บันได 8 ขั้นของคนดีชอบแก้ไข....

“คนดีชอบแก้ไข คนอะไรชอบแก้ตัวน้าาาาา...”

ถือเป็นสุภาษิตคำพังเพยสอนใจที่อมตะ นิรันดร์กาลใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ  แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากจะเป็นคนอะไรเอ่ย? ที่ชอบแก้ตัวแน่ ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ “กูรู” มีบันได 8 ขั้น   สู่การก้าวไต่ขึ้นเป็นคนดีชอบแก้ไข... ที่ใคร ๆ ก็รัก ใคร ๆ ก็ชื่นชม

คุณเคยมองตัวเองมั้ยว่า คุณชอบแก้ตัวบ่อยขนาดไหนภายในหนึ่งสัปดาห์ แล้วเวลาทำอะไรผิดตัวคุณเองเคยยอมรับผิดให้สมกับที่เป็นสุภาพบุรุษ, สุภาพสตรีหรือเปล่า แต่ถ้าคุณคิดว่าการเลิกแก้ตัวมันยากเย็นเกินจะทำได้  งั้นลองเอาเทคนิค 8 ข้อนี้ ไปใช้ดู เผื่อจะช่วยคุณได้....

1. วิจัยตัวเองสักนิด
 
ไม่ต้องรอให้เรียนถึงระดับปริญญาโท  แล้วจึงจะเริ่มลงมือทำวิจัยก็ได้ คุณสามารถเริ่มต้นวิจัยตัวเองได้ทันทีที่ต้องการ เก็บข้อมูลสักนิดว่า วัน ๆ  ตัวเองทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดมากมายแค่ไหน ทำผิดแล้วโบ้ยไปให้ชาวบ้านอีกกี่ครั้ง และทำผิดแล้วแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ บ่อยไหม หากมันมากมายถึงขั้นนับไม่ถ้วน  ได้เวลาปรับปรุงตัวเองแล้ว
 
2. ลูกผู้ชายตัวจริง/ลูกผู้หญิงตัวจริง
 
แม้แต่พวกโจร, ขโมย ฆาตกรทั้งหลาย เวลาทำผิด พวกเขายังยอมรับผิดต่อหน้าศาล เพื่อลดโทษกึ่งหนึ่งได้เลย (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) แล้วทำไมคน  น่ารัก ๆ อย่างพวกเรา เวลาทำผิดจะเชิดหน้าชูตา  อ้าปากตะโกนรับผิดไม่ได้ แม้การยอมรับว่า เป็นคน ทำ อาจส่งผลให้คุณต้องชดใช้อะไรบางอย่าง เช่น   ถูกตัดเงินเดือน, แฟนโกรธ, แม่ไม่ปลื้ม, กิ๊กระอา ฯลฯ แต่อย่างน้อยทุกคนก็ได้รู้ว่า ลูกผู้ชายตัวจริง/ลูกผู้หญิงตัวจริง ยืนอยู่ตรงนี้นี่เอง

3. ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด
 
แน่นอนว่า มันเกี่ยวกับคนที่ชอบปกปิดความผิดของตัวเอง ประมาณว่า ทำอะไรผิด ก็รีบหาอะไรมาบัง ๆ เอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็ลอยนวลไปได้อย่างหน้าด้าน ๆ เช่น ทำทีวีพัง ก็แสร้งไม่รู้ไม่ชี้ ปิดเครื่องถอดปลั๊ก รอจังหวะให้คนอื่นมาเปิด พอเปิดปุ๊บ ก็รีบเสนอหน้ามาเลย แล้วตะโกนประจานเขาดัง ๆ “อ้าว...ทีวีเสียนิ ทำไมทำทีวีเสียอ่ะ จับอะไรเป็นพังทุกอย่างเลยนะ” โยนความผิดให้คนอื่น ทั้งที่ตัวเองทำเห็น ๆ นิสัยเช่นนี้ไปเลิกที่ถ้ำกระบอกด่วน
 
