เรื่องเก่าๆมาเล่าขานให้ลูกหลานฟัง

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สืบเนื่องจากการไปค้นห้องเก็บของ อันเป็นเหตุให้บังเอิญไปพบเจอะเจอขวดบ่มไวน์ท้อแท้ ที่หลงหูหลงตาอยู่ถึงแปดปี (อีกขวดที่ทำพร้อมกัน หมดภายในหกเดือน) ได้เปิดดูของเก่าๆที่เก็บไว้ จึงได้เกร็ดเล็กๆน้อยๆมาฝอยให้ลูกหลานฟัง



อันดับแรก คือนี่ครับซีดีชุดผู้ใหญ่ลี ของวงบางกอกแซกโซโฟนควอเตด



เป็นซีดีที่หายากที่สุดในประเทศไทย เพราะผมเก็บบ่มมาตั้ง 12 ปีแล้วเพิ่งจะเจอ (เก็บซ่อนอยู่ในห้องเก็บของนี่เอง บ่มนานกว่าไวน์ท้อแท้อีกนะเนี่ยะ) เคยพยายามหาซื้อจากแหล่งต่างๆ ที่เค้าร่ำลือกันว่ามีซีดีที่หายากจำหน่าย จนหมดความพยายามไปแล้ว สุดท้ายก็มาเจอซุกเอาไว้ในห้องเก็บของนี่เอง บอกตรงๆว่าตอนที่แผ่นนี้ออกวางจำหน่ายใหม่ๆผมไม่กล้าฟัง จนเวลาผ่านไปสักสิบปีผมถึงสนใจอยากจะฟัง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า.....


ณ.ช่วงเวลานั้น ผมทำมาหากินประกอบอาชีพเป็นซาวด์เอนจิเนียร์ จึงเป็นโอกาสที่ได้มีส่วนร่วมในผลิตผลงานชิ้นนี้ โปรเจ็คเป็นงานในลักษณะทดลองทั้งทางด้านดนตรีและการบันทึกเสียง คือด้านดนตรีนอกจากแซกโซโฟนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีหลักของวงนี้แล้วยังมีการนำเครื่องตีเช่นมาริมบ้า ตะโพนและเปิงมางคอกมาร่วมบรรเลงด้วยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงทำนองพื้นบ้านเก่าๆเช่น น้อยใจยา เมาะอีนังลามอ บุหงารำไป ต้อนวัวขึ้นภู ซัมเป็ง หรือเพลงที่รู้จักกันดีอยู่แล้วเช่น ค้างคาวกินกล้วย ผู้ใหญ่ลี และบัวขาว(เพลงที่ผมชอบเป็นพิเศษ)ได้ถูกนำมาเรียบเรียงและบรรเลงได้อย่างน่าสนใจและไพเราะเสนาะโสตยิ่งนัก


