ข้อคิดเตือนสติสำหรับคนที่มีงานอื่นทำอยู่แล้วคิดจะลาออกอยากมายึดอาชีพเป็นเกษตรกร

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ทดลองอัพรูป                                       ดอกโฮย่าในกระถางเล็กๆ

บ้านเป็นพื้นปูนก็ปลูกมะนาวใส่ถังหรือลังโฟมก็ออกลูกได้                                        มะนาวในถังสีปลูกไว้ไม่ต้องซื้อยามที่มะนาวแพง

นี่ก็ปลูกในลังโฟมก็เก็บพริก-มะระไว้กินไม่ต้องไปเสี่ยงกับสารพิษ ปลูกพริกและมะระในลังโฟมบนพี้นปูน 

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/zvzaXyB9ZWY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

อยากให้ดูคลิบนี้ แล้วคิด พร้อมทั้งอ่านข้อความที่อินเนียร์จะบอกต่อนะครับ  *-*ตอนนี้ขออนุญาตพูดคุยก่อนนะครับว่า ขณะนี้โลกเปลี่ยนไปมาก สภาพภูมิประเทศ-ภูมิอากาศเปลี่ยนไปจนไม่อยากคิดว่าเกษตรกรจะอยุู่กันอย่างไรให้พาชีวิตและครอบครัวอยู่รอด ในขณะที่การใช้ชีวิตในปัจจุบันต้องใช้เงินมากๆๆๆเพื่อมีชีวิตให้สอดล้องและอยู่รอดในสังคม การส่งให้ลูกเรียนต้องใช้เงินมากขึ้น การกินการอยู่ต้องใช้เงินมากขึ้น(มากๆ) สังคมเปิดกว้างขึ้นแค่คนรุ่นใหม่จะหางานต้องสอบแข่งขันกันขนาดไหนก็ยังไม่อาจได้งาน... คุณมีงานทำอยู่แล้วแต่จะลาออก.....คุณไม่มีโอกาสได้รับเงินตอบแทนจากการทำการเกษตรเหมือนที่คุณทำงานอยู่หรอก ดู-ฟังคลิบของโจ จันไดให้จบนะครับ สวนส้มธนาธรยังต้องปิดตัวแม้ว่าลงทุนไปมาก

เรื่องของเรื่องก็คือ อินเนียร์ต้องการเขียนเตือน น้องๆที่คิดจะลาออกจากงานประจำว่ายับยั้งชั่งใจไว้ก่อน  เพราะรายได้จากการทำการเกษตรมันต่างจากรายได้ที่ทำอยู่มาก หากมุ่งมั่นคาดหวังมากอาจมีโอกาสผิดหวัง การทำการเกษตรมันทั้งเหนื่อยและผลผลิตไม่ได้ดังใจ คิดถึงคุณคิมเขาเขน และเพื่อนๆที่ทำอย่างเอาจริงเอาจังมาก่อนช่วยมาให้ข้อมูลกับน้องๆรุ่นหลังบ้างครับ เป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว                                                          ***ยังคงแอบส่องอยู่นะครับ ยังคิดอะไรใหม่ๆไม่ออก...ใครอยากเข้ามาคุยด้วยก็ยินดีนะครับ ผมยังตรวจสอบอยู่เสมอครับ ***

*-*นานแล้วไม่ได้เข้ามาบ้านสวน ได้แต่ชะเง้อมอง พอเข้ามาแก้ไขทำไม่ถูกมัน รำเก๊อะรำเก้ย..เยียะบ่จ้าง

 

ความเห็น

เป็นอย่างที่คุณอินเนียรให้ข้อคิดเห็น การออกมาทำอาชีพเกษตร ใจต้องรักหนึ่ง ความรู้ความสามารถในด้านนี้ต้องเชี่ยวชาญ การตลาดต้องเป็น  มีใจที่พอเพียงอย่างแท้จริง และการที่จะคิดออกมาประกอบอาชีพทางการเกษตรเพื่อหารายได้ทดแทน ในระยะเวลาสั้นๆไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ ก้ขึ้นอยู่กับว่าได้เตรียมตัวมาก่อนหน้านานแค่ไหน บทสรุปที่ได้ในการเกษตรตอนนี้ คือลงทุนให้ต่ำที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด พึ่งตัวเองให้มากที่สุด ไม่ผ่านคนกลางได้ราคาดีกว่า ตรงตามความต้องการลูกค้า( เพื่อนบ้าน) การปลูกมากๆขายส่งไม่ใช่คำตอบ เนื่องจากเปลืองทรัพยากรมาก แต่ก้ต้องพิจารณาทางเลือกอาชีพอื่นทำควบคู่กันไปไม่ใช่เพียงแต่การเกษตรอย่างเดียว และการอยู่อย่างพอเพียงต้องอยู่ด้วยใจที่พอ  รักในสิ่งที่ทำซึ่งต้องสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วย ไม่เช่นนั้นหากขาดซึ่งรายได้ที่เพียงพอและยังคงมีภาระ การอยู่ท่ามกลางพืชผักสีเขียว ใจก้ย่อมเป็นสุขไม่ได้อย่างแท้จริง.. หากใครที่อยู่ในอาชีพนี้แล้วขอให้สู่ต่อไป อย่างมีสติ มีเหตุมีผล ย่อมฝ่าฟันต่อไปได้แน่นอนค่ะ^^

