไปให้ช่วยซ่อมเครื่่องทั้งที่พลียมากๆ พอนั่งหน้าจอหลับคาจอเลย พอหาเวลาได้ก็ลงมือนี่แหละ

เริ่มจากอ๊อด(oddzy)มาถามว่าเขาจะขึ้นเขาหลวงกัน ซิไปบ๊อ? มีดอกไม้สวยๆ มีสายหมอก วิวทิวทัศน์สวยๆ พอถึงวันนัดก็ขับรถไปตามลำพัง ตามหาบ้านพี่หยอยที่มายืนรอรับหน้าบ้าน เจอปั๊บก็รู้ว่าใช่ทั้งๆที่ไม่เคยเจอมาก่อน เข้าไปในร้าน พี่หยอยต้อนรับด้วยน้ำหมัก ในร้านมีอ๊อด สาวเกดจากโคราชบ้านเอง แล้วก็น้องนัด สำหรับอ๊อดเห็นปั๊บก็แน่ใจว่าใช่ รออยู่พักใหญ่เห็นว่าผู้ใหญ่ยังไม่ถึงมา จึงชวนกันกินข้าวมื้อเที่ยงแล้วน้องไก่ก็ลงมาสมทบ ซักพักนึงเปรี้่ยวส้มก็ถึงมา ตอนแรกก็ไม่รู้จักใครเลยพอเขาเรียกชื่อเปรี้ยวอินเนียร์ก็ตีซี้เลยเพราะจำได้ว่าเปรี้ยวไม่ได้เข้าบ้านสวนมานานเพิ่งจะเข้ามา เปรี้ยวคุยเก่งยิ้มเก่ง พอกินข้าวเสร็จซักพักผู้ใหญ่กับพี่เสิรฐ์ก็ถึงมา พี่เสิรฐ์กับผู้ใหญ่อินเนียร์ก็เพิ่งเจอ เข้าไปทักผู้ใหญ่ๆจึงรู้ว่าเป็นอินเนียร์ และผู้ใหญ่พี่เสิรฐ์ก็กินข้าวกลางวันโดยมีพีี่หยอยกินเป็นเพื่อน

รูปนี้ไม่มีน้องไก่น่าจะเป็นคนถ่าย ภาพนี้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ผมเกรงใจไม่กล้าบอกพอน้องไก่ถ่ายเสร็จเขาคงขยับกันจะถ่ายไม่ทันครับ อีกพักนึงคุณเสินกับคุณเก้ก็ถึงมา แล้วพีหยอยเจ้าบ้านก็ชวนให้กินข้าวกัน

กินข้าวเสร็จก็เอาน้ำใจที่เตรียมมาจากปัตตานีมาแจกเพื่่อนมีทั้งต้น เมล็ด ขนมสุกพร้อมกิน ขนมแห้ง แตงโมลูกใหญ่ กล้วยหอมทองฯ

 

แจกของพร้อมอธิบายสรรพคุณ เสื้อขาวท้าวสะเอวคือน้องไก่ครับ

กินข้าวเสร็จสรรพก็พากันเดินทางไปคีรีวงช่วงบ่าย ไปเยี่่ยมชมศูนย์มัดย้อม 

 

 

แจกก่อนจากกัน

 

พี่เสินล่ำลาพร้อมคำอวยพรให้ไปดีมาดี พวกขึ้นเขาหลวงพร้อมพี่หยอยไปนั่งพักริมสายน้ำไหลใช่น้ำตก

 

อากาศร้อนมากๆพอได้ลงน้ำก็รู้สึกหน้าตาสดใส อีกสองคนที่ลงน้ำคือสาวเกดและน้องนัดไม่ได้ถ่าย ส่วนน้องไก่ไม่ลงน้ำ พี่เสิรฐ์ ผู้ใหญ่และอินเนียร์ไม่ได้ลงน้ำแค่วักน้ำล้างหน้าและ อทชน เอาเท้าแช่น้ำ ขึ้นจากน้ำก็พากันไปกินข้าวในกล้องอินเนียร์ไม่มีรูปเพราะว่าต้องการประหยัดแบตฯกล้องไว้ถ่ายดอกไม้ วิว และสายหมอกบนเขา

