หลักง่ายๆ 10 ข้อ ก่อนการปลูกพืชเสริมรายได้

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ก่อนที่ผมจะตัดสินใจปลูกพืชต่างๆ ที่สวนไผ่อาบู ผมมีหลักการพิจารณา 10 ข้อ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาหลังจากที่เราลงแรงปลูกไปแล้ว

  เราจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องการตลาด และ เรื่องการจัดการสวนที่จะเป็นภาระตามมาภายหลัง

 

หลัก 10 ประการ ที่ผมใช้มี ดังต่อไปนี้

1. เป็นสิ่งที่เราสามารถบริโภคในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

2. ควรเป็นพืชที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งปี ไม่อิงฤดูกาล

3. ควรเป็นพืชอายุยืน ปลูกครั้งเดียวให้ผลผลิตไปชั่วลูกชั่วหลาน

4. ไม่ปลูกพืชตามกระแส ต้องเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีใครปลูกจริงจัง คนทั่วไปมองข้าม

5. เป็นที่ต้องการของตลาด ดูได้จาก "มีการวางขายตามตลาดสดทั่วไป!" แต่ไม่ค่อยมีมาขายบ่อยๆ

6. ดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก ทนต่อโรคและแมลง ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใดๆ

7. ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทนฝน ทนน้ำท่วม ทนแล้ง ได้ดี

8. สามารถปลูกแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ได้ ไม่ต้องเอาใจใส่ดูแลทุกวัน ปลูกแล้วไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ก็ไม่ตาย!

9. เป็นอะไรที่เราสามารถขยายพันธุ์เพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง ขยายพันธุ์ง่าย!!

10. สามารถกำหนดราคาขายได้ด้วยตัวเราเอง!!

     ลองประเมินกันดูนะครับ ว่ามีพืชตัวไหนบ้างที่เข้าเกณฑ์ ถ้าเมื่อไหร่สิ่งที่เราจะปลูกเข้าข่ายสัก 8 ข้อขึ้นไป ก็ลงมือทำได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวปลูกแล้วจะเป็นปัญหาตามมาทีหลัง โดยเฉพาะปัญหาด้านการตลาด จะได้ช่วยลดปัญหาของเกษตรกรมือใหม่ คือ "ปลูกได้!...ขายไม่เป็น!

     

     ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ มีพืชหลายตัวเลยที่เข้าข่าย เข้าเกณฑ์ สู้ๆ ครับ!!

     

ความเห็น

ปีที่แล้วผมรับปากป้าเล็กว่าจะเอาวิธีการทำการตลาดแบบสวนไผ่อาบูมาลง

แต่ผมก็ไม่รู้จะบอกเล่ายังไงดี! เพราะสวนอาบูแทบจะไม่ต้องทำการตลาดเลย เพราะผมใช้หลักเกณฑ์ 10 ข้อนี้ ในการพิจารณาปลูกพืชเสริมรายได้ ทุกอย่างที่เราปลูกจึง กินได้ แจกและแบ่งปันได้ และที่สำคัญ ขายได้หมด มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย

     ที่ปลูกหลักๆ ตอนนี้นอกจากการปลูกไผ่ในสวนยาง ก็มี ปลูกส้มป่อย ปลูกพลู ปลูกผักกูด ปลูกลูกฉิ่ง ปลูกผักเหมียง และอื่นๆ ทุกอย่างเข้าเกณฑ์ 10 ข้อ งานที่สวนอาบูจึงเป็นอะไรที่บ้านๆ แต่ได้ผล!! มันก็เลยสนุกกับทุกงานเลยครับป้าเล็ก

ภาคทฤษฎีนะครับทำได้ 6 ข้อก็น่าผ่านเกณฑ์ เพราะเท่าที่เห็นเกษตรอำเภอที่บ้านยังซื้อผักกิน

ตอนผมบอกกับญาติๆ ว่า "ผมจะปลูกส้มป่อยขายเป็นรายได้เสริม...ทุกคนขำกันใหญ่!

พอผมเริ่มไปเอาต้นผักกูดจากคลองมาปลูก ก็ยิ่งหัวเรากันใหญ่!

พอผมเริ่มปลูกพลูกินหมาก คนข้างๆ บ้านเริ่มดูว่าผมคงเพี้ยน

พอมาล่าสุด ผมเริ่มปลูกลูกฉิ่ง มันก็ยังคงเป็นเรื่องตลก!

 

แม่บอกว่าทำไมไม่ปลูกสิ่งที่คนอื่นเขาปลูกกัน ชอบทำอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย! แต่ด้วยความที่เราแปลกจากคนอื่นๆ ทำให้สิ่งที่เราทำมันมีตลาดรองรับหมด! ปลูกคนเดียว เหนื่อยที่เดียว ขายคนเดียว สุดท้ายมันก็ค่อยๆ เห็นผล!!

ความคิดดี การตลาดถูกต้อง รอรับตังค์ค่ะ

ผมเจอเพื่อนๆ ที่ทำเกษตรรุ่นเดียวกันที่ล้มเลิกชีวิตชาวสวนกลับไปทำงานบริษัท แทบทุกคนที่ได้พูดคุยกันมีปัญหาคล้ายๆ กัน คือ พอปลูกแล้วไม่รู้จะเอาไปขายที่ไหน บางรายปลูกไผ่เป็นแปลง แต่ก็ไม่มากพอที่จะส่งขายตลาด เมื่อครั้งจะขายในชุมชนก็ล้นตลาด สุดท้ายขุดกอไผ่ออก แล้วไปปลูกปาล์ม

ตอนเริ่มต้นปลูกไม่ได้เตรียมการตลาด สุดท้ายทำมากขายไม่ได้ ท้อ แล้วเลิกไปในที่สุด

บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลา

ผมเน้นกินเป็นหลัก ใครมา แจก แบ่งให้ไปกินไปปลูก 

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ผมตั้งใจปลูกเพื่อเสริมรายได้จากงานสวนปกติเลยครับ แต่ส่วนมากก็จะเป็นการจำหน่ายแบบแบ่งปันมากกว่า ขายในราคาที่ผู้ซื้อยิ้มได้ เพราะของแถมเยอะมาก ยิ่งถ้ามาถึงสวน แทบจะไม่ต้องซื้อครับ แบ่งปันให้เป็นของฝากติดมือกลับบ้านเกือบทุกรายที่มาชมสวนครับ!!

เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ บางคนอดทนรอไม่ไหว ล้มเลิกตั้งแต่ยังไม่เห็นผลของการลงมือลงแรง

ผมก็เป็นคนนึงที่ใจร้อนมาก แต่พอยิ่งทำยิ่งเข้าใจ ทำเกษตรใจร้อนไม่ได้ ต้องอดทน อดทนต่อความลำบาก อดทนต่อการรอคอยผลผลิต

หน้า