บ้านดอน ขุนทะเล ในบาง สมุย
หาดละไม เกาะสมุย
ผมหันหลังให้กับสุราษฎร์ธานี โดยไม่ได้ย้อนกลับมาร่วมสิบปี จนกระทั่งมีภาระกิจงานที่ท่าเรือดอนสักถึงได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง สิบปีก่อนโน้นสุราษฎร์ในความทรงจำที่ยังคงเป็นเงาจางๆอยู่ในสมองของผมยังน่าอยู่ครับ ผมเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยหมาดๆ ราวๆปี 2539 ปลายๆ แบกกระเป๋าใบเล็กๆไปกินนอนในโรงงานประจำแถบตำบลขุนทะเล วันคืนอุดอู้อยู่ในโรงงานจนกระทั่งไปพบรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นชาวตำบลขุนทะเล ชีวิตพอได้คลายว้าเหว่ ทุกเย็นผมก็ไปขลุกอยู่ในบ้านสวนริมบึงจนแทบจะกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวนั้นไป
บ้านสวนหลังนั้นเป็นบ้านไม้กึ่งปูน ต้องเดินผ่านซุ้มประตูดอกเฟื่องฟ้า เข้าไป ผ่านสะพานไม้เล็กๆ หลังบ้านเป็นเรือนชานยื่นออกไป และมีท้องร่องอย่างสวนภาคกลางเพราะเป็นพื้นที่น้ำท่วมถึง ปลูกผลไม้สมรม หมาก กระท้อน เงาะ ชมพู่ทูนเกล้า ร่มรื่นมากครับ วันดีโอกาสเหมาะเราก็พายเรือลัดเลาะออกไปตามท้องร่อง ลัดเรื่อยไปตามลำคลอง ไปยังบึงขุนทะเลซึ่งเป็นบึงน้ำจืดกว้างมากทีเดียว ยามเย็นลมรื่นน้ำฉ่ำ พอน้ำขึ้นตะวันพลบก็ภายเรือลัดเลาะกลับบ้าน บางวันก็รอจนค่ำๆ จะมีหิ่งห้อยพราวเกาะตามต้นไม้คล้ายติดด้วยดวงไฟระย้านับร้อยบนควงไม้พุ่มนั้น เขาจะเรียกว่าต้นลำพูหรือไรผมไม่แน่ใจ แต่บรรยากาศบ้านสวนแห่งนั้นยังคงตรึงใจผมอยู่ทุกวันนี้
วันใดว่างๆก็จะออกมาบ้านดอน หาซื้อขนมของกินที่ตลาดโต้รุ่งริมท่าเรือบ้านดอน หากเป็นกลางวันก็หาโอกาสนั่งเรือลัดเลาะไปในคลองเล็กๆร้อยสายกลางแม่น้ำตาปี ซึ่งเบาเรียกกันวาบางใบไม้
บางใบไม้นี่ นับได้ว่า เป็นคลองร้อยสาย ร้อยเกาะ กลางแม่น้ำตาปีจริงๆ หากเป็นถนนรับรองได้ว่าหลงทางแม่นมั่น สองฟากคลองก็จะมีต้นจากระดะใบ มีตำนานเล่าว่าขุนทัพเมืองนครศรีธรรมราชเคยแตกทัพหนีภัยการเมืองมายังบางใบไม้แห่งนี้ เห็นชัยภูมิชอบกลก็ให้ปักรกรากถิ่นฐาน จนปัจจุบันก็ยังคงลูกหลานสืบเชื้อมาทุกวันนี้ และ เป็นบรรพบุรุษของคนในบาง จำได้ว่าท่านชื่อ ขุนประจันศึกประชิด กรมการเมืองนครในราวสมัยต้นกรุงธนบุรี
ย้อนกลับมา ขณะที่ผมเขียนบล็อกอยู่ตอนนี้ เหตุการณ์เหล่านั้นผ่านมาราวสิบปี เวลานี้สุราษฎร์ธานีเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อนำภาพเก่ามาซ้อนทับ น่าขำอีกเรื่องหนึ่งตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผมอาศัยอยู่ในตำบลขุนทะเลในครั้งกระโน้น ไม่เคยมีโอกาสไปยังเกาะสมุย เพิ่งจะปีนี้เองครับที่ได้มายังสมุย ผมถือเอาโอกาสเหมาะภายหลังเสร็จภาระกิจงานแวะข้ามทะเลไปยังสมุย เข้าพักที่หาดละไม ต้องบอกเลยว่า อำเภอเล็กๆแห่งนี้ มีอะไรให้แปลกใจหลายๆอย่าง ไว้จะเล่าให้ฟังในตอนต่อไปครับ