แล้วก็เข้าที่พัก เรินท่าหารีสอร์ท

เช้ามากินกาแฟริมน้ำแล้วต่อด้วยร้านขนมจีนหน้าตลาด จากนั้นไปรวมพลที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เจอห่านที่นิสัยดีอยากเป็นเพื่อนกับคน มีอยู่ตัวเดียวไม่มีเพื่อน แล้วก็นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์วิบาก คันละ1คน

 

นั่งรถไปตามทางแคบๆขึ้นๆลงๆโค้งๆคดๆด้วยความเสียวเพราะไม่คุ้นกับการนั่งรถอย่างนี้ตามบล๊อกพี่เสิรฐ์เล่าจนถึงสุดทางที่ขนำในสวนมังคุดก็เดินเท้าต่อครับ คนนำทางเดินหน้ามีอ๊อด สาวเกด ผู้ใหญ่ พี่เสิรฐ์ น้องไก่ น้องนัด มีอินเนียร์เดินรั้งท้ายเพื่อคิดว่าเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยระวังและแก้ไข หลังอินเนียร์มีคนนำทางอีก3คน(ไม่รู้จะเรียกยังไงจะเรียกพรานก็ไม่น่าจะใช่) ทางชัน(มากพอสมควร)และมีกิ่งไม้รากไม้ขวางทางเดิน(ยากกว่าทางไปน้ำตกกรุงชิง)ไปได้ซักพักนึง น้องนัดออกอาการเป็นลมแล้วบอกว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ เป็นโรคหัวใจ เป็นไซนัส หายใจไม่ทัน อินเนียร์และคนนำทางใจหายแ๊ว๊บ หัวหน้าทีมนำทางอาสาแบกสัมภาระให้น้องนัด

น้องไก่ผู้มองโลกในแง่ดียิ้มและคอยให้กำลังใจ นัดนั่งกลางพูดว่า"หนูเพิ่งรู้ว่าคนใกล้จะตายมันเป็นยังงี้เอง" สำหรับอินเนียร์กังวล ตอนนี้ชุดที่นำหน้าไปก่อนมองไม่เห็นหลังแล้ว ไปต่ออีกพักใหญ่ ก็ต้องข้ามน้ำเลยได้ลูบหน้าลูบตาแล้วเก๊กท่าถ่ายรูปกันซักหน่อย

สดชื่นขึ้นหน่อยก็เดินต่อเพราะภาระกิจรออยู่ข้างหน้าพักนานไม่ได้ ต้องไปเตรียมที่พัก ฟ้าเริ่มครึ้ม การเดินป่าไม่ใช่เดินห้างหากฝนลงมาจะทุลักทุเลกว่านี้อีก น้องนัดเดินไปได้ไม่มากก็ต้องพักเป็นระยะๆเพราะทางชันหายใจไม่ทัน ทั้งยาลมยาดมยาหม่อง เอาน้ำที่พกไปลูบหน้าลูบตาไปตลอดเรียกว่าเดินไปพักไป น้องไก่คอยบอกว่าเดินไปเรื่อยๆไม่ต้องไปเร่งตามคนอื่น น้องไก่ก็หาภาพสวยๆถ่ายไปเรื่อยๆ

ในที่สุดก็มาถึงที่พักแค๊มป์แรก

เหล่าสาวๆต่างเร่งรุดผูกเปลหลังจากลูบหน้าลูบตากินข้าวกลางวันจากชุดพ่อครัวหัวป่าและเข้านอน ผู้ชายสามหนุ่มสามมุมก็ดูสังเกตุสถานที่ อินเนียร์ไม่เคยผูกเปลก็ได้อีกสองหนุ่มคอยแนะนำ อินเนียร์ชวนพี่เสิรฐ์หาฟืนเตรียมๆไว้เผื่อฉุกเฉินกลางคืน สาวๆก็นอนเที่ยงกันตื่นมาอีกทีก็เย็นแล้วฟ้ายังครึ้มๆ คุยๆกันชุดนำทางมากางฟลายชีทและปูผ้าใบให้เผื่อฝนตกกลางคืนจะได้หลบฝนซึ่งได้ใช้จริงๆแต่ไม่ใช่หลบฝน ตอนค่ำพอกินข้าวเย็นเสร็จก็มานั่งทีผ้าใบคุยกันหน้ากองไฟที่หามาเตรียมไว้ มีประโยน์เพิ่มคือได้ย่างเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อที่ใส่ตอนกลางวันเพราะพรุ่งนี้และมะรืนนี้ก็ใส่ชุดเดิม เอาเสื้อผ้าไปเท่าที่จำเป็นแค่นี้ก็หนักจะแย่แล้ว แถมด้วยย่างเสื้อในสาวๆและกางเกงลิง

