ความจริงวันนี้
สืบเนื่องจากบล็อกของอาจารย์บุญลือ "โอ้โหไข่สดแพง" หรือข้าวไข่เจียวแพงครับ
http://www.bansuanporpeang.com/node/3081
มาถึงวันนี้ความจริงบางอย่างเริ่มปรากฏ
http://www.thaipost.net/news/030710/24370
สหฟาร์มซัด"ผูกขาด"ปั่นไข่แพงสับนักการเมือง อภิสิทธิ์ชนตัวถ่วงประเทศชาติพัฒนา
เสี่ยสหฟาร์มซัด "ไข่แพง" เป็นเพราะตลาดถูกผูกขาดจากธุรกิจรายใหญ่ แถมยังมี "การเมือง" เข้ามายุ่งเกี่ยว เร่งผลักดันส่งออกไก่ให้ได้ 1 แสนตัน หวังโต 100% พร้อมสวดนักการเมืองตัวถ่วงพัฒนาประเทศ เหตุชอบทำตัวอภิสิทธิ์ชนเหนือชาวบ้าน
นายปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกไก่เนื้อรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยถึงกรณีราคาไข่ไก่ในประเทศปรับสูงขึ้น ว่าเป็นเพราะตลาดไข่ไก่ในประเทศเป็นตลาดแบบผูกขาด ขณะที่เกษตรกรมีสิทธิ์ในตลาดไข่ไก่เพียง 5% นอกนั้นเป็นโควตาของบริษัทขนาดใหญ่
"ธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมากๆ ผลที่ได้รับก็จะเป็นเช่นนี้ คนได้ประโยชน์มีแค่บริษัทใหญ่ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง เกษตรกรคนเลี้ยงไก่ก็ได้แค่นี้ ถ้าเปิดให้เสรีใครอยากขายก็ขาย ก็ไม่มีปัญหา ส่วนที่บอกจะให้ตัดการส่งออกมาขายในประเทศ ถ้าเราทำแบบนั้น คนส่งออกจะเอาอะไรส่งออก และใครอยากจะทำการค้าด้วย ถ้าลักปิดลักเปิดแบบนั้น ในส่วนของสหฟาร์มไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะเราส่งออกแต่ไก่เนื้อเท่านั้น" นายปัญญากล่าว
นายปัญญากล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก สหฟาร์มมีการส่งออกไปแล้ว 3.3 หมื่นตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 50% โดยจนถึงสิ้นปีจะเพิ่มการส่งออกไก่ปรุงสุกให้ได้ 7.5 หมื่นตัน ส่วนไก่สด 2.5 หมื่นตัน เพื่อรักษายอดการส่งออกให้ได้ 100,000 ตัน ขยายตัว 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับคู่แข่งของไทยในการส่งออกไก่รายสำคัญ คือ บราซิล เนื่องจากมีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำกว่าไทยมาก อย่างไรก็ตาม ด้วย ศักยภาพของไทยที่พัฒนาไก่สดแช่แข็งและไก่ปรุงสุกอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งการมีคู่ค้าที่ดี เชื่อว่าไทยจะรักษาตลาดเอาไว้ได้
โดยในปี 2553 รัฐบาลตั้งเป้าส่งออกไก่ไปต่างประเทศไว้ที่ 400,000 ตัน ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมาส่งออกไก่ปรุงสุกแล้วประมาณ 1.8 แสนตัน ดังนั้น ในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปี ผู้ผลิตไก่ไทยทุกรายจะต้องเร่งส่งออกเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสูงสุด โดยยอดส่งออก 400,000 ตัน เป็นยอดที่กลับไปสู่ยอดส่งออกสูงสุดที่เคยทำได้ในปี 2546
นายปัญญากล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการเมืองในประเทศว่า หากทุกคนในประเทศเข้ามาอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของ กฎหมาย โดยเฉพาะนักการเมือง ซึ่งคนเหล่านี้ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา ประเทศ เนื่องจากชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
"แนะนำไปไม่รู้จะเชื่อไหม เพราะมีที่ปรึกษากันเยอะมาก แต่สิ่งที่จะทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ดีที่สุดคือ นักการเมืองต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าคิดว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่น คนพวกนี้ชอบคิดแบบนี้ จึงเป็นอุปสรรคใหญ่ของประเทศ อย่างธุรกิจอะไรก็ตาม ที่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง มันก็ไม่พัฒนา เพราะเป็นธุรกิจผูกขาด ประชาชนจน คนทำรวย" นายปัญญาระบุ.