ส่วนด้านการบันทึกเสียงนับได้ว่าเป็นการทดลองอย่างแรงนิ (แหลงใต้บ้านเรา) เพราะเป็นการบันทึกในระบบดิจิตอลล้วนๆแบบ DDD คือบันทึก แก้ไข และลงสื่อเป็นแบบดิจิตอลล้วน (เพื่อนสมาชิกลองไปหยิบซีดีเก่าๆเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วมาดูซิครับ ส่วนมากเราจะเห็นมีคำว่า AAD อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั่นคือในขั้นตอนการบันทึกเสียงและการแก้ไขจะยังทำในรูปแบบอนาล็อกอยู่) ในการบันทึกเสียง จากการที่ผมมีไมโครโฟนแบบ Match paired (ไมค์สองตัวที่มีผลตอบสนองต่อความถึ่เหมือนกันมากที่สุด) มี Microphone Pre-amplifier ชนิดหลอด บวกกับผมเพิ่งได้เครื่องบันทึกเสียงลงฮาร์ดิสค์รุ่นใหม่ล่าสุด(ในสมัยนู้น)มาใช้ ผมเลยเสนออาจารย์ ดร.สุกรี (ผอ.วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล) ว่าผมจะอัดเสียงระบบ xy-stereo ซึ่งจะต้องอัดนอกห้องสตูดิโอ โดยผมจะใช้ไมค์สองตัววางเลียนแบบตำแหน่งของหูมนุษย์ และอีกสองตัวเก็บเสียงรอบๆอีกนิดหน่อย ซึ่งด้วยวิธีนี้จะได้มิติของเสียงทางด้านความลึก หรือตำแหน่งหน้าหลังของเสียงดนตรีด้วย ด้วยเหตุนี้เองตัวผมจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ของอัลบั้มชุดนี้ ในการบันทึกเสียงสิบหกเพลงต้องเปลี่ยนสถานที่ถึงห้าแห่ง หลังจากบันทึกเสร็จผมก็บินไปธุระที่ต่างประเทศปล่อยให้ลูกน้องทำหน้าที่ตัดต่อ แก้ไข ทำมาสเตอร์ส่งโรงงานเพื่อผลิตซีดี พอได้ซีดีมาตอนนั้นผมรู้สึกเบื่อมากๆ เพราะตอนอัดผมก็ต้องนั่งฟังบืนฟังเป็นร้อยๆเที่ยวแล้ว และอีกสาเหตุก็คงเป็นอย่างที่ผมเคยเกริ่นเอาไว้คือ ไม่กล้าครับผมกลัวความผิดหวัง ทุ่มแรงกายแรงใจไปมากกับงานสร้างสรรค์ประเภท Experimental กลัวว่าจะกระทบถึงงานชิ้นต่อๆไป


แต่ถึงตอนนี้ ถ้าใครมีความสามารถหามาไว้ในครอบครองได้ ในฐานะนักดนตรีเก่าและซาวด์เอนจิเนียร์ ผมขอฝากอัลบั้มชุดนี้ไว้ให้พิจารณา (กรุณาอุดหนุนแผ่นแท้นะครับ อิอิ คงหาซื้อกันได้หรอกนะ ขนาดผมหาซื้อมาตั้งนานยังไม่ได้เร้ย)


อันดับต่อไปเกี่ยวเนื่องกับวันพ่อ ซึ่งปรกติสองปีที่ผ่านมาทุกช่วงวันเกิดผม วันแม่ วันปิยะฯ และวันพ่อ ผมจะอาสาไปเป็นธรรมบริกรคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมวิปัสสนากรรมฐานครั้งละสิบวัน แต่วันพ่อปีนี้จำเป็นต้องงด เพราะต้องไปเป็นลูกกตัญญูเนื่องจากคุณพ่อได้รับเลือกให้เป็นพ่อดีเด่น และผมก็ไปค้นเจอสิ่งนี้เข้าในห้องเก็บของ เป็นกล่องดิสค์ขนาด 5.25" หลานๆคงงงกันละซี่ ยุคปัจจุบันขนาดดิสค์ 3.5" ก็แทบจะไม่มีให้เห็น ตอนที่ลุงเรียนน่ะใช้ดิสค์ขนาด 8" อีกตะหาก นี่ยังไม่นับเวลาทำการบ้านต้องแบกกระดาษเจาะรูเป็นปึ๊งๆส่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์รันโปรแกรมเพื่อส่งอาจารย์ นี่ครับดิสค์แผ่นหนึ่งที่ผมเจอในกล่องนี้