และไฟกองนี้ก็มีประโยชน์จริงๆ หลังจากอินเนียร์ชวนคุยด้วยเหตุผลว่าจะเดินทางมานอนหรือไง ก็คุยกันหน้ากองไฟจน4ทุ่มก็ไล่ให้เข้านอนเพราะสมควรแก่เวลาพรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก คนที่จะลำบากคือน้องนัดเพราะสุขภาพไม่ค่่อยดี นอนเปลใกล้กันบอกว่าถ้ามีอะไรให้เรียก แล้วก็ได้เรียกจริงๆ พอเี่ที่ยงคืนก็ได้ยินเสียงเรียกก็พามานอนที่ผ้าใบหน้ากองไฟ หายใจอึดอัด ไอ ค้นสารพัดยาละซีทีนี้ ยาลมยาีดมยาหม่อง น้ำหมัก ยาอมแก้ไอ น้องนัดไม่มีถุงนอนมาด้วย อากาศเย็น 20 องศา อินเนียร์เลยเอาถุงนอนของอินเนียร์ให้ แล้วห่มผ้าห่มแพรบางๆของน้องนัดมาห่มแทน มันเย็นดีแท้ แล้วก็ลุกขึ้นลุกนอนคอยดูกองไฟไม่ให้ลุกจนเกินไปไม่มอดจนดับเพื่อให้อุ่น ซัก2ชั่วโมงน้องนัดไอเอาน้ำให้กินน้ำก็เย็นก็พยายามทำให้อุ่นโดยวางขวดใกล้ๆกองไฟ จนตี3 น้องนัดก็อาเจียนเหมือนตอนกลางวัน พี่เสิรฐ์ที่กางเปลใกล้ก็ลุกขึ้นมาแล้วไปเอาหม้อสนามที่ครัวมาต้มน้ำให้น้องนัดแล้วพี่เสิรฐ์กับอินเนียร์พลอยได้กินกาแฟไปด้วย

 

 

 

กินข้าวเช้าเอาแรงแล้วเดินทางต่อไปยังแค๊มป์2 แคมป์1สูงจากระดับน้ำทะเล800เมตร แคมป์2ต่อไปสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ1500เมตร หนทางลำบากกว่าเมื่อวานชันกว่าไกลกว่า ช่วงนี้อินเนียร์ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะแบตฯเหลือครึ่งเดียว ถึงแค๊มป์2ก็กินข้าวจากฝีมือพ่อครัวหัวป่าที่เตรียมให้ เรื่่องกินนี่น่ารักทั้งพ่อครัวและสมช.ไม่มีปัญหาไม่บ่น กินไม่มาก พ่อครัวทุกคนก็ทำกับข้าวอร่อยและว่าความเหนื่อยจะช่วยเป็นผงชูรส ข้าวก็หุงพอดีไม่ดิบไม่แฉะถามดู เขาบอกกันว่าเมียๆเขาสอนมาดีครับ พี่เสิรฐ์ติดใจหม้อสนามเห็นว่าอิไปซ้อมหุงข้างเรินจนพวกพ่อครัวหัวเราะกัน พอกินข้าวเที่ยงเสร็จก็เดินขึ้นยอดเขาหลวงเลย ต้องรีบขึ้นรีบลงมาพักที่แค๊มป์นี้ก่อนจะมืดค่ำ ฟ้าก็ปิด และทางบางช่วงยังต้องเดินริมๆไหล่เขา คนนำทางบอกให้เอาไฟฉายไปด้วยเผื่อเหลือเผื่อขาด

มาชมบรรยากาศบนยอดเขาหลวงที่ว่าสูงที่สุดในภาคใต้กันครับ

 ศาลปู่เจ้าฯ

รูปนี้มีครบทุกคนหญิง4ชาย3 รองเท้าพื้นขาวเสื้อเขียวหน้าสุดที่หน้าตาเหมือนนักร้องวงแฮมเมอร์กับเสื้อดำผ้าพาดคอสีแดงหลังสุดเป็นชุดนำทาง

 

 

สภาพเหนือยอดเขาหลวงมีต้นไม้รอบๆบังทัศนียภาพ มองไปเห็นแต่ต้นไม้ ไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้ ไม่เห็นหมอก เห็นวิว ดอกไม้น้อยมากพอเจอดอกนึง