- บล็อกของ พุทธบุตร
- อ่าน 4207 ครั้ง
ความเห็น
สวนบ้านน้ำทรง
3 กรกฎาคม, 2010 - 12:42
Permalink
ความจริงมีเยอะกว่าที่เป็นข่าวครับ
ผมคลุกคลีอยู่วงการปศุสัตว์มาเกือบ 20 ปี ได้ ทำงานทั้งกับพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ จนถึงเกษตรกรรายย่อยครับ เห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจไก่ไข่มาเป็นระยะ บอกได้เลยครับว่าข้อมูลที่พวกนักข่าวหรือนักการเมืองเอามาเผยแพร่กันนี่มันแค่ตัดตอนเอามาพูดกัน โดยไม่ได้ทำการบ้าน ย้อนไปดูบริบทต่างๆกันเลย มันมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างครับที่ทำให้เกษตรกรรายย่อยต้องเลิกเลี้ยงไก่ไข่ไป มันไม่ใช่เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเดียวหรอกครับ มีปัจจัยอื่นๆด้วยครับ
เมื่อก่อนเราเลี้ยงไก่ไข่แบบโรงเรือนเปิด ฟาร์มขนาดหลักพันหรือหลักหมื่นตัวยังมีมากและกระจายไปตามท้องที่ต่างๆ แต่ปัญหาหลักๆที่พบซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป เช่น
* ภาวะโรค - ไก่ไข่บ้านเรามีโรคระบาดที่ต้องใช้ยาและวัคซีนควบคุมเยอะมาก มีมันเกือบทุกโรคตามตำราเลย เพราะขาดการควบคุมโรคที่ดีพอ รอบๆฟาร์มมีพวกนก ไก่บ้าน คอยเป็นพาหะ ทำให้ไก่ป่วยผลผลิตเสียหาย ต้นทุนสูง ตลอดเวลา
* อาหาร - การเลี้ยงไก่ไข่สายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง มันต้องใช้สูตรอาหารที่มีโภชนะพอเพียงตามความต้องการ ฟาร์มรายย่อยทำอาหารเองได้ยาก เพราะหาซื้อวัตถุดิบดีๆได้ยาก ปลาป่นก็ปลอมปนโปรตีน ข้าวโพดก็มีสารพิษจากเชื้อราสูง ฯลฯ ทำให้ต้องไปใช้หัวอาหารหรืออาหารสำเร็จจากบริษัทฯแทน เพราะสามารถตรวจสอบและเลือกซื้อวัตถุดิบได้แน่นอนกว่า ทำให้เป็นไปแทบไม่ได้เลยที่ฟาร์มรายย่อยจะผสมอาหารใช้เองให้มีคุณภาพและต้นทุนแบบที่จะเอาตัวรอดได้
* การจัดจำหน่าย - เมื่อก่อนจะขายกันแต่ละพื้นที่ เช่น แถวเพชรบุรีจะเลี้ยงและขายกันแถวเพชรบุรี แต่ต่อมาแหล่งเลี้ยงใหญ่ๆแถวแปดริ้ว ชลบุรี มีการขยายฟาร์มเป็นหลักหลายแสนตัว เริ่มส่งไปตีตลาดในหลายๆจังหวัด ในขณะที่ผู้เลี้ยงจะขายผ่านพ่อค้าคนกลางหรือที่เรียกว่า "ล้งไข่" ซึ่งมีไม่เกิน 20 ราย แต่คุมตลาดไข่ทั้งประเทศ พวกบริษัทใหญ่เท่านั้นที่มีระบบจัดจำหน่ายของตนเอง ระบบล้งไข่จะเป็นตัวคุมทำให้ผู้เลี้ยงมีกำไรได้น้อย ทุกวันนี้ระบบนี้ก็ยังคงอยู่ เพราะผู้เลี้ยงรวมตัวกันไม่ติด ต้องตกอยู่ใต่อิทธิพลของล้งไข่ ลืมตาอ้าปากกันยากครับ
* การเลิกกิจการของโรงงานไข่ผง - เมื่อก่อนจะมีโรงงานทำไข่ผงที่แปดริ้วสำหรับรองรับภาวะไข่ที่ล้นตลาด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอม แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและคนเลี้ยงไก่ไข่ ทั้งที่ประเทศไทยต้องนำเข้าไข่ผงมาใช้ปีนึงตั้งเยอะแยะ หรือถ้าทำดีๆก็สามารถส่งออกไปขายประเทศอื่นได้ ทุกวันนี้เวลาไข่ล้นตลาด ก็เลยไม่มีทางแปรรูปหรือเก็บไว้ได้ ยกเว้นบริษัทใหญ่ที่เริ่มสร้างโรงงานของตัวเองแล้ว
