เที่ยววัด เที่ยววัง #5

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สวัสดีทุกๆ คนคร๊าบบบ กลับมาอาสาพาเที่ยวกันต่อแล้วครับ ล่าสุดทิ้งท้ายไว้ว่าจะพาทุกคนไปชมเมืองมรดกโลกกัน พร้อมออกเดินทางกันหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ ลุยยยยยย

คืนส่งท้ายก่อนอำลาเมืองปราก เราหุงข้าวกล้องหอมๆ กับทำอาหารทานกันอีกมื้อ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว หม้อหุงข้าวใบเล็กนิดเดียว แต่ได้โชว์ตัวหลายประเทศแล้วครับ ยังไม่ยอมปลดระวาง อิ่มแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า (อีกแล้ว) 555

เช้าวันใหม่ จากปราก เราออกเดินทางด้วยรถบัสประจำทาง สถานีอยู่ใกล้ที่พักนิดเดียว เดินแป๊บเดียวก็ถึงเลย แหมใครนะเลือกที่พักได้ดีจริงๆ (แต่ไม่ใช่ผม แน่นแน่) เราจะมุ่งหน้าลงทางใต้กันครับเพื่อที่จะเดินทางไปเมืองมรดกโลกที่ชื่อว่า เชสกี้ ครุมลอฟ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง บนรถจะมีพนักงานประจำรถ บริการเครื่องดื่มร้อนให้ด้วยครับ แก้วแรก ฟรีครับ แต่ถ้าติดใจจะขอเบิ้ล แก้วต่อไปจ่ายตังค์ครับ

เราจองตั๋วจากเมืองไทยไว้เรียบร้อย ถึงเวลาก็แค่แสดงเอกสารที่ปริ้นท์มาให้พนักงานดู เขาจะมีชื่อเราอยู่ในลิสต์ผู้โดยสาร ถ้าตรงกัน เป็นอันเรียบร้อย วันนี้ผู้โดยสารเกือบทั้งคันเป็นนักท่องเที่ยว ส่วส่วนใหญ่มาจากเกาหลีใต้ครับ เยอะมาก ประมาณว่ามาตามรอยซีรี่ย์ลูกสาวกำนัน (ไม่ช่ายยยยย) มองไปเหมือนมากับทัวร์เลย 555 เริ่มด้วยการชมวิวสองข้างทางเรียกน้ำย่อยกันไปพลางๆ ก่อนนะครับ

ทุ่งบัวตอง 555 มีใครพอจะรู้บางไหมครับ ว่ามันคือต้นอะไร เห็นตั้งแต่วันแรกที่เครื่องบินกำลังจะร่อนลงจอด ปลูกกันเยอะมาก เหลืองเป็นเอเคอร์ๆ เลยอะ สวยดี ท่านผบ. ทบ. บอกว่า มันคือ มัสตาส จริงเหรอ !!!!

3 ชั่วโมง ผ่านไป ไวจริงๆ แล้วเราก็มาถึง นับว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเช็ก ด้วยยังคงรักษาบรรยากาศของเมืองเก่ายุคกลางเอาไว้ได้มากกว่าเมืองไหนๆ จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโกเมื่อปี 1992

โปรดตรวจสิ่งของมีค่า และสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยก่อนลงจากรถ นครชัยทัวร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า..... (มั่วได้ตลอดซิเรา 555) ลงจากรถบัสที่สถานี เราต้องออกแรงเดินกันต่อครับ เดินตามพวกพี่ๆ น้องๆ แดนกิมจิ พวกนี้ไปแล้วกัน จริงๆ มีคนรีวิวไว้แล้วครับว่า จากสถานีรถ ให้เดินขึ้นเนินเตี้ยๆ จะเป็นทางลัดเข้าเมือง (ที่ไม่รู้ใครเดินนำไว้) เดินมาอีกนิด จะมีตรอกเล็กๆ เดินผ่านตรอกสั้นๆ จะเจอทางเข้าตัวเมืองอยู่ตรงหน้าพอดี แค่เดินข้ามถนน มันง่ายขนาดนั้นเลย ลองดูละกัน 

ขึ้นเนินมาก็เจอวิวสวยๆ แล้วก็กิมจิมุง กำลังเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

 

มั่งจิ (ดูออกกันใช่ไหมครับ ว่าคนไหน 555 ไม่แพ้ชาติใดในโลกเจงๆ)

เผื่อใครอยากได้เป็นไอเดีย ไว้เก็บฟืน เก็บเสร็จแล้วก็เดินกันต่อครับ

ปกติการมาเที่ยวที่เมืองนี้สามารถเที่ยวแบบวันเดียว ไป-กลับได้นะครับ เมืองไม่ใหญ่มาก แต่เราจะเที่ยวและค้างที่นี่ 1 คืน ครับ และนี่คือที่พักของเราคืนนี้ครับ