เป็นแผ่นเก็บสำรองงานของผมตั้งแต่เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๑ ช่วงนั้นผมได้รับการร้องขอจากผู้มีพระคุณท่านหนึ่งให้ช่วยทำงานด้านสื่อสารข้อมูลให้หน่อย (ก่อนหน้านั้นไม่เกินสองปี AIT เพิ่งทดลองเชื่อมต่อข้อมูลสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในประเทศไทย และ IBM เพิ่งจะวางตลาด IBM PC ในเมืองไทย) เมื่อตกปากรับคำแล้วก็นัดไปพบลูกค้าเพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลความต้องการของลูกค้า ท่านผู้นั้นนัดผมให้ไปพบที่ประตูวัดพระแก้วตอนสายๆวันหนึ่ง ระหว่างเดินทางผมคิดว่างานนี้คงจะมีความสำคัญมาก ท่านอาจจะให้ผมไปสาบานต่อหน้าพระแก้วมรกตก่อนรับงาน พอถึงเวลานัดหมาย ท่านก็พาผมเดินเข้าไปในส่วนพระบรมมหาราชวังแต่ลัดเลาะไปทางปีกขวาขึ้นไปบนชั้นสองของตึกเก่าๆ พบกับสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่จะคอยให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ผมจะต้องทำ และเนื่องจากเป็นงานการกุศลผมจึงสามารถที่จะเข้ามาทำให้ได้เฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ซึ่งก็เป็นอันตกลง หลังจากนั้นผมเดินลงมาด้วยน้ำตาคลอเบ้า จวบจนพ้นประตูพระบรมมหาราชวังไปแล้วนั่นแหระถึงจะรู้สึกตัว เหตุใดนั่นหรือครับ................


เมืองไทยปี 35 อาจารย์หลายๆมหาวิทยาลัยเพิ่งเริ่มมีการสื่อสารข้อมูลจากบ้านมายังคอมพิวเตอร์ที่คณะเพื่อตรวจการบ้านนักศึกษา ในปี 37 เริ่มมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลเนื่องจากมีเครือข่ายขนาด 64Kbps ซึ่งเร็วที่สุดในประเทศไทย เทียบกับปัจจุบัน 6 Mbps ที่พวกเราๆบ่นว่า ทำไมยังช้าฟระ ลองนึกย้อนสภาพดูซิครับ โจทย์ที่ผมได้รับเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วคือ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องสามารถต่อเข้ามาใช้งานเครื่องที่ตึกนี้ได้ไม่ว่าจากที่ใดในประเทศไทย และไม่ว่าเวลาใดๆก็ตาม นั่นคือต้องสามารถรองรับสปีดของการสื่อสารที่อาจจะเหลือเพียงแค่ 150 bps และสูงสุดก็ไม่มีทางเกิน 2400 bps ผมน้ำตานองเพราะงานหินหรือครับ เปล่าเลยอาจจะท้าทายความสามารถอยู่บ้าง แต่การที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มีโอกาสถวายงานพระองค์ท่าน แต่สาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมน้ำตาไหลพรากก็เมื่อทราบว่าพระองค์ท่านทรงงานหนักมาก ข้อมูลทั้งหมดจะเก็บอยู่ที่สำนักราชเลขาฯ พระองค์จึงมีพระประสงค์ที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น เพื่อที่พระองค์จะทรงงานได้ตลอดเวลา และงานหนึ่งซึ่งแม้จะผ่านการกลั่นกรองจากขั้นตอนต่างๆมาแล้วก็ตามที พระองค์ท่านก็ยังทรงลำบากพระวรกายในการพิจารณาทบทวนอีกครั้ง สิ่งนั้นคืองานพระราชทานอภัยโทษ ในแต่ละปีจะมีนักโทษหลายๆคนที่รู้สึกสำนึกผิดและมีความประพฤติดี จะมีโอกาสได้รับพระราชทานอภัยโทษและกลับไปเป็นคนดีของสังคมต่อไป เป็นไงครับการให้ทานดั่งเทน้ำคว่ำเหยือก


ในวโรกาสที่จะถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวา ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ

ความเห็น

อยู่ไม่นานค่ะลุงพูน

ยังไม่ทันได้รู้จักใครเลย

นอกจาก พี่หมอหัวหน้า

ที่เราช่วยงาน อีกอย่าง

ไม่ค่อยสู้หน้าคนเลิกงานก็เข้าห้อง

ฟาร์มอยู่กลางป่า อยู่ไม่ถึงปี

ก็ออก กลับอุบลฯไปทำนา

ความที่ใจก็อยากแต่จะทำนา