....โมกมัน,วินัยผุ ความจำกร่อน.....

หมวดหมู่ของบล็อก: 

 


จริงๆ ผมน่าจะทำตัวให้วินัยต่อการเขียนถึงต้นไม้ ดอกไม้ และสรรพสิ่งรอบตัวให้มากกว่านี้ ผมอยู่กับพวกเขาทุกวัน ใช้เวลามากบ้างน้อยบ้างตามแต่งานอื่นจะเรียกตัวเพื่อเอาเวลาไปจากนี้

จำได้ว่าก่อนหน้านี้หลายปี ขณะที่ผมใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการเขียนบันทึกอะไรต่อมิอะไรมาเล่าสู่กันนั้น มันเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ ช้าแสนช้า ต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ทที่ช้าแสนช้าเช่นเดียวกัน

แต่สมองผมกลับเล่นฉิวเหมือนติดปีก สามารถเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายเหมือนใจคิด

เล่าเรื่องได้ง่ายไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องที่เล่าที่ดีนะครับ (ฮิ้ว)

ขณะนี้คอมพ์และอินเตอร์เน็ทเร็วจนสามารถเล่นคลิปวิดีโอหนักๆ ได้โดยไม่สะดุด แต่แปลก.. ผมกลับไปหมกมุ่นอยู่กับความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ ในอินเตอร์เน็ตจนลืมเรื่องราวของตัวเอง ปล่อยให้จินตนาการของตัวเลือนหายไปกับความน่าตื่นตาตื่นใจในโลกเสมือนแทนของจริงข้างตัว

หลายวันและหลายเดือนที่ผ่านมาผมจึงพยายามที่จะทำตัวเองให้หวนกลับสู่เส้นทางที่เคยคุ้นเคย เป็นจริง และ/หรืออาจจะเคยเป็นจริงอยู่ในยุคสมัยหนึ่ง


ผมเคยเขียนถึงบางจุดในถนนสายหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ถ้ายังจำกันได้ก็เส้นที่มีลุงคนหนึ่งแกทำนาปลูกข้าวในสวนปาล์มน้ำมัน และปีที่แล้ว บนสวน

ถนนเลี่ยงเมืองหลบความจอแจของชุมชนตลาดและโรงเรียนเส้นนี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก ด้วยยังมีความเป็นสวนสมรม สวนพ่อเฒ่า สวนที่ปลูกไม้อะไรต่อมิอะไรปนเปกันไปตามความจำเป็นในยุคเก่า จึงมีไม้พื้นบ้านหลายต้นที่ผมเหลียวมองทุกครั้งที่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่าน

ถนนลาดปูนซีเมนต์สองเลนรถ วิ่งสวนทางกัน ด้านหนึ่งเป็นภูเขา อีกด้านเป็นแม่น้ำ ถนนเป็นของใหม่ แม้จะใหม่มากว่าสิบปีก็ตาม แต่ยังนับว่าใหม่เพราะรู้ว่าเดิมเป็นทางเดินเท้าโบราณทั้งคนและสัตว์เลี้ยง เดินกันจนทางลึก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถนนของรถในยุคนี้





ในยุคโน้น จำได้ว่าคนแก่ที่บ้านเคยจับมือผมเดินทางเส้นนี้เพื่อไปรอเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งน้ำ   เป็นเส้นทางที่รกครึ้ม เปียกแฉะ ชวนจินตนาการให้ขนหัวลุกไม่กล้าผ่านทาง หากเดินคนเดียว

หลายปีต่อมา ริมถนนเส้นนี้คือแปลงเกษตรปลูกผักเพื่อเรียนวิชาการเกษตรของโรงเรียนประจำอำเภอ เราช่วยกันดายหญ้าขุดดินยกร่อง จนกลายเป็นแปลงผักสวยงามได้คะแนนดี

ตอนนี้ที่ดินตรงนั้น คือนากุ้ง ภาพเก่าๆ หายไปแล้ว แต่ต้นไม้ใหญ่อย่างตาลโตนดสูงลิบ  ต้นเหรียงขนาดหลายคนโอบ ยังอยู่    

ใครหนอว่าไว้ ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์ - เชื่อสนิทใจ






ผมเป็นคนชอบบันทึกภาพ ชอบบันทึกโดยการเขียน ผมเป็นผู้ชาย ผมนิยมชมชอบหญิงสาว ชอบต้นไม้ ชอบใบไม้ และแน่นอนชอบดอกไม้

แม้มอเตอร์ไซค์จะเร็วกว่าจักรยานแต่สายตาข้างเดียวของผมก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ดอกไม้ที่ร่วงอยู่ริมถนนจะถูกกวาดสายตาเสาะหาแหล่งที่มาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้รู้ว่ามันคือต้นอะไร จดจำไว้ หากมีโอกาสจะกลับมาใหม่เพื่อบันทึกภาพและบันทึกข้อมูล สอบทาน ฯลฯ