4. ยืดอกพกถุง (ไม่ใช่ล่ะ) ยืดอกรับผิดซะ
 
คงไม่ต้องถึงขนาดว่า ทำทีวีพัง แล้วออกไปยืนตะโกนหน้าบ้านดังสนั่นว่า “ผมทำทีวีพังคร้าบบบ....พี่น้องครับ ผมทำทีวีพัง” เอาแค่  ว่ารับผิดชอบ โทรฯไปตามช่างมาซ่อม หรือปรึกษาพ่อแม่พี่น้องว่า ทีวีพัง ทำอย่างไรดี ซื้อจอแบน LCD มาแทนดีไหม ยอมรับว่า ตัวเองทำ และพยายามแก้ไขมันซะ แค่นี้ก็หล่อ/สวย ซะไม่มี
 
5. น้ำซึมบ่อทราย
 
การจะให้เลิกทำอะไรที่ทำอยู่เป็นประจำ  มานานในทันทีทันใด คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่ ใช้เทคนิค  น้ำซึมบ่อทราย ค่อย ๆ ซึมทีละนิดทีละหน่อย      จากที่วัน ๆ แก้ตัวพันครั้ง ก็ให้เหลือสัก 500 ครั้ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือแค่วันละ ไม่กี่ครั้ง และไม่มีอีกเลย

6. I'm sorry
 
“ขอโทษ” คำภาษาไทย 2 พยางค์ ที่ออกเสียงง่าย ๆ เช่นนี้ แต่บางคนกลับไม่ค่อยได้เอ่ยออกมา ประมาณว่า กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก ทำอะไรผิด ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า แต่งนิยายหนาขนาดหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพื่อแก้ตัวหรอก แค่กล่าวว่า ขอโทษครับ / ขอโทษค่ะ แค่นี้เอง ไม่เปลืองน้ำลาย ไม่เปลืองสมองคิดหาเรื่องแก้ตัว แถมยังเท่อีกต่างหาก ทำให้เป็นนิสัย เมื่อทำผิดแล้ว หากคำกล่าวขอโทษมันพรั่งพรูออกมาเป็นอัตโนมัติ แสดงว่า คุณมีแนวโน้มจะเป็นคนดีชอบแก้ไขมากเกินกว่าครึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ขอโทษยันดะนะจ๊ะ จะขอโทษทั้งที มันก็ต้องมีเหตุผล คำขอโทษจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคำแก้ตัวไปซะงั้น
 
7. ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว
 
ในสังคมไทยทุกวันนี้ คุณสามารถมองหาคนที่ชอบแก้ตัวยันดะไปเรื่อยได้ไม่ยากหรอก ไม่ว่า   จะในหนังในละคร หรือชีวิตจริง หากรู้แล้วว่าเป็นใคร  จับตาดูอย่างใกล้ชิดชนิดไม่กะพริบตา เจาะลึกเขา   ให้ละเอียด สิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่เขากระทำ จงอย่า ทำตาม หากคุณรู้สึกเช่นไรกับเขา แน่นอนว่า เมื่อ คุณแก้ตัวไม่ยอมรับผิด คนอื่นก็จะรู้สึกแย่ ๆ เช่นนั้นกับคุณเหมือนกัน
 
8. ตกรางวัล
 
เมื่อเราเริ่มปฏิบัติตามทั้ง 7 ข้อ ด้านบน  ได้อย่างเคร่งครัดแล้ว ควรให้รางวัลกับตัวเองซะหน่อย อะไรก็ได้ที่คุณชอบ ที่คุณต้องการ เช่น ทานอาหาร   มื้อโปรด, ซื้อของที่อยากได้มานาน หรือชื่นชมตัวเองหน้ากระจก “พ่อคนดีฝังใน”, “นายนี่มันพระเอก  หนังไทยนี่หว่า”, “สตรอเบอรี่ไม่ปลื้ม” ถือเป็นการให้กำลังใจตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำสิ่งดี ๆ เช่นนี้ต่อไป และกำจัดคนที่ชอบแก้ตัวให้หมดไปจากชีวิตสักที

ขอบคุณ Yenta4 Webboard.mht