วันรณรงค์ครอบครัว

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สมาชิกทั้งหมด 5 คน  ช่วงบ่ายได้ไปร่วมงานที่ทางอำเภอจัดขึ้น ลงทะเบียน 12.30 น. งานเริ่ม บ่าย โมง ช่วงแรกจะเป็นการพูดเกี่ยวกับความสำคัญของครอบครัว โดยจะให้เล่นเกมส์ก่อน  โดยให้เขียนสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต 3 อย่างลงในกระดาษ หลังจากนั้นผู้บรรยายก็ให้ดึงออก เหลือแค่อย่างเดียว สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร พี่น้องบ้านสวนแต่ละคนอาจตอบไม่เหมือนกัน แต่คำตอบของอิ๋วคือครอบครัวค่ะ บางทีคู่สามีภรรยา หย่าร้างกัน หรือทะเลาะกันบ่อย แต่คนที่น่าส่งสารก็คือเด็ก ๆ วันนี้ที่ได้ไปร่วมงานสิ่งที่ประทับใจคือ 4 ประโยคง่ายๆ แต่บางทีก็ทำยากคือ

1.ฉัน(ผม)รักคุณ  

2. ขอบคุณครับ (ค่ะ)

3.ฉัน (ผม) ขอโทษ

4.และให้อภัยฉัน ( ผม)นะครับ(ค่ะ)

  ทุกวันนี้ปัญหาการหย่าร้างเกิดขึ้นเยอะเพราะทิฐิ และการไม่ฟังความคิดเห็นของกันและกัน เมื่ออยู่ด้วยกันใหม่ ๆ ก็หวานปานน้ำผึ้ง แต่พออยู่ไปนาน ๆ น้ำผึ้งจากที่เคยหวานก็กลายเป็นขม ถ้าอายที่จะบอกรักก็ขอแค่ บอกว่า ขอบคุณก็ได้เพราะคำ ๆ นี้รวมคำว่าฉันรักคุณเข้าไปในนั้นด้วย ทุกวันเรายุ่ง เราเครียด ใบหน้าเราก็พลอยยุ่งไปด้วย  ทุกวันถ้าเรารู้สึกขอบคุณในทุกสถานการณ์ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น เห็นผู้บรรยายบอกว่าอย่างนั้น อย่างมองในสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่น แต่จงมองในสิ่งที่ดีของเขา(ใช้ได้กับทุกคนค่ะ)  แล้วก็ 4 ประโยคนี้ท่องเข้าไว้ แล้วความสัมพันธุ์ในครอบครัวก็จะดี เด็ก ๆ ก็จะเป็นเด็กดีและรู้สึกถึงความอุ่นในครอบครัวค่ะ

  ช่วงที่ 2จะเป็นการแสดงต่าง ๆ ของคนญี่ปุ่นค่ะ

      

ถ้าดูให้ดี ๆ จะเห็นว่ามีคุุณยายอายุ 80 ปี ร่วมอยู่ด้วยที่งตรงนี้แหละ

     

เด็กๆ รำน่ารักมากค่ะ

    

   

  กระดิ่งเสียงดนตรีเพราะมากเลยค่ะ

 

มีดนตรีด้วย ว่าจะโดดไปโยกซ้ายโยกขวาอยู่แต่เกรงใจสามีค่ะ

 

ตอนสุดท้ายมีการจับฉลากรางวัลหางบัตร ไม่ได้รางวัลซักอย่าง( เสียดายจัง)

 

 

  

ความเห็น

ขอบคุณคะที่เอากิจกรรมดีๆๆมาให้ดู 

เคยอ่านจากหนังสือที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น พ่อกับลูกสาวไม่ถูกกัน มีเรื่องกินใจกันมาตั้งแต่เล็กๆ พอโตขึ้น ได้มีคำแนะนำในการแก้ปัญหานี้โยการให้เขียน ข้อดี หรือคุณงามความดีของพ่อที่เคยทำกับเรามาสัก 10 ข้อ แล้วพิจารณาถึงข้อความนั้นๆ แล้วนำมาหักล้างกับพฤติกรรมที่พ่อทำให้เราไม่ชอบ ต่อมาเธอพบว่า จากคุณงามความดีของพ่อ ทำให้เธอคืนดีกับพ่อได้สำเร็จ ครอบครัวก็กลับมาอยู่อย่างมีความสุข (เรื่องนี้อ่านมานานแล้ว เลยจำมาได่อย่างกระพร่องกระแพร่ง อาจจะไม่ตรงกับในหนังสือมากนักครับ)

ญี่ปุ่นเขาเจอปัญหาการแข่งขันกันมานาน มีปัญหาของนักเรียนนักศึกษา ปัญหาของคนวัยทำงาน การจัดกิจกรรมเหล่านี้ให้กับประชาชน ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาของชาติอย่างหนึ่ง

กลับมาดูเมืองไทย เผาบ้านเผาเมือง ล่าสุดเผาแม้กระทั่งโรงเรียนที่ตัวเองเรียนอยู่ อันนี้เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน ว่า . . . (เขียนต่อไม่ถูก. . .)

