"เพียงแต่ยังไม่ได้ทาสี"กะเขามั่ง
นานโดยประมาณ...ที่ผ่านตามาแล้ว ครุ่นคิดแต่ไม่ติดตาม...จนวันหนึ่งมาโด่งดังในหน้าพื้นทีเน็ตเวิกต่างๆ
ก็เลยแวะมามองอีกครั้ง...อ้าว "ซีไรต์"เลยเรอะ...ก็เลยมาทบทวนอีกครั้ง...หลายท่านคงจะเคยผ่านตามาแล้วเหมือนผม...
บทกวีชิ้นหนึ่งใน "ไม่มีหญิงสาวในบทกวี" ที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากพอสมควร ก่อนหน้าเทศกาลซีไรต์ ก็คือ "เพียงแต่ยังไม่ได้ทาสี" ของ ซะการีย์ยา อมตยา
และ ณ.บัดนี้ก็เรียบร้อยโรงเรียน “ซีไรต์” แล้วสำหรับวรรณกรรมเล่มนี้ อ่านแล้วก็อ่านอีก...นะครับ
.................................................
บางอย่างบนเส้นทาง
ผมเดินไปเห็น บางสิ่งบนถนน
อะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ
ผมไม่เคยพบเห็น
มันดูประหลาดมาก
ผมพลันหวนคิด วันในวัยเยาว์
บางสิ่งที่ดูเหมือนจะเคยเกิด
แต่มันช่างรางเลือน
เหมือนสิ่งที่กำลังจะเกิด
และเคยเกิด
แต่ผมประกันได้เลย
ผมไม่รู้จักไอ้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั่น
อยู่อยู่ความปวดร้าวจู่โจมผม
ท้ายทอยของผมเหมือนมีระฆังพันใบ
ระรัวเสียงที่สวรรค์และนรกไม่เคยรังสรรค์
ผมจะบอกอย่างไรดี ผมอธิบายมันไม่ได้
เสียงก้องทำให้หัวผมแทบระเบิด
เหมือนระดับของเหลวในหูผมไหลทะลัก
ผมรู้สึกหัวของผมโตขึ้นโตขึ้นจนบดบังทัศนวิสัย
และกีดขวางการจราจรในบัดนั้น
อะไรบางอย่างที่เห็นกำลังหยั่งรากบนผิวถนน
ขณะเดียวกันก็เห็นผู้คนต่างจ้องมองมายังผม
สายตาทั้งหลายมีความตื่นตระหนกอย่างเหลือร้าย
ผมเห็นผมในดวงตาเหล่านั้น
มันกำลังหัวร่อสิ่งแปลกปลอม
แล้วลำตัวผมอุบัติด้วยกิ่งใบ
ชูช่อเสียดฟ้าทะมึนที่กำลังตั้งเค้าพายุ
บางคนอุทานว่า ต้นไม้ยักษ์!
ที่นี้ ผมจะทำอย่างไรดี มันช่างละอาย
ร่างกายผมกำลังประจานท่ามกลางการจราจร
ผมหนาว ผมสั่น ผมหนาว ผมสั่น
ผมอยากได้ผ้านวมมาคลุมกาย
พลเมืองผู้ภักดีทะยอยไปเปิดฝากระโปรงรถ
พลันเสียงเลื่อยไฟฟ้านับร้อยแผดคำราม
กลิ่นเบนซินชวนผมคลื่นไส้
ผมอยากหนีไปจากที่ตรงนั้น
แต่รากของผมลึกเกินกว่าจะผละไป
พวกเขาละล้าละลังและหวาดหวั่นที่จะสัมผัสผิวหนังผม
แต่พวกเขาก็ทำ
ผมพยายามกรีดร้องแต่เสียงผมไม่หลุดจากปาก
ผมอยากร้องไห้แต่น้ำตากลับไหลย้อนซึมเข้าสู่กิ่งก้าน
กระดูกแตกราวผนังกระจกถูกอัดด้วยแรงฟุตบอลของวัยหนุ่ม
เปลือกผมเละยุ่ย อย่างกับโจ๊กมื้อเช้า
สายพานคมเลื่อยชำแรกเข้าที่ข้อเท้าของผม
เลือดสีขาวไหลเป็นทางบนถนนที่จะนำผมกลับบ้าน
ผมนึกถึงวันแรกที่ผมมาเยือนโลก
ต่างกันเพียงดวงตามากมายกำลังปรีดิ์เปรม
ขณะที่ร่างของผมกำลังโงนเงน
ดูพวกเขาช่างหนักแน่นและแน่วแน่
ร่างผมโค่น กระแทกลงกลางถนน!
