บาดแผลในใจลุงสั้นกูรูเรื่องผักเหมียง

     อย่างที่บอกในบันทึกก่อนนี้นะครับที่ผมไปซื้อต้นผักเหมียง แล้วผมนั่งคุยอยู่กับลุงสั้น 2 ชั่วโมงก็ได้อะไรมาเยอะ พอผมพูดถึงเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริม ของอำเภอนาโยงว่า ไม่รู้เขามีไว้ทำอะไร ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยเห็นเขาเข้ามาแถวหมู่บ้านผมเลย ไปขอความช่วยเหลือก็เหมือนกับไปขอทาน  ลุงสั้นบอกว่าลุงก็ไม่ไปที่สำนักงานการเกษตรอำเภอนาโยงมานานหลายปีแล้ว เป็นที่มาของเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้

     ลุงสั้นพื้นเพเป็นคนชุมพร มาอยู่ จ.ตรังเมื่อไรผมลืมถาม แต่ลุงสั้นเริ่มปลูกผักเหมียงที่ จ.ตรัง ตั้งแต่ปี 2546 ลุงสั้นเล่าว่าตอนนั้นคน จ.ตรัง ไม่รู้จักผักเหมียง ลุงสั้นเองถึงแม้ จบแค่ ป. 4 แต่ลุงก็มีควาสมสามารถในการเขียน

ลุงสั้นจึงตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวทุกอย่างของผักเหมียงบันทึกลงสมุด หวังที่จะเผยแพร่ความรู้เรื่องผักเหมียงให้คนตรังรู้จัก ในการเขียนของลุงสั้น ถ้าพูดเป็นแบบวิชาการก็คืองานวิจัยนี่เอง แต่เป็นงานวิจัยแบบของลุงสั้น ที่คุณลุงสั้นใช้เวลาถึง 2 ปีในการหาข้อมูลที่ไปสืบเสาะถึงแหล่งของผักเหมียง ที่ จ.ชุมพร สอบถามข้อมูลจากคนเฒ่าคนแก่ จนได้เป็นบันทึกหรืองานวิจัยของลุงสั้นประมาณ 20 หน้า ผมได้อ่านดูแล้วก็เป็นเรื่องราวของผักเหมียงที่น่านำมาเผยแพร่ แต่ผมก็ไม่กล้าขอ

    เมื่อบันทึก 20 หน้านี้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริม ใน จ.ตรัง คนหนึ่งมาเห็นเข้า ก็บอกลุงสั้นว่าจะเอามาพิมพ์เผยแพร่ แต่ต้องส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมที่จังหวัดตรัง ตรวจสอบก่อน โดยที่ลูกสาวของลุงสั้นเป็นคนพิมพ์ต้นฉบบับลง Floppy Disk แล้วส่งให้ทางเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมที่จังหวัดตรังตรวจสอบ เวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่มีเป็นรูปเล่มออกมา ลุงสั้นก็โทรทวงถามไปยังทางเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมที่จังหวัดตรัง เขาบอกว่าเขาจะส่งเอกสารกลับมาที่ สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง ให้ลุงสั้นไปรับได้ที่นั่น

    แต่เมื่อไปรับก็ปรากฎว่าเมื่อให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเกษตรอำเภอนาโยงเปิดดู จาก 20 หน้า มีข้อมูลอยู่แค่หน้าปก 1 หน้า เจ้าหน้าที่ก็บอกคุณลุงว่าไวรัสกิน  วันไปรับเอกสารกลับคุณลุงก็พาลูกสาวไปด้วย ซึ่งลูกสาวคุณลุงก็ไม่ได้เชื่อตามที่เจ้าหน้าที่บอก

    ขณะเดียวกันก็มีเอกสารออกมาจากสำนักงานเกษตร อ.นาโยง เรื่องการปลูกผักเหมียง ซึ่งเป็นเอกสารคล้ายกับของคุณลุง แต่ลงชื่อเป็นเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมของ อ. นาโยง ซึ่งลุงสั้นยังเก็บเอาไว้ ผมก็เห็นเอกสารชุดนั้นด้วย

     หลังจากนั้นก็มีหนังสือขอโทษลุงสั้นเรื่องขอมูลหายออกมาจำสำนักงานเกษตร อ.นาโยง ลุงสั้นยังเก็บไว้และยังเอามาให้ผมดูอีกด้วย ลุงสั้นบอกว่า ลุงทำงานชิ้นนี้มาสองปี หมดค่าน้ำมันรถไปไม่รู้เท่าไร ได้แค่กระดาษขอโทษแผ่นเดียว

     นอกจากนั้นยังมีการติดต่อขอเคลียร์โดยการให้เงินคุณลุงสั้น 3,000 บาท (สงสัยกลัวโดนร้องเรียนมั่ง) พร้อมกับเสนอตำแหน่งเกษตรกรดีเด่นให้ด้วย แต่ลุงสั้นไม่รับทั้งสิ้น ไม่คิดที่จะร้องเรียนด้วย ไม่คิดที่จะได้ตำแหน่ง ลุงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้เรื่องการปลูกผักเหมียงเท่านั้น แต่โดนเจ้าหน้าที่ที่จบปริญญา มาทำกับคน จบ ป.4 อย่างนี้ลุงสั้นเสียใจมาก ลุงบอกผมว่าลุงโง่ที่โดนเจ้าหน้าที่หลอก ผมบอกลุงไปว่าลุงไม่ได้โง่หรอก ลุงสั้นบอกว่าลุงเองก็ไม่เคยเล่าใครเพราะอายที่โดนหลอก แต่ไม่รู้นึกยังไงถึงเล่าผม พร้อมเอาเอกสารทุกอย่างมาให้ผมดูทั้งหมด