        

ห้องพักนี้ เราก็จองล่วงหน้ามาจากเมืองไทยเหมือนกัน มีแค่ 5 ห้อง ตอนมาถึงเจอกับนักท่องเที่ยวที่กำลังเช็คเอาท์ออกไป จองมา 3 ห้อง ไทยแลนด์ล้วน 555 คืนนี้ก็เช่นกัน  2 ใน 5 ไทยแลนด์อีกแล้วจร้าาาา เจ้าของบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่พักของเขา ทำไมมีแต่คนไทยมาพักเยอะมาก เราเลยบอกว่า คุณลองพิมพ์คำว่า pantip .... ดูดิ แล้วจะถึงบางอ้อ

เก็บข้าวของเสร็จ ออกสตาร์ทด้วยการเดิน (ช้อปปิ้ง...อีกแล้ว) เล่นรอบเมืองก่อนเลยครับ รอให้พระอาทิตย์อ่อนแรงลงก่อน ค่อยขึ้นไปเดินเล่นบนปราสาทกัน

 

จากจุดชมวิวของเมือง เห็นยอดโบสถ์ และหอคอยปราสาทโดดเเด่น อยู่ตรงหน้า

ย่านลาทราน อดีตเป็นย่านที่พักอาศัยของนายช่าง และคนรับใช้ในปราสาท ปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นร้านของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงโรงแรมหรูหรา

      

เดินย้อนกลับมาผ่านทางที่พัก เดินมาเรื่อยๆ สุดถนน จะเจอร้านขายของที่ระลึก เป็นพวกงานป้ายสังกะสี เป็นร้านของเจ้าของที่พักนั้นเอง เขาจะเขียนโน๊ตแปะไว้ที่หน้าที่พักว่า ถ้ากดกริ่งแล้วไม่เจอใคร ให้เดินตรงมาจนสุดถนน เขาอยู่ที่ร้านตรงหัวมุมนี้ 

      

ร้านค้าที่นี้ ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือ ของที่ระลึกจำพวกเครื่องแก้ว เซรามิค ภาพวาด หุ่นกระบอก บางร้านมีพิพิธภัณฑ์ให้ชมด้วย แค่เดินเข้าไปชมของกระจุกกระจิกก็เพลินแล้วครับ สุดท้ายได้มามากมาย น่าซื้อกว่าที่ปรากเยอะเลยครับ คอนเฟิร์ม

เสาร์ห้า 555 ไม่ช่ายยยยย เสาพระแม่มารี ครับ บริเวณนี้คือ จตุรัสคอนคอร์ด ถือเป็นศูนย์กลางของเขตเมืองเก่า เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง

      

รอบๆ จตุรัสยังมีตึกสีสวยๆ ให้เดินดูหลายหลัง จะมีภาพเขียนผนังเฟรสโก (บ้านเราเรียกภาพปูนเปียก ที่เขียนในโบสถ์อะครับ) สวยๆ ให้แหงนคอดูกันครับ ปัจจุบันเป็นโรงแรม ร้านค้า และภัตตาคารก็มี

   

มีนิ้วมุมตึกด้วย และที่โดดเด่นไม่แพ้กัน โบสถ์เซนต์วีตุส เป็นโบสถ์ประจำเมืองครับ

เดินจนรอบเมืองแล้ว ก็เดินมาใกล้ปราสาทเข้าไปอีกนิด ข้ามสะพานเล็กๆ ไปก็จะเป็นทางขึ้นครับ

   

สะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวา สายเดียวกันกับที่เราเห็นที่กรุงปรากครับ แต่ที่นี้เป็นเพียงลำธารเล็กๆ ไม่กว้างใหญ่เท่าช่วงที่ไหลผ่านกรุงปราก

   

ตั้งตระหง่าน รอแป๊บนะ

   

รูปปั้นพระเยซู และนักบุญ สองฝั่งสะพาน

      

ปราสาทครุมลอฟ สิ่งก่อสร้างแรกที่มองเห็นได้โดดเด่น คือ หอคอยปราสาท สามารถขึ้นไปชมวิวได้ แต่วันที่เราไป ปิดครับ ปราสาทครุมลอฟ มีอายุกว่า 700 ปี ครอบครองโดยขุนนาง 3 ตระกูล หลังจากนั้นปราสาทตกเป็นของเยอรมัน แต่โชคดีครับ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เชสกี้ ครุมลอฟ ไม่ใช่สมรภูมิรบที่ดุเดือด เราก็เลยได้ชื่นชมมาจนทุกวันนี้ครับ ภายในปราสาทมีห้องต่างๆ ประมาณ 300 ห้อง ท้ายปราสาทเป็นโรงละคร บริเวณรอบๆ เราสามารถเดินชมได้ฟรี แต่ถ้าจะเข้าชมภายในต้องซื้อตั๋วพร้อมไกด์ จัดเป็นรอบๆ แต่เราขึ้นไปตอนเย็น เลยอดชมตามระเบียบครับ เดินเล่นรอบๆ แทนละกัน หมี คือสัตว์เลี้ยงของผู้ปกครองในสมัยนั้นนะครับ ทำไมหมา แมว ไม่เลี้ยงกัน เหอะ