( สลบลิงก่อนนะครับ พรุ่งนี้เดินทางต่อ ไว้ว่างจะต่อภาคสอง)
- บล็อกของ นายวิษณุ พรมอินทร์
- อ่าน 5431 ครั้ง
ความเห็น
นายวิษณุ พรมอินทร์
21 ตุลาคม, 2010 - 00:51
Permalink
พรุ่งนี้ออกจากดอนสัก
แวะเข้าบ้านดอนจะถ่ายภาพมาฝากครับ
M Browne
21 ตุลาคม, 2010 - 00:40
Permalink
เคยไปบ้านดอนครั้งล่าสุด
เคยไปบ้านดอนครั้งล่าสุด เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นไปกับชมรมพุทธศาสนา ไปเที่ยวด้วย ทำบุญด้วย
พี่วิษณุบรรยายเห็นภาพเลยค่ะ จะรออ่านตอนต่อไป
นายวิษณุ พรมอินทร์
21 ตุลาคม, 2010 - 00:53
Permalink
ยินดีครับ
ไว้พรุ่งนี้ เข้าบ้านดอน จะถ่ายรูปมาฝากครับ
nuucat
21 ตุลาคม, 2010 - 01:03
Permalink
บรรยายได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ
บรรยายได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ อยากเห็นภาพสวยๆๆที่จะนำมาฝากเร็วๆๆซะแล้วซิ อยากเห็นๆๆ ^_____^
ความจนมีอย่างน้อยสามแบบ
(๑) จนเพราะไม่มี (จนวัตถุเงินทอง)
(๒) จนเพราะไม่พอ (มีวัตถุเงินทองแต่ไม่รู้จักพอ)
(๓) จนเพราะไม่เท่า (มีทุกอย่างแต่ยังเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ มีเหนือกว่า)
น้ำหวาน
21 ตุลาคม, 2010 - 06:06
Permalink
น้านุ
รอชมตอนต่อไปค่ะ เวลาผ่านมาเป็น10ปีต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยล่ะค่ะ
ยายอิ๊ด
21 ตุลาคม, 2010 - 07:43
Permalink
น้าณุ
ถ่ายรูป บ้านในสวน มาฝากกันนะ ยายอิ๊ดไม่ได้ไปนานจังแล้ว สมัยเรียน ไปเที่ยวในบางบ่อย ไปบ้านเพื่อน สมัยนั้น บายมาก แค่อยู่....ความเจริญต้องเข้าไปเพียบแล้ว
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
Tui
21 ตุลาคม, 2010 - 07:49
Permalink
ขอ ติดตามดู ภาพ ด้วย คนครับ
ขอ ติดตามดู ภาพ ด้วย คนครับ มีโอกาศ อยากไป ซัก ครั้ง ครับ
chai
21 ตุลาคม, 2010 - 08:01
Permalink
รอชมภาพ และบรรยาศครับ
รอชมภาพ และบรรยาศครับ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
ดงดม
21 ตุลาคม, 2010 - 10:02
Permalink
บ้านดอน
บ้านดอนไปครั้งล่าสุดก็ห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นก็เปลี่ยนไปเยอะ นะ แต่สมุยนี่ซิ มันเปลี่ยนแบบว่าเร็วมากๆกลายเป็นเมืองใหญ่ไปแล้ว ไม่กี่ปีกลับไปใหม่อ้าว บ้านตรงนี้กลายเป็นตึกรีสอร์ตไปแล้ว ตามไม่ทันจริงๆ
มะโหน่ง
21 ตุลาคม, 2010 - 14:28
Permalink
ลุงๆ หลานคอยอยู่
มาอัพรูปให้ไวๆเลยนะ รอดูอยู่ง่ะ ชะอุ้ย...ลืมไปนางแบบขวัญใจลุงนี้สวยจริงๆ
สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี
หน้า