      ลุงสั้นบอกผมว่าเรื่องนี้ถึงผ่านมาหลายปี แต่เมื่อไรที่ลุงคิดขึ้นมาก็จะทำให้ลุงนอนไม่หลับ ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้ดูว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่เป็นการสร้างบาดแผลในใจ ให้กับลุงสั้นพอสมควร ในขณะที่คนที่เอาข้อมูลของคุณลุงไปคงได้เลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือนไปแล้ว

     จากที่คุณลุงเล่ามาลุงสั้นรู้ ชื่อ นามสกุลเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอนาโยงว่าคนนั้นเป็นใคร เพราะหลังจากเกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่คนนั้น ไม่มาที่บ้านลุงสั้นอีกเลย แต่ในมุมมองของผมแผ่น Floppy Disk มันเดินทางไปหลายที่คนที่เอาไปอาจจะไม่ใช่ที่อำเภอนาโยงอย่างเดียวก็ได้ ใครคนอื่นอาจได้ประโยชน์จาก Flopy Disk แผ่นนี้ไปแล้วก็ได้

      ลุงสั้นถอดใจที่จะเขียนหลังสือเล่มนี้ต่อได้แต่เอาต้นฉบับที่เขียนเอาไว้ไปจ้างร้านเข้าเล่มเอาไว้ดู

นี่คือบันทึกของลุงสั้นที่บอกว่าได้ส่งให้ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดตรังเป็นผู้ตรวจสอบ

     ผมเองก็เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลุงสั้น เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมจะเอาข้อมูลไปหาผลประโยชน์ส่วนตัวจริงหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้ ถ้าทำจริงก็เป็นเรื่องน่าอายของกรมส่งเสริม น่าจะมีการสอบสวนนะครับ นี่เป็นความคิดของผม

    แต่สำหรับลุงสั้นนั้น แกคงอยากอยู่อย่างปกติสุขไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใคร บาดแผลในใจครั้งนี้ลุงสั้นคงเจ็บช้ำพอแล้วกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ คงไม่อยากรื้นฟื้นขึ้นมาอีก

     ทั้งหมดเป็นการบอกเล่าของลุงสั้นที่ผมนำมาถ่ายทอดต่อ ไม่ได้มุ่งร้ายต่อใคร หน่วยงานไหน แต่เพียงอยากบอกให้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ

ความเห็น

      เกลียดจัง  เป็นข้าราชการ แล้วทำตัวแบบนี้  เมื่อไหร่เมืองไทย จะพัฒนาเสียที เวียดนามเค้าแซงหน้าเราไปถึงไหนแล้ว ไม่สำนึก มานั่งภูมิใจว่าคนไทยเก่งอย่างโน้นอย่างนี้ เก่งแต่หาประโยชน์ใส่ตัว  ไม่เคยนึกถึงคนอื่น จริยธรรมไม่พัฒนา หน้าด้านนนนนน

แม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน ลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อสร้างไว้ จะขอเดินตามรอยเท้าพ่อไป เหนื่อยยากอย่างไร ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง

ไม่รู้เป็นงัยสิน่า เจนเนอร์เรชั่นใหน

ก็มีแบบนี้แทรกมาได้ทุกรุ่น

ทุกวงการ เข้าใจลุงสั้นเป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

บางทีงานเรา+พวกพ้องเขียนไว้ เปิดไปจ๊ะเอ๋

ในเวบอื่นๆ ยังสะดุ้ง พี่ทั่นเล่น COPPY ทั้งดุ้น

แบบไม่ขอ แบบไม่มีเรียบเรียงใหม่ แบบเอย รูปเอย

ไม่มีการขอ แม้แต่ภาษา เอ้ออ้า คำติดปากเรา

ท่านก็ไม่ลบออกได้แต่ทำใจค่ะ

เราเองก็เอางานเพื่อนฝูงมาเผยแพร่

แต่ตั้งใจให้เผื่อแผ่  และเจ้าตัวเค้าอนุญาต

แต่อย่างไรเสีย ก็ต้องอ้างอิงที่มา

บางครั้งมันเขี้ยว มีบางท่านเชิญให้

COP..ได้ตามสะดวก ฮา...


ลูกอิสานกันดารแท้ แต่บ่อเหี่ยวทางน้ำใจเด้อ
หากแหม่นใหลหลั่งรินปานฝนแต่เมืองฟ้า
มาเด้อพวกพี่น้อง สานสัมพันธ์ให้มันแก่น
ให้ยืนยาวแนบแน่นพอปานปั้นก้อนข้าวเหนียว เด้อพี่น้อง

เรื่องนี้มีอยู่จริง ชาวบ้านตาดำคงทำอะไรไม่ได้

สมัยนี้ต้องยกให้เป็นเรื่องของสื่อ

 

อยากอ่านหนังสือที่เขาตีพิมพ์จัง

ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ .... เลว จริง ๆ ....

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

หน้า