* วงจรการเลี้ยง - ไก่ไข่มีวงจรการเลี้ยงที่ยาวและซับซ้อนมาก สายพันธุ์ต้องนำเข้าปู่-ย่าพันธุ์ มาขายในฟาร์มเฉพาะ เพราะต้องควบคุมเรื่องโรคและการจัดการต่างๆมากมาย รายย่อยทำไม่ได้หรือไม่คุ้มทุนหรอกครับ ทำให้การผลิตลูกไก่ไข่ต้องทำโดยบริษัทใหญ่ๆเท่านั้น มันเป็นเหมือนกันทุกประเทศ หลังจากนั้นต้องมี "ฟาร์มไก่สาว" อีก เพื่อเลี้ยงจนถึงอายุนึง จึงส่งไปขายเพื่อเข้าฟาร์มไก่ไข่ที่เรียกว่า ระยะไข่ หรือ ยืนกรง ซึ่งการผลิตไก่สาวมันต้องมีโควต้าเพราะสมัยก่อยผลิตแบบเสรี พบว่าฟาร์มรายย่อยจะไม่มีความแน่นอนในการทำธุรกิจ ย้ายเปลี่ยนบริษัทคู่ค้าบ่อยๆ หรือเวลาภาวะตลาดไม่ดีก็เบี้ยวไม่ยอมรับซื้อลูกไก่หรือไก่สาวของบริษัทตามที่ตกลงไว้ ทำให้บริษัทใหญ่จึงหันมาขยายฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่เอง และจะผลิตใช้เองและขายให้เฉพาะรายที่เป็นคู่ค้าที่ไว้ใจกันได้ตามโควต้าเท่านั้นครับ ไม่งั้นจะเอาไก่สาวที่ไม่มีคนซื้อไปทำอะไรล่ะครับ ราคาตัวละหลายบาทนะครับ
* มลภาวะ - ไก่ไข่ที่เลี้ยงเล้าเปิดจะมีขี้ไก่อยู่ใต้กรง อาจมีการมาเก็บนานๆครั้ง ทำให้มีปัญหาเรื่องแมลงวันและกลิ่น แรกๆฟาร์มก็อยู่ไกลชุมชน แต่ตอนหลังบ้านเรือนก็รุกคืบเข้ามาใกล้ฟาร์มเอง แต่ก็จะเป็นฝ่ายที่ร้องเรียนเสียงดังเสมอ บางฟาร์มก็เลยต้องเลิกไป เพราะขี้เกียจทะเลาะกับชุมชน ซึ่งต้องกลายเป็นจำเลยเค้าวันยังค่ำ
ฯลฯ
ปัญหาพวกนี้ทำให้ฟาร์มรายย่อยหลายรายค่อยๆเลิกกิจการไปอย่างต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้วครับ จนมีไข้หวัดนกระบาด ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ทำให้ฟาร์มรายย่อย-รายกลางหลายรายต้องเลิกอย่างเด็ดขาด เพราะไก่ตายเกือบหมด ไม่คิดลงทุนเลี้ยงต่อแล้ว เพราะรู้ว่าต้องลงทุนอีกเยอะมาก แต่หาความแน่นอนที่จะทำกำไรได้ยาก เพระถ้าจะเลี้ยงต่อต้องลงทุนทำโรงเรือนระบบปิด EVAP อีกหลังละหลายล้าน ส่วนใหญ่ก็ถอดใจกันหมด เหลือแต่พวกบริษัท หรือรายใหญ่ๆเท่านั้นที่ยังทำธุรกิจนี้ต่อ นั่นคือที่มาว่าทำไมรายย่อยจึงเหลือแค่ 5% ไงครับ ทุกวันนี้ใครมีเงิน 1-10 ล้าน ไม่มีใครโง่ไปทำฟาร์มไก่ไข่หรอกครับ
และทุกวันนี้จริงๆผู้บริโภคต้องการไข่ไก่ที่ไม่ใช่แค่ราคาถูกใช่มั๊ยครับ? ไข่ต้องไม่มียาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าแมลงตกค้างเกินระดับปลอดภัย ไม่ปนเปื่อนเชื้อพวกซัลโมเนลล่า ไข่สะอาดไม่เปื้อนขี้ไก่เขรอะ คุณค่าทางโภชนะครบถ้วน อันนี้ก็ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิตไข่เพิ่มขึ้นครับ
จริงๆยังมีอีกหลายเรื่องครับ ที่มัน inside กว่านี้ แต่ท่านๆอ่านไปแล้วจะยิ่งปวดหัวครับ เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ
ไก่ดำ สวนบ้านน้ำทรง
จ.นครสวรรค์
พุทธบุตร
3 กรกฎาคม, 2010 - 13:46
Permalink
ทุนสามานย์ + การเมืองสามานย์
ขอบคุณมากเลยครับ สำหรับข้อมูล
ได้รู้ัเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
ตาแจ้งขึ้นกว่าเดิมเยอะ
ผมรออ่านข้อมูลต่อนะครับ
เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น
เจ้โส
3 กรกฎาคม, 2010 - 16:10
Permalink
ไข่แพงเพราะ.......