ความสุข..อยู่ที่ใจ

ครับ ขอบคุณ คุณkandeeมากเลยครับที่กรุณามาให้ความเห็น ครับเป็นข้อคิดที่ดีมากๆเลยครับ เป็นการจัดการวางแผนเรื่องการเกษตรตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงการขายสู่ผู้บริโภคหรือสู่ตลาด  เพียงแต่ผมเป็นห่วงว่าคนรักการปลูกพืชผักอย่างเราไม่ชำนาญในทุกเรื่องแต่รีบลาออกจากงาน เกรงจะทำให้เกิดควาามยุ่งยากในการดำเนินชีวิตน่ะครับ

ความจริงพี่อินเนียร์เข้าไปแก้ไข แล้วเพิ่มเนื้อหาให้สมบูรณ์ได้นี่ครับ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ขอบคุณ คุณเสินมากครับ ความคิดหมันมาเป็นทีๆ พอมานึกๆไม่ทราบจิหาภาพแบบไหนมาประกอบ ครั้นจิเขียนแต่ตัวหนังสือผมคิดว่าเพื่อนๆคงไม่อยากอ่าน จึงยังนึกไม่ออกว่าจะทำพรื่อดี ครับ

 

คิดถึงเช่นกันนะค่ะคุณอินเนียร์ ทุกวันนี้ก็เดินตามรอยบ้านสวนพอเพียงค่ะเพียงแต่ไมได้ลงบล็อกบ่อยๆค่ะ

สวัสดีครับป้ายา ป้ายากับลุงพงษ์สบายดีนะครับ การอยู่กับต้นไม้ต้นไร่มันทำให้เรามีความสุขใจ ไม่ต้องไปตามกระแสมาก 

 

สวัสดีค่ะ พี่อินเนียร์ เห็นไหมคะ ว่าทุกคนคิดถึงพี่แค่ไหน...บล็อคยังไม่เสร็จ ยังไม่มีเนื้อความ 555 คอมเม้นท์ มากมายค่ะ...น้องๆเพื่อนๆ รอว่าเมื่อไหร่พี่จะเข้ามา แค่ะประโยคเดียว ก็ พอใจ กันแล้วค่ะ ....แล้วจะทำร้ายน้องๆเพื่อนๆ ไปถึงไหนคะ เข้ามาบ่อยๆ ค่ะ อย่างน้อยๆ จะได้ปรึกษา กันได้บ้าง ค่ะ อย่าต้องให้ บ้านสวนพอเพียง(บ้านใหญ่) หลังนี้ ต้องล่มสลาย ไปกับความเจริญก้าวหน้า ทาง โซเชียล เลยค่ะ ....น้องๆสมาชิกใหม่ จะได้รู้จัก พี่ๆรุ่นแรกๆ กันบ้าง ...ขอบคุณมากๆนะคะ

สวัสดีครับน้องบัวริม ขอบคุณมากครับในการให้กำลังใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะเบื่อหน่ายบ้านหลังนี้ ยิ่งตอนนี้มีสมช.เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นดัชนีบ่งบอกถึงผู้คนหันมาสนใจการปลูกต้นไม้กันมากขึ้นเนื่องจากเห็นพิษภัยของสารเคมี และเห็นว่าต้นไม้ดอกไม้ให้ความสุข ให้ความผ่อนคลายจากงานประจำที่ต้องเร่งรีบ ต้องแข่งขัน ต้องใช้เวลาในชีวิตไปมาก จึงมองหาทางออกในการใช้ชีวิต  *-*ยังไงๆผมก็ติงๆไว้ว่าอย่าลาออกจากงานประจำ*ส่วนผมเองใช้เครื่องคอมพ์ตัวเก่าที่ใช้มาเป็น10กว่าปีแล้วและยังใช้อยู่จะช้าบ้างอืดบ้างเสียบ้างก็ซ่อมกันไปแก้ไขกันไป แต่ที่ไม่ได้เขียนและไม่ได้คอมเมนต์เพราะสมองมันไม่แล่นจริงๆ ครับ

เข้าใจค่ะ คำว่า "สมอง ไม่แล่น" คนเราก็มี ช่วงเวลา ที่ "มึน" กันบ้าง นะคะ แต่ อย่าเครียด อย่าเหงา คนเดียว นะคะ ...เข้ามากตอบปัญหา น้องๆ ...ผิดถูก คละเคล้ากัน เป็นไป สนุกดีค่ะ....วิถีชีวิตประจำวัน เราก็ทำ อย่าให้ขาด ...เป็นพอ ค่ะ..เรื่องงานประจำ ยัง (ทนทำ)อยู่ค่ะ  ยังทนได้อยู่ ...ถ้าออกจากงาน ก็ต้องมีติดปลายนวมกันบ้าง ไม่ออกมือเปล่าแน่นอน ค่ะ ขอบคุณที่พี่อินเนียร์ เป็นห่วงน้องๆ ทุกคน นะคะ 

ขอบคุณอีกครั้งกับความเห็นของน้องบัวริม คงเหมือนคำพูดที่ว่า "ในเสียก็มีดี  และในดีก็มีเสีย" ชีวิตประจำวันของโลกยุคปัจจุบันต่างจากยุคก่อนไปมากในทุกๆเรื่อง งานประจำทุกที่มันน่าเบื่อไปทั้งนั้น อะไรๆก็เร่งรีบ เวลาหมดไปกับงานกับเดินทางซ้ำบางทีต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้านอีก  กลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร บางทีมันไม่ใช่ยุคของคนรุ่นก่อนแล้ว ถ้ามองเด็กรุ่นใหม่ที่ทำงานที่เดียวกับเราเขาเฮฮาป้าตี้ดี แต่เราเครียด ก็คงต้องทำใจ*-*เพื่อนที่ทำเกษตรไปก่อนหน้า ออกมาพูดคุยกันบ้างเน้อได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง อินเนียร์คิดถึงนะครับ ชะเง้อหน้าต่างมาบ้างนะครับ

หน้า