งานฉลองใหญ่เกิดขึ้นทั่วเมือง
พลุแตกเต็มฟ้ากลางราตรี
ดวงตาพวกเขาช่างอิ่มเอม
ขณะที่เพื่อนผู้มาก่อนผมได้รับอาภรณ์เป็นดวงไฟระยิบ
ร่างของผมถูกลิดกิ่งและใบออก
ลำต้นของผมถูกตัดและซอยเป็นซี่ซี่
พวกเขาบางกลุ่มต่อรองกันว่า จะเอาท่อนแขน หรือท่อนขาดี
อีกบางกลุ่มกระโดดไปบนหลังคารถ พลางชูกำปั้น
กร้าวประกาศว่า มันน่าจะเป็นเมรุอันวิจิตรตระการ
อีกบางกลุ่มแย้งว่า แต่ทั้งหมดนี้ คืออนาคตมหาราชวังสิบหลัง
แด่ราชโอรสผู้ทรงพิสมัยเสด็จประพาสทางไกล
และพึงพระราชหฤทัยในการดื่มฤดูกาล
นับแต่นั้นมาเรื่องราวของผมถูกเล่าขาน
กลายเป็นเทพองค์หนึ่งซึ่งศักดิ์สิทธิ์
เรื่องของผมอยู่ในชามเบรกฟัสต์
ละลายอยู่ในแก้วเอสเพรสโซ
อยู่ในหน้าโซไซตี้บางกอกโพสต์
อยู่ในฝ้ายถุงเท้าปิแอร์การ์แดง
อยู่ในเน็กไทยับยู่ยี่ลายช้างเผือก
อยู่ในเบสต์เซลเลอร์ ผมจะเป็นคนดี
อยู่ในช่อการะเกดฉบับเทียบเชิญ
อยู่ในฟ้าเดียวกันฉบับข้อมูลใหม่
อยู่ในมิชลินสี่ล้อรถประจำตำแหน่ง
อยู่ในพวงมาลัยทำมือของเด็กน้อย
อยู่ในบิลบอร์ดไทยเข้มแข็งข้างทางด่วน
อยู่ในพานพุ่มหน้าทางเข้าสำนักงานใหญ่
อยู่ในกรอบไม้สักทองอันเป็นที่สักการะ!
ซะการีย์ยา อมตยา
จากรวมเล่มบทกวี ไม่มีหญิงสาวในบทกวี
- บล็อกของ มานี มานะ วีระ ชูใจ
- อ่าน 4327 ครั้ง
ความเห็น
มานี มานะ วีระ ชูใจ
16 กันยายน, 2010 - 08:59
Permalink
บางอย่างบนเส้นทางผมเดินไปเห็น
บางอย่างบนเส้นทาง
ผมเดินไปเห็น บางสิ่งบนถนน
อะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ
ผมไม่เคยพบเห็น
มันดูประหลาดมาก
แต่ผมก็ยืนมองมัน อย่างพินิจคิดวิเคราะห์
เว้นใจไว้ว่าง ครุ่นคิด แต่ไม่ติดตาม
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
แดง โคกโพธิ์
16 กันยายน, 2010 - 08:57
Permalink
กวี
กวี ศรีบ้านสวนพอเพียงแท้ ๆ
ตองอู
16 กันยายน, 2010 - 09:14
Permalink
กวี..^_^..
อูอ่านแล้ว...จะว่าไงดีน๊า?? คืออ่านหลายรอบด้วยนะแต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่(โง่ป่ะเนี่ย?)..แต่ชอบคำที่ใช้อ่ะค่ะ..มันดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา
MSN/MAIL/HI5 : Tongau_oomsin[at]hotmail[dot]com
pomcob
16 กันยายน, 2010 - 09:20
Permalink
ผมเห็นคน
... ตาย ...
ยายอิ๊ด
16 กันยายน, 2010 - 09:28
Permalink
อืม...
การมองมุมของชีวิตที่เป็นอยู่ และให้เข้าใจ
บางครั้งบทกวีผู้สร้างสรรค์ขึ้นมาก็ใช่ว่าจะปฏิบัติตามได้ แต่เป็นแนวในการเดินทางของชีวิตต่างหากค่ะ
แต่ในบทกวีนี้...โอว์......มันฉีกแนว ไป
ไม่ใช่ วันอาทิตย์...แต่มันเป็นวันไหนก็ได้ ที่สามารถเกิดได้...ทุกเวลา บนท้องถนน...หรือในเคหะสถาน หรือทุกที่....ในเมื่อมันถึงเวลา..
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
นงคราญ วชิรา
16 กันยายน, 2010 - 09:33
Permalink
บทกวี
บทกวีที่แสดงออกถึงคมคิดของคน....ลึกล้ำ..
สายพิน
16 กันยายน, 2010 - 10:52
Permalink
อ่านแล้วคิดถึงลมหายใจ...
คุณ มา...อ่านแล้วคิดถึงลมหายใจ...
ไม่รู้ว่าฝากลมหายใจไว้ได้ที่ไหน
คนทำ...ทำตอนมีลมหายใจหรือเปล่า
หรือมีเพียงคำว่าลมหายใจ
ลมหายใจแห่งอนาคต มาจากลมหายใจในปัจจุบัน
...หวังว่า เขาจะไม่ลืม "ลมหายใจ ณ ปัจจุบัน"
ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างต่อไป
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่นำมาฝาก
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
17 กันยายน, 2010 - 05:27
Permalink
พี่สายพิน คมมาก
อนุโมทนาด้วยนะคะ
lekonshore
16 กันยายน, 2010 - 12:15
Permalink
สุดยอดกวีบ้านสวน
สุดยอดกวีบ้านสวน
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
แดง โคกโพธิ์
16 กันยายน, 2010 - 12:22
Permalink
คุณ Pomcob
เขาว่ากันว่าจะเสพบทกวีให้มีสุข ต้องมีไวด์เคียงข้าง คุณ Pomcob ว่ามั๊ย
หน้า