แม้จะเป็นไม้ใหญ่หายาก ดอกสวย ร่มเงาดี แต่ใช่ว่าจะหลบพ้นป้ายโฆษณาของผู้คนในยุคนี้ได้ เป็นความพิกลพิการที่บ่งบอกยุคสมัยได้ดีแท้ๆ แต่จะว่าไปแล้วเราเองก็คงเหมือนกัน การตกเป็นเหยื่อของกระบวนการการค้า ความเชื่อ ฯลฯ ไม้ใหญ่ ไม้เล็ก เด็กๆ หรือเฒ่าก็เฉกกัน
 



ช่วงประถมวัย ในหมู่บ้านของเรามีพระสายปฏิบัติมาตั้งสำนักสงฆ์อยู่บนภูกลางหมู่บ้าน  พระป่านำสิ่งใหม่มาให้เราเด็กๆ ได้มุงดูกันได้ทุกวัน หนึ่งในนั้นคืองานฝีมืออย่างการทำมุ้งกลด

ในสายตาเด็ก กลดคือร่ม ร่มที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ทำไมต้องทำ

เริ่มจากหาไม้เนื้ออ่อนชนิดหนึ่งมาทำหัวและส่วนตัวยึดก้าน ตัดมา เหลากลม แล้วกลึงด้วยเครื่องกลึงไม้แบบใช้มือและเชือก เสียงมีดกลึงกรีดไม้เป็นสะเก็ดกระเด็นกระดอน ไม่นานกลายเป็นไม้ที่มีลอนมีโค้งมนสวยงาม น่าทึ่ง..

ไม้อะไรเด็กน้อยสงสัย ทำไมกลึงง่าย เนื้อขาวสวย

ไม้โมก พระให้คำตอบ เด็กน้อยจำได้




หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเราไปดูผู้ใหญ่รานกิ่งต้นโมกต้นหนึ่งในหมู่บ้าน นำกิ่งที่ตรงและได้ขนาดมากลึงทำหัวกลดอีก นั่นคือความทรงจำเล็กๆ เกี่ยวกับต้นไม้ต้นนั้น ต้นโมก จำได้ว่าตรงนี้เท่านั้นที่มีต้นโมกมันต้นเดียวในหมู่บ้าน 

ไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมไม่เห็นต้นไม้ต้นนั้นอีกแล้ว 

ใครหนอว่าไว้ ความเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์ - ยิ่งเชื่อ

ผมเป็นคนชอบบันทึกภาพ ชอบบันทึกโดยการเขียนฯ -  และแน่นอนชอบปลูกต้นไม้

ไม่แน่ว่าผมได้ต้นโมกมันมาจากพี่ๆ คนไหนในบรรดานักปลูกต้นไม้ด้วยกัน ผมปลูกไว้ในจุดที่สูงที่สุดในสวน หลายด้วยที่ดินตรงนั้นเป็นดินลูกรัง โมกมันต้นน้อยจึงเจริญเติบโตอย่างช้าๆ ไม่ได้งอกงามอย่างที่ใจอยากจะให้เป็น แต่ก็ยังดีใจที่ยังมีชีวิตให้ชื่นชม ผ่านร้อนผ่านแล้งมาได้โดยไม่ล้มหายตายจากกันไปเสียก่อน 

โมกมันยังไม่หายไปจากหมู่บ้านนี้ มีในสวนขี้คร้านอยู่หนึ่งต้นน่าดีใจชะมัด

 ต้นไม้ต้นเดียวอาจไม่สลักสำคัญอะไรมากนัก แค่หนึ่งในแผ่นปะติดปะต่อเล็กๆ หนึ่งในความทรงจำวัยเยาว์ที่แสนนานมาแล้ว  ความทรงจำที่เชื่อมร้อยกันเป็นคนๆ หนึ่ง ซึ่งโลดแล่นอยู่บนเส้นทางของการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมที่สุดแล้วทั้งที่ผ่านมา และ/หรือตอนนี้ก็ตาม

แน่ละ ผมไม่ได้พูดเรื่องศีลธรรมหรือคุณงามความดีที่วิญญูชนพึงมี แต่ผมพูดถึงความเป็นธรรมดาของคนเล็กๆ มีผิดมีถูก มีดี มีเลว มีกราดเกรี้ยว มีอ่อนไหว ฯลฯ แค่คนๆ หนึ่ง..แค่นั้น

ฤดูร้อนปีที่แล้วผมพบต้นโมกมันขนาดเกือบเท่าต้นมะพร้าว กำลังออกดอกพราวอยู่เต็มต้น และหล่นเกลื่อนพื้นถนนซีเมนต์สายอ้อมตลาด สายนั้น
ถนนลาดปูนซีเมนต์สองเลนรถ วิ่งสวนทางกัน ด้านหนึ่งจรดตีนเขา อีกด้านเป็นฝั่งแม่น้ำ ถนนเป็นของใหม่ แม้จะใหม่มามากว่าสิบปีก็ตาม แต่ยังนับว่าใหม่เพราะรู้ว่าเดิมเป็นทางเดินเท้าโบราณทั้งคนและสัตว์เลี้ยง เดินกันจนทางสึก,ทางลึก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถนนของรถในยุคนี้




