หนึ่งวัน...ที่ประทับใจ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

จากหัวหินสู่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด..ไปดู ถ้ำพระยานคร ชม พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ Smile

DSC09833 (Small).JPG

นั่งเรือ ประมาณ  45 นาที ชมเกาะนมสาว หมู่บ้านชาวประมง แล้ว....

เมาเรือลืม...ลงเรือแล้วยิ้มต่อ Laughing 

DSC09852 (Small)_0.JPG

ขอเป็นตุ๊กตาหน้าป้าย...

คนขับเรือบอกว่า ตอนนี้เวลา 3 โมงครึ่ง จะมารับประมาณ ห้าโมง..ให้เที่ยวกันให้สนุก.Smile

DSC09854 (Small).JPG

 

หลังจากข้ามเขามาแล้ว ก็จะมาถึงทางเดินเท้าเพื่อไปขึ้นถ้ำพระยานคร ระหว่างทางมีบ่อน้ำกรุด้วยอิฐดินเผารูปสี่เหลี่ยมคางหมู  กว้าง 1 เมตร ลึก 4 เมตร เรียกว่า "บ่อพระยานคร" ตามประวัติเล่าว่าใน

สมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยานคร ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชได้แล่นเรือผ่านทางเขาสามร้อยยอด และเกิดพายุใหญ่ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงจอดพักเรือหลบพายุที่ชายหาดแห่งนี้เป็นเวลาหลายวัน และได้สร้างบ่อน้ำเพื่อใช้ดื่ม

ทางขึ้น ถ้ำพระยานคร ทุกคน เป็นคนเรียบร้อย (ไปหมด) มีเชือกให้โหนด้วย Wink

DSC09858 (Small).JPG

เดินขึ้นเขา ประมาณ 430 m 200 m แรก เหงือท่วมกาย...

แต่มองลงมาข้างล่างทะเลสวย.สุดสายตา..Smile

DSC09865 (Small).JPG

ทางชันมาก หอบ แฮ่ก ๆ มีไม้เท้าประจำกายกันทุกคน...

หายใจทางผิวหนังกันเลย..

DSC09870 (Small).JPG

มาถึง....กล้องถ่ายรูปทุกตัว แบตหมด แมมเมอร์รี่เต็ม เหลือแต่มือถือ รูปเลยออกมาอย่างที่เห็น ต่อไปนี้

จุด ที่ 1

มีต้นไทรสูงชะลูดเกือบถึงปล่องด้านบนของถ้ำ ด้านบนทางขวามือมีแท่งหินขนาดใหญ่เชื่อมหน้าผาจากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่ง เรียกว่า สะพานมรณะ เพราะมีสัตว์ เช่น ลิง เสือ เดินผ่าน แล้วตกลงมาตายบ่อย ๆ

DSC09877 (Small).JPG

จุดที่ 2

เมื่อเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ด้านใน จะเห็นพื้นหินตะปุ่ม ตะปํ่าคล้ายผิวหนังจระเข้ มีชื่อว่า สันจระเข้ ในถ้ำไทรและถ้ำแก้วก็มีพื้นหินเป็นสันจระเข้เช่นกัน

DSC09879 (Small).JPG

 จุดที่ 3

เป็นห้องโถงใหญ่ เป็นที่ตั้งของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ซึ่งเป็นพลับพลาจัตุรมุข เปิดโล่ง ทำด้วยไม้สัก มีช่อฟ้าใบระกา มีพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ประดิษฐานอยู่ภายใน พระที่นั่งองค์นี้รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างในปี พ.ศ. 2433 เพื่อเป็นที่ประทับในคราวเสด็จประพาสต้น ออกแบบและก่อสร้างโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ พระที่นั่งหลังนี้สร้างขึ้น ในกรุงเทพฯ ก่อนจะส่งมาประกอบในถ้ำพระยานครในภายหลัง

P5310274 (Small).JPG

มองแสงด้านบนที่ส่องลงมาที่ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์

..........สวย

P5310278 (Small)_0.JPG

ที่สนใจของทุกคนคือ ซุ้มนี้

บริเวณใกล้กันนี้มีต้นไทรรูปทรงประหลาด รากอากาศของแต่ละกิ่งงอกยาวห้อยลงมาเป็นซุ้ม

เรียกว่า ซุ้มลอดคู่ เชื่อกันว่าหากคู่รักได้ลอดซุ้มนี้จะรักกันมากขึ้น ส่วนคนที่ยังไม่พบรัก ให้อธิษฐานให้ได้พบเนื้อคู่ก็จะสมหวัง Laughing

 IMAG_0179 (Small).jpg

แต่ป้ายเขียนอย่างนี้....