บรรยากาศในขณะที่เดินเป็นแบบนี้ครับ

ตรงนี้เป็นทางชันแต่เวลาถ่ายมาแล้วดูไม่ออกเลยไม่ค่อยถ่ายบรรยากาศทั่วๆไปก็เป็นแบบนี้ครับ

วันก่อนในบล๊อกน้องนุสิที่ว่ากลัวตะเข็บตัวเล็กมาดูตัวนี้กันครับ

พูดถึงตะเข็บกิ้งกือแล้ว อินเนียร์ยังเปรยๆว่าไม่เห็นงูซักตัวเลย  อย่างที่อินเนียร์เคยบอกว่างูก็กลัวคนไม่อยากเจอคนกลัวถูกฆ่า ได้ยินเสียงดังก็เลื้อยไปอยู่ไกลๆ

เล่าเรื่องแค๊มป์2อีกหน่อย ที่ตั้งแคมป์2อยู่ห่างจากแหล่งน้ำต้องลงไปชันมาก ผู้ใหญ่ลงไปขึ้นมายังหอบนับประสาอะไรกับอินเนียร์ ถ้าน้องนัดหมดสิทธิ์ พอลงไปถึงเจอน้ำแค่เจี๋ยมเจี้ยมอย่าว่าแต่จ่่อมก้นเลย ต้องหากระแป๋งเล็กๆตักอาบในตอนเย็น ฝนก็ลงดอกพรำๆ ต่างจากแคมป์แรกที่พอมีน้ำให้อาบ  นอนแคมป์2บนผ้าใบใต้ฟลายชีท2คนน้องนัดจากความเอื้อเฟื้อของชุดนำทางเหมือนเดิม แล้วกลางดึกน้องนัดก็ไอและลุกขึ้นมากินยาเหมือนคืนก่อนและไปผิงไฟในครัว คนอื่นนอนเปล บนลานแคมป์2อุณหภูมิ20องศาเท่าเดิมแต่กลางคืนลมแรงมาก พัดจนเชือกดึงฟลายชีทของผู้ใหญ่ขาดและกระพือทั้งคืน อินเนียร์หลับๆตื่นๆ คืนนี้น้องนัดได้ถุงนอนของชุดนำทางเอื้อเฟื้อ อินเนียร์ก็เลยได้ถุงนอนคืนแต่ก็ยังรู้สึกเย็น คนนอนเปลน่าจะเย็นกว่าเพราะลมโกรก หัวรุ่งไม่อยากออกจากถุงนอนเลย อ๊อดกับสาวเกดนอนเปลลุกขึ้นซักตี5มั้งมาก่อไฟผิงกัน 

 พ่อครัวหัวป่าเตรียมข้าวมื้อเช้า กินข้าวเช้า ตบท้ายด้วยถั่วเขียวต้มแล้วเดินทางลงมาแค๊มป์1หรือลานไทร หลังจากมาถึงชุดนำทางเตรียมข้าวมื้อเที่่ยง กินข้าวมื้อเที่ยงเป็นมื้อสุดท้ายก็อำลาเขาหลวงก่อนเข้าตีเมืองจันท์ เป็นมื้อที่รู้สึกปลดปล่อยความตึงเครียดคุยกันอย่างสบายๆ ดูจากรอยยิ้ม

 

 

กินข้าวเสร็จเดินทางกลับลงจากแคมป์1มายังขนำที่สุดทางมอเตอร์ไซค์เพื่อขึ้นมอเตอร์ไซค์ลงกลับที่กลุ่มมัดย้อมของพี่อารี

 

 

 

สภาพน้องนัดขณะเดินทาง

 

 

ลงมาข้างล่างประมาณบ่าย 3 โมงร้อนมากๆเลย พี่หยอยมารอรับ แล้วต้องรีบลาจากกันเนื่องจากน้องไก่ดูเวลาตั๋วรถทัวร์ที่ซื้อไว้ผิดเข้าใจว่ารถออก6โมงเย็นแต่จริงๆออกเร็วกว่านั้นจึงต้องรีบไปมีน้องนัดขับรถไปส่งที่นครศรีธรรมราช สามหนุ่มยังป้วนเปี้ยนต่ออีกหน่อย ไปซื้อส้มแขกยักษ์ เห็นผู้ใหญ่บอกว่าที่ภูเก็ตบ้านจี้ดิ้วมีเยอะ