กลีบดอกห้าแฉกสีเขียวอ่อนๆ พราวเต็มพื้น สอบถามผู้รู้ได้ชื่อมาแล้วว่านี่คือต้นโมกมัน ไม้เนื้ออ่อนของมันแทบจะไม่มีการนำมาใช้งานอย่างอื่นอีก โดยเฉพาะวิถีชีวิตชาวปักษ์ใต้ซึ่งต้องพึ่งพาความแข็งแรงของไม้สร้างบ้านที่เป็นไม้เนื้อแข็งโดยส่วนใหญ่  แม้จะมีบางถิ่น บางคน นำไม้ชนิดนี้มาทำเป็นเหยื่อปลอมของเบ็ดตกปลาแบบฝรั่ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครหมู่บ้านทำแบบนั้น

ไม้เนื้ออ่อนประโยชน์น้อยจึงมักจะรอดตายได้ยืนต้นท้าแดดท้าลมต่อไป โดยเฉพาะในที่ที่เป็น No man’s land แบบนี้

....สวยเอย มากประโยชน์เอย มักเดือดร้อนเสมอสินะ 


เท่าที่ทราบ ตอนนี้มีต้นโมกมันอยู่ในสวนขี้คร้านต้นเล็กๆ ต้นเดียว อีกต้นเป็นต้นโตที่กำลังอวดดอกสวยอยู่ริมถนนสายนั้น รวมเป็นต้นโมกมันสองต้น

คนอะไรจะบ้านับต้นไม้ซึ่งดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ในแง่ของการใช้สอยโดยสิ้นเชิง 

ยังมีต้นอื่นอีก หรือไม่แน่ ผมอาจเปลี่ยนเป็นเขียนถึงมดแมลงบ้าง ด้วยว่าจักรวาลแห่งปลักควายของผมยังมีสรรพสิ่งอื่นๆ อีกเยอะ ให้เล่าให้เขียนถึง

ที่สำคัญคือ จะเริ่มต้นอย่างไร ในเมื่อวินัยของผมแย่เสียด้วยสิ

....................................................................






ความเห็น

โมกมัน ฉันได้ยินครั้งแรก เมื่อเดินทางอยู่ย่านร้อยเอ็ด และพบเจ้ากระสวยทอผ้า ไม้อะไรนะเกลี้ยงเกลา ลื่นไหล น้ำหนักเบา เหมาะเจาะในการทำหน้าที่กระสวยพุ่งเส้นด้าย ประจำหูกทอผ้า แม่ใหญ่ทอผ้า บอกฉันว่าไม้โมกมัน ฉันเก็บกระสวยไว้รำลึกและตามหาเจ้าโมกมัน วันนี้แม้เจอในภาพก็ปลาบปลื้มสุดๆ


ขอบคุณๆๆๆ ทั้งได้เห็นโมกมันและทั้งได้ฉุกคิด โลกออนไลน์เสมือนจริง ทำให้ฉันหย่อนวินัย ในการบันทึกเรื่องราวที่ควรจะบอกเล่าพี่น้องบ้านสวนมานานนัก


ฮึๆๆๆ เห็นฉันเปลี่ยนไป 


 

มาแล้วไม่ผิดหวัง ชีวิตบางทีก็ต้องการความสงบเงียบ เฝ้ามองความเป็นไป ใช่ไร้วินัย แต่บางทีกระแสแห่งเทคโนโลยีที่ส่งเสริฟถึงเตียง ความปรุงเสร็จที่แทบไม่ต้องทำอะไร ไม่รู้ถึงรากเหง้า รูปร่างหน้าตา ก่อนผันมาเป็นสิ่งสวยเสร็จพร้อมเสพ นาน ๆ มาทีแต่ก็เฉียบคม และลึกซึ้ง ขอบคุณบ้านสวน ขอบคุณทุกท่านที่ได้มีบ้านแห่งนี้ไว้กระตุ้นเตือน และรู้ถึงคุณค่าของแผ่นดิน อย่าให้เนิ่นนาน เหมือนสายลมลมลับ แต่ให้มาเรื่อย ๆ เหมือนสายลมลอยที่ทอดตัวมาเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ เบา ๆ  แต่เย็นสบาย บางทีก็ทำท่าจะพลิ้วแรงแต่ก็ราบเรียบและนุ่มนวล ขอบคุณโลกออนไลน์ที่ทำให้รู้จักทุกท่าน

น่าอ่าน น่าสนใจ แต่ว่าโมกมันต้นหลังสุดที่เคยเห็นที่ไหนแล้วนะ
มันช่างเลือนลาง ลางเลือนเต็มที

หน้า