ชาวบ้าน ตาสี ตาสา ก็บ่นกันเข้าไปเหอะ ทำไมไข่แพง ทำไมไข่แพง........ ขอบคุณนะคะที่เอาข้อมูลดี ๆ มาเล่าสู่กันอ่าน
garden_art1139@hotmail.com
นายบุญลือ
3 กรกฎาคม, 2010 - 21:46
Permalink
ต้องเล่าเรื่องนี้เป็นเรื่องๆ ไปครับ
ปุ๊ก สวนบ้านน้ำทรง ครับ ขอบคุณมากที่เล่าเรื่องไก่ไข่ มาให้ทราบ ขอให้เล่าตอนต่อไปอีกครับ
บ้านเรา ผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีหน้าที่ หรือผู้ผลิตบางราย พูดเรื่องต่างๆ ไม่ครบ ตัดตอนเฉพาะ มาพูดเพื่อให้ได้ประโยชน์ตามที่ตนหรือพรรคพวกได้ประโยชน์ ผู้มีหน้าที่(โดยเฉพาะรัฐ) บางส่วนอาจโง่จริง หรือแกล้งโง่
ต้องพูดความจริงเกี่ยวกับ
-ต้นทุน ปัจจัยการเลี้ยง
-ปริมาณไข่ที่ผลิตออกมาในแต่ละเดือนของรอบปี
-ความต้องการของตลาดแต่ละเดือนในรอบปี
-ราคาไข่ที่ควรจะเป้นในรอบเดือน หรือรอบปี
-เกษตรกรรายย่อยไม่มีกำไร ต่อไปใครจะเลี้ยง เมื่อไม่มีคนเลี้ยง ต่อไปต้องสั่งไข่จากนอกมา ราคาจะเป็นอย่างไร ไม่อยากจะคิด
การแก้ปัญหาทุกๆ เรื่อง ถ้าไม่มีข้อมูลจริงมาใช้ แก้ไขยาก หรือแก้ไขไม่ได้หรอกครับ
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
3 กรกฎาคม, 2010 - 20:09
Permalink
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทั้ง คุณพุทธบุตร และคุณ สวนบ้านนำทรงค่ะ
หิวพอดี..ขอไปเจียวไข่ ทานกับข้าวก่อน
...ไข่...ไข่..ไข่
เจ้โส
3 กรกฎาคม, 2010 - 20:23
Permalink
จันทร์เจ้า + น้องแก้ว 2 เค
ไข่แพง ๆ อย่างนี้ต้องกิน ไข่คน 55555 ทำเป็นมั้ย ไข่คน ????
garden_art1139@hotmail.com
จันทร์เจ้า
3 กรกฎาคม, 2010 - 20:32
Permalink
ไข่คน
ทีแรก จันทร์เจ้าก็คิดไปไกลเลย
ที่ไหนได้ คือ...เอาไข่มา คนๆๆๆๆ นั่นเอง อิอิ
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
จันทร์เจ้า
3 กรกฎาคม, 2010 - 20:13
Permalink
อย่าเครียดค่ะ
อย่าเครียดค่ะพี่น้อง มากินไข่ยัดใส้กันนะ อิอิ
http://www.bansuanporpeang.com/node/3159
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
เซพ
4 กรกฎาคม, 2010 - 01:02
Permalink
ข.ไข่
ฮือ..ตอนเรียนมาท่านจะลืม ข.ไข่ ของไทยเราไปได้อย่างไร...
หือ..คิดมากเดี่ยวเครียดไปกิน ไข่คน..? ของเจ้โสกันดีกว่า คิก คิก..