อำลาแล้วนะจ๊ะเขาหลวง

 

ลากันด้วยภาพ สองเรา สายลมและธารน้ำไหลในอ้อมกอดของเขาหลวง

ก่อนกลับบ้านมีสมช.รู้ข่าวไม่ยอมให้โอกาสผ่านไปอย่างง่ายๆ รีบล๊อคคอ เอ๊ย! ล๊อคตัวพาไปเลี้ยงที่ร้าน "สามกั๊ก" ที่มาเพิ่มมีน้องแจ้ว พี่อู๊ด น้องโกโก้ น้องใจที่เกิดแต่หมอตำแย น้องบุญพากับพ่อบ้านและลูกๆ มีใครอีกล่ะเพิ่งเจอกันครั้งแรกทั้งนั้นหากอินเนียร์ลืมกล่าวถึงก็ขอโทษเน้อ ได้ยินว่าผู้ใหญ่ก็เพลียและเมื่อยพี่เสิรฐ์มีภาระกิจตอนเช้าและเดี๋ยวต้องขับรถไกลจึงไปกระซิบให้ขอตัวกลับก่อนให้โหมพัดลุงอยู่ต่อเพราะอินเนียร์ก็จะขอตัวแต่ปรากฎว่าลุกขึ้นกันหมด ขากลับอินเนียร์แอบพาโลกสาวยายแคล้วหลบกันไปแวะที่ร้านน้องแจ้วพี่อู๊ด เสร็จแล้วน้องใจพาหลง กว่าอินเนียร์จะถึงบ้านก็สีี่ทุ่มครึ่ง ระหว่างทางมีโทรศัพท์เข้ามาแต่ไม่ได้รับเพราะ แบตฯมีน้อยอาจคุยไม่ทันรู้เรื่อง แล้วต้องจอดรถกลางคืน มาโทรฯตอนเช้าเป็นว่าผู้ใหญ่โทรมาเพราะเป็นห่วง ขอบคุณมากครับ

 สวัสดีเขาหลวงที่รัก ไม่เห็นหมอก ไม่เห็นวิว ไม่เห็นกล้วยไม้เหมือนที่มีในเวบเลย

    มีเพื่อนๆแซวอินเนียร์ว่าน่าจิร้องเพลง "เรียกพี่ได้ไหม?" กำหมังเท่ขี้ลืม ยังเล่าไม่จบไม่สิ้น ขาไปจอดรถข้างทาง สามหนุ่มคุยกันรอพี่หยอยกับสาวๆเติมมันรถ เพื่อนเติมมันเสร็จตั้งนานและพ้นไปแล้วเราไม่เห็น ผู้ใหญ่ว่าเรา3คน6หน่วยตาแลไม่เห็นเหลย พอขาหลบสามหนุ่มคุยกันเพลินจนเลยปากทางเลี้ยวจากลานกาเท่จิไปร่อนพิบูลย์ไปขี้หมูขี้หมา15โลแค่อิพ้นไปสุราษฎร์แล้ว จริงหมีงามได้พ้นไปกินหอยใหญ่ไข่แดงกันหนุก

 

ความเห็น

   อย่างน้อย ... ก็ได้ความประทับใจ ไปนาน ...

ขอบคุณ คุณลุงพาลูครับผมว่ามีสักขีดนึงอย่างน้อยทีผมคิดเอาเองโดยเข้าข้างตัวเองว่าผมเข้าใจว่าคุณลุงพาลูเข้าใจความคิดที่ผมคิดหากผิดไปกะไม่พรื่อ มีเรื่องอยากพูดครับผมว่าชื่อพาลูจากภาษาอังกฤษแล้วเพื่อนๆเรียกว่าพาโลเพราะคุณลุงอนุญาตว่าพันพรื่อก็ได้ พาโลภาษาใต้แปลว่าพาล ขออนุญาตคุณลุงครับจะอธิบายเหลยกะไม่เหมาะ ผมขอโทษคุณลุงด้วยครับ ที่ชี้แนะมาผมขอบคุณมากพอเข้าใจครับและเชื่อว่าคุณลุงก็เข้าใจที่ผมคิดเช่นกัน ขอบคุณอีกครั้งครับ

   "พาโล" บ้านลุง หมายถึง "ดื้อ" ... ซึ่งลุงก็ได้เคยอธิบาย สมช. บางท่านไปแล้ว เช่น "เด็กนี้ พาโล ไม่ฟังไหร" ...

