หมาขี้เรื้อน
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคน หนึ่ง เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่ง ที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย
เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลาย รูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประ เภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้ โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้เก็บขยะ
ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคน
จัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย
ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตา
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง จากใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ
เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน
คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที
เลยต้องวิ่ งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็ให้สัญญาณว่า
ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไร ก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อน ที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก
" อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน
ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา"
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า
หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
ถ้าเรายังเป็นโรคอยู่ในใจ ไม่พอใจอะไรซักอย่าง เงินเดือนน้อย หน้าที่การงานไม่พัฒนา ตำแหน่งไม่ไปไหน
ไม่ว่าเราย้ายงานไปที่ไหน เราก็ไม่พอใจ สถานที่เหล่านั้นไม่ดี คนไม่ได้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยได้ดูตัวเองเลยว่า
เราพัฒนาการทำงานของเรามั้ย ขวนขวายหาความรู้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนตัวนั้นเลย
- บล็อกของ ตั้ม
- อ่าน 6172 ครั้ง
ความเห็น
จันทร์เจ้า
18 มิถุนายน, 2010 - 07:40
Permalink
ใช่เลย
โดนใจฉันเลย มันเป็นเรื่องจริง แต่จะมีสักกี่คนที่มองเห็นตัวเอง และสำนึกได้ ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องเล่าเช้านี้
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
ป้าเล็ก..อุบล
18 มิถุนายน, 2010 - 07:54
Permalink
เรื่องนี้
ไม่ค่อยเนียน ความเป็นไปได้ มีไม่มาก รอให้คนสำนึกนี่ ย....า...ก....ส์
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
ตั้ม
18 มิถุนายน, 2010 - 13:27
Permalink
ป้าเล็ก..อย่าไป serious เลย
มันเป็นแค่อุบายธรรม อุปโหลกให้เห็นดังอุปมา .. (ผมเคยคิดเหมือนป้า ที่สงสัยในพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล ทำไมฟังธรรมเพียงครั้งเดียว บรรลุอรหันต์ได้..แต่ไม่อยากติดใจเพราะแก่นแท้ที่ผมสนใจคือคำสอนของพุทธที่เป็นวิทยาศาสตร์ ชาดกเป็นเพียงสีสัน)
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
แผน รณรงค์
18 มิถุนายน, 2010 - 13:01
Permalink
พีตั้ม เรื่องคติสอนใจ
พีตั้ม เรื่องคติสอนใจ ให้ข้อคิดดีๆแบบนี้ พี่เอามาจากไหน แนะนำกันหน่อยผมจะซื้อให้เด็กได้อ่านๆบ้าง ถ้าเป็นไปได้ มีใครพอที่จะแนะนำ ได้ก็ยินดีมากครับ
๕๕๕โดนเข้าไปไม่ใช่น้อยเหมียนกัน
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
ตั้ม
18 มิถุนายน, 2010 - 13:29
Permalink
จาก fw.mail
ที่เอามาให้อ่านกัน ก็นำมาจาก fw.mail เห็นว่าดีก็ส่งต่อให้เพื่อนๆและไม่ลืมที่จะต้องส่งให้ชาวบ้านสวนด้วย
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
rose1000
18 มิถุนายน, 2010 - 08:51
Permalink
อ่านแล้วรู้สึก
คุณตั้ม ผมอ่านแล้วรู้สึกคันขึ้นมานิดๆ เพราะเคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็รู้สึกคันแต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน สักวันคงหายคัน
sblue12
18 มิถุนายน, 2010 - 08:53
Permalink
เป็นโรคที่ใจ
อืม... น่าคิด ๆ ป่วยกายรักษาด้วยยา ป่วยใจก็รักษาด้วยธรรมะ ขอบคุณพี่ตั้มสำหรับข้อคิดดี ๆ ครับ
"ไม่มีอะไรอยู่กับที่ ถ้าเราไม่หยุดเดิน"
น้ากล้วย
18 มิถุนายน, 2010 - 09:08
Permalink
หมาขี้เรื้อนตัวเก่า
ผมคงเป็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งเช่นกัน เพราะไม่มีความสุขในที่ทำงานเลย เฮ้อ ปลง เรื่องนี้โดนใจเอาไป 5 ดาว
แดง อุบล
18 มิถุนายน, 2010 - 09:15
Permalink
หมาขี้เรือน
ก็คงสะกิดได้หลายคนอยู่ค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
บุญพา
18 มิถุนายน, 2010 - 11:15
Permalink
ยังไม่หายขาด
บางที ยังรู้สึกคันๆอยู่เหมือนกัน
แต่ พยายามไม่เกาค่ะ เพราะยิ่งเกายิ่งมัน
เพิ่งรู้ ว่าตัวเองเป็นหมาขี้เรื้อน
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เวลาชีวิตน้อยลงทุกวัน
หน้า