จะลอดดีมั๊ย...Undecided....

IMAG_0181 (Small).jpg

เดินลง เจอ ลิงค่างแว่น มาส่งกลับ..กลัวว่าเจ้านี่จะกระโดดกัดหู

แอบมองอยู่ห่าง ๆ อย่าง ห่วง ๆ ดูหางซิ ยาวมากกก

IMAG_0192 (Small).jpg

ทุกคนหมดแรง แต่แอนยังมี นี๊ดหนึ่ง

ไม่มีใครกระโดดเป็นเพื่อนเลย Frown.....แล้วก็วิ่งลงทะเล..

IMAG_020 (Small).jpg

....................แล้วไปตามหาดวงตะวันกันต่อนะคะ...

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://pranburitevel.blogspot.com/2010/01/blog-post_5329.html

ความเห็น

สวยๆทั้งนั้น หาดแหลมศาลานี่ให้มันต้องเดินข้ามเขา ได้หอบกันหลายแฮ่ก แน่ๆ Smile

แปลว่าพี่ดวงไปมาแล้ว... แอนเดินไม่ไหว เขาชันและสูง ต้องปีน..Yell.

ต้องนั่งเรือข้ามมา หากเดินมีหวังต้องให้อุ้ม...Smile

....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....

เดินข้ามเขาทั้ง 2 หน

หนที่ 2 มืดติดอยู่บนเขาขณะกำลังข้ามจากฝั่งบางปูไปแหลมศาลา มืดก็มืดกลัวก็กลัวไม่มีไฟฉายด้วย งงว่าทำไมมืดเร็วจัง แต่สุดท้ายก็ข้ามเขาไปได้ ไปถึงแล้วยังต้องกางเต็นท์อีก ตอนนั้นได้ประสบการณ์เยอะมาก

ตอนขาไป ปีนขึ้น ตอนขาลง แทบจะคลา..น ลงมา

 

อย่างคุณแก้วว่า แทบจะ คล าน ลง.....Wink เหงื่อไหล..เป็นน้ำ..

....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....

กลัวว่าลอดไปแล้วจะไม่รอดหรือไงน้องแอน

ไม่น่าเกิดข้อผิดพลาดแบบนี้เลย ทางอุทยานน่าจะมีการตรวจสอบให้ดีก่อนำป้ายไปติด แต่พี่ว่าเมื่อก่อนไม่ได้เรียกชื่อนี้นะ แต่จำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร มันผ่านไป นานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน มากแล้ว

จะปลูกต้นไม้ในใจเธอ


คิดอยู่นาน.. Smile

พี่กระต่ายดำลอดมาแล้วหรือค่ะ....Laughing

....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....

ณ เวลานั้นยังหาคู่ไปลอดด้วยกันไม่ได้ครับ ก็บอกแล้วว่า มัน นานนนนนนนนนนนนน มาก สมัยนั้นยังเรียน ปวช. อยู่เลย

จะปลูกต้นไม้ในใจเธอ


พี่เคยไปกะเพื่อนวัยแก่กว่าเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว ภูมิใจที่ร่างกายฟิตที่สุดเพราะปีนถึงถ้ำคนแรก โดยที่ต้องเอาน้องฝ้ายหนีบติดหนังขึ้นไปด้วย (ตอนนั้นประมาณ 7 ขวบ) เหนื่อยแทบบ้าเลย..จำได้ว่าหินคมมาก ใส้รองเท้าแตะขึ้น สาหัสทีเดียว ส่วนเพื่อนที่แก่ๆ (สี่สิบกว่าๆขณะนั้น) บ่นกันอุบเลย นี่เพราะทำงานนั่งโต๊ะไม่ยอมออกกำลังกายกัน

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

บันทึกลงในความทรงจำที่ประทับใจได้เลยคุณตั้ม..ไม่อาจลืม..

Smile

....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....

หน้า