  แต่จะเข้าใจอยางไร ก็ไม่พรือ ... ทุกคนย่อมคิดต่าง และมีเหตผล ของตัวเอง ... คนเดียวกัน มองสิ่งเดียวกัน ในห้วงเวลาเดียวกัน ... บางครั้งยังลังเล ขัดแย้ง ... ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก

    ลุงต้องขออภัย หากทำอะไรที่ "พาโล" ซึ่งในสายตาบางท่านอาจมองว่าเป็น "พาล" ... และอาจเป็นมุมมองที่ถูกก็ได้

   แต่ที่เม้นท์เข้ามาในบล็อกนี้ ด้วยอ่านแล้ว เห็นว่า น่าประทับใจ แม้ผู้ที่ร่วมเดินทางจะไม่ประสบ ภาพธรรมชาติที่คาดหวัง ... แต่

    มิตรภาพ ความอาทร ช่วยเหลือเกื้อกูล ... น่าประทับใจ บ่งบอกความเป็น กลุ่ม สมช. ได้อย่างน่าประทับใจ กว่าปรากฎการณ์ ธรรมชาติ เป็นไหน ๆ

     หาก ผิดพลาด ประการใด ต้องขออภัยอย่างยิ่ง อีกครั้ง นะครับ "คนแก่พาโล" ก็พรรค์นี้แหละ

ขอบคุณ คุณลุงพาลูมากครับผมแปลแขบๆไปหีดจริงๆแล้วแปลแบบที่คุณลุงว่าจะชัดและกระชับกว่าครับ ส่วนเรื่องมิตรภาพ ความช่วยเหลือเอื้ออนาทรกันผมจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆให้กับตัวเองเป็นความประทับใจว่ามันเป็นโอกาสของผมที่จะได้ทำในสิ่งดีๆโดยมีเพื่อนๆเหล่านั้นได้ให้โอกาสกับผม ขอบคุณ คุณลุงพาลูจริงๆครับที่ได้ให้สติกับผม เป็นพรปีใหม่ที่ดีกับผม ขอบพระคุณมากๆครับ ขอพรพระรัตนตรัยจงได้ปกป้องคุณลุงและคุณป้าพร้อมทั้งลูกๆหลานๆจงได้ประสบแต่ความสุขสวัสดิพิพัฒนมงคลในโอกาสปีใหม่ไทยตลอดไปเทอญ

ค่อยไปกัน น่าหรอยหนัดEmbarassed

ที่ผมบอกคือไม่หรอยหนัดอย่างแรงครับ ขอบคุณ คุณtonayongครับ

เล่าได้ละเอียดเลยค่ะ  ชอบ ๆ    แล้วทำไมไม่เห็นหมอก ไม่เห็นวิวละค่ะ 

เพราะชีวิต...คนเรา    เกิดมา....ไม่นาน ก็ต้องตาย
ต้องกลายเป็นความว่างเปล่า
Cr. เ่ท่าที่มี - กางเกง

ฮา! กะเบอะมีแต่ต้นไม้บังแหม็ด ม่ายเห็นไหรซักหีดเดียวเด๊ะเหอ ตั้งแต่ต้นจนจบ ฮ้าโหรยหมะ หวันกะไม่เห็น เจ็บหัวแหม็ด

ขอบคุณค่ะที่พาขึ้นเขาหลวง..แบบไม่เหนื่฽อย เห็นแล้วประทับใจมาก

อ้อยหวานต้องรับผิดชอบแล้วหละ(ล้อเล่นนะ อย่าโกรธล่ะ) ชอบใจที่อ้อยปั่นจักรยานแล้วมีบางมุมของเขาหลวงแล้วอินเนียร์แหย่ว่าน่าจะมีข้อมูลเขาหลวง อ้อยก็เอามาให้ดูมีดอกเอื้อง(กล้วยไม้ในภาษาภาคเหนือ)มีหมอกมีวิวสวยๆ ทิวทัศน์สวยงาม พอไปแล้วก็มีแต่่โคนไม้ยอดไม้ อ้อยสบายดีนะครับอย่าหยุดเเขียนบล๊อกล่ะ ติดตามอยู่แต่ไม่ได้เข้าไปคอมเมนต์

หน้า