คุณลุงพูนตื่นเช้าจังเลยค่ะ ที่บ้านเราตอนนี้น่าจะประมาณ ตี 5.30นาทีใช่ไหมค่ะ แอบฟังเพลงพุ่มพวง ดวงจันทร์ของคุณลุงพูนอยู่ ถูกใจมากค่ะตอนเด็ก ๆ ชอบร้องเพลง จะขอก็รีบขอค่ะ อยากฟังอีกค่ะ

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

ช่วงนี้จะตื่นเช้า บางวันตีสี่ก็ตื่นแล้วครับ เข้าเน็ตจนถึง หกโมง ก็ไปดูข่าว หาของกิน แล้วเข้าสวนกลางวันก็งีบสักครึ่งชั่วโมง บ่ายๆก็เข้าสวน ค่ำๆก็เข้าบ้านสวนพอเพียงครับ เมื่อก่อนไค่อยได้เขียนก็หาเพลงมาฟัง แต่พอ ผู้ใหญ่สอนให้ทำเอาเพลงมาให้เพื่อนๆฟังในบ้านได้ ก็ลองทำดู จนได้ตำแหน่ง DJ ประจำสวนครับ

ชอบฟังเพลงไหนบอกนะครับ จะจัดให้

มีเพลงจีน(โบราณ) อยู่เพลงหนึ่ง มีเนื้อร้องเป็นภาษาญี่ปุ่น ชื่อ when will you return

เดี๋ยวจะหามาให้ลองฟังดู ครับ


อยากเห็นสังคมไทยให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวเป็นลำดับต้นๆ จุดเริ่มของปัญหาสังคมมาจากสถาบันครอบครัวนี่แหละ ถ้าครอบครัวอบอุ่น หล่อหลอมความรัก ความเข้าใจและอบรมบ่มเพาะอย่างถูกวิธี ปัญหาสังคมจะลดลงเยอะ ผมโชคดีที่แต่งงานมายี่สิบปีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง อย่างมากไม่ถูกใจก้อแค่งอนกัน ไม่เกินข้ามคืนก็ต้องง้อ ลูกก็ได้รับอานิสงค์ตรงนี้ด้วย ผมชอบวิธีการที่ลุงพูนแนะนำ..เป็นอีกวิธีที่ดีนะ บางครั้งปัญหาความห่างเหินเมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ หรือการผิดใจด้วยเหตุใดก้อแล้วแต่แล้วไม่พูดคุยปล่อยนานไปก็กลายเป็นปมเงื่อนที่รัดแน่น การเขียนถือเป็นการสื่อสารที่ลดความงวดของปมเงื่อนได้ โดยเฉพาะเลือกสิ่งที่ดีๆ นึกถึงสิ่งที่เป็นคุณมากกว่าความผิด ความขัดแย้ง ส่วนที่คุณนุบอกว่าก่อนแต่งงานไม่มีใครไม่เคยบอกคำว่า "รัก" ผมบอกได้เลย ทั้งชีวิตผมไม่เคยพูดคำนี้เลย (กับผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกนะ ถ้าลูกผมพูดเสมอ) กุหลาบก้อไม่เคยให้สักดอก แม้กับแฟน มันเขินไงก็ไม่รู้ (จิงๆ) แต่ใช้การแสดงออกมากกว่า แม้ไม่เคยพูดคำนี้ ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ครอบครัวผมใช้การกอดแทนคำพูดทุกเช้าก่อนออกจากบ้านและทุกคืนก่อนเข้านอน เดินเที่ยวเดินห้างก็จับมือเกาะแขนกันไปตามเรื่อง การสัมผัสมันให้ความรู้สึกอบอุ่นและผูกพัน (ที่ผมลาออกจากงานทั้งๆที่มีตำแหน่ง กำลังรุ่ง เงินเดือนก็ดี ก็เพราะเรื่องครอบครัวนี่แหละวัยที่ลูกกำลังก้าวสู่ชีวิตวัยรุ่น พ่อและแม่ที่ตอนนั้นอายุแปดสิบกว่า แต่เราไม่มีเวลาให้ เมื่อเจอวิกฤตปี 40 เจอปัญหาที่ต้องเอาพนักงานออกจากบริษัทจำนวนมากเพื่อให้บริษัทอยู่รอดเลยเบื่อหน่ายท้อแท้กับชีวิต แต่คิดว่าเอาตัวรอดได้จากการทำงานอิสระ เลยลาออกแล้วออกมาตั้งต้นชีวิตอิสระ..แล้วมันก้อทำให้ชีวิตเราลงตัวดีขึ้นมาก)

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

บางทีเด็ก ๆ มีปัญหาต้องการคำปรึกษาแต่มองหาใครก็ไม่เจอ  เขาก็จะไปหาเพื่อนแต่ถ้าคบเพื่อนที่ไม่ดีเด็ก ๆ ก็เสียคนไปเลย ความรักความอบอุ่นในครอบครัวคือสิ่งที่เด็กๆ ต้องการค่ะ

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

ขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆค่ะ

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

หน้า