      

จากหอคอย ทางเข้าต้องเดินผ่านอุโมงค์ใต้ปราสาท มาโผล่ตรงกลาง เป็นโถงกว้าง ด้านบนเปิดโล่ง มีการเขียนกำแพงเป็นลายอิฐสามมิติ หลอกสายตาได้ดีทีเดียว

      

เบื้องบนคือปราสาท เบื้องล่างคือเมือง

  

ออกจากตัวปราสาท เดินไปชมสวนกันครับ ว่าแต่นี้ต้นไรหว่า สวยดี

    

 

ต้นไม้เปลี่ยนสี

  

อาทิตย์อัสดง นาฬิกาบอกเวลาว่าจะทุ่มหนึ่งแล้ว สี่ทุ่มจะมืดไหมเนี้ยยยยย ลงไปหาอะไร อร่อยๆ ในเมืองกินกันดีกว่าครับ

เผลอแป๊บเดียว กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว พี่ๆ เขาหายไปไหนกันหมดเนี้ยยยย หลอนนะ

      

บทจะมืด ก็มืดสั่งได้จริงๆ เย็นนี้เรามาฝากท้องตามคำแนะนำของเจ้าของที่พัก เป็นร้านอร่อยประจำเมือง อยู่ใกล้ๆ กับจตุรัสคอนคอร์ด รสชาติสมคำร่ำลือคร๊าบบบบบ น่ากินใช่ไหม

      

อิ่มแล้ว ออกมาเดินย่อย (แบบหลอนๆ) กันก่อนเข้านอนนะ

      

วินโดว์ ดีสเพลย์ ตามร้านก็ยังเปิดไฟให้เดินชมยามค่ำคืนได้ เงียบ สงบดีจัง

   

เดินเลาะมาตามแม่น้ำ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของยุคก่อน

   

ดื่มด่ำ ย่ำราตรี จนกว่าจะได้พบกันอีก ราตรีสวัสดิ์ ครุมลอฟ

 

ขอบคุณทุกๆ คน ที่ติดตาม แนะนำ และติชม พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันต่อ ต้องติดตามกันต่อนะครับ

ขอบคุณครับ

หนุ่มบ้านนอก

 

ความเห็น

ชอบลำธารเล็กๆ แบบนี้ดูสงบและสดชื้นดี  เที่ยวเก่งจังนะคู่นี้ แอบอิจฉา อิอิอิ

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

กำลังเรียนวิชา สปช อยู่ครับ ป้าต่าย 555

"what a wonderful world"

สวยมากเลยคะ(ตอนกลางวัน)  บรรยากาศกลางคืนหลอนจริงๆคะ

ความสะดวกสบายมีขาย แต่ความสุขเงินซื้อไม่ได้ เพราะความสุขมิใช่เงิน

จริงๆ นะครับ มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย แค่อาทิตย์ลับขอบฟ้าเท่านั้นแหล่ะ หุหุ บรื้อออออออ

"what a wonderful world"

เมืองสีส้มๆแบบนี้ดูดีจังค่ะ...

 

จริงครับ มองไปทางไหนก็โทนเดียวกัน ผมเดาว่าเป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับสร้างบ้านเรือนของประเทศแถวๆ นี้ แน่นแน่เลย มองแล้วสบายตาดีครับ

"what a wonderful world"

ของเค้าดีจริงๆค่ะน้องเล็ก--เป็นระเบียบเรียบร้อย--อะไรๆกดูดี--ที่วางฟืน-ตุ๊กตายายแก่--ทิวโหลก-ทิวลิป --แสงยามราตรี ยังสวยเล้ย--อ้อ!!มันอยูที่การถ่ายทำด้วยนี่นา--ฝีมือๆ--อยากกินนะ มาล่อให้น้ำลายสอ--คนยิ่งกำลังกิน--ขอบคุณมากๆจ้า......

 

คร๊าบบบบบบบบ ยังเหลืออีกหลายเมืองเลยฮะ ตามมาเร้วววววว

"what a wonderful world"

ว้า !! อดเข้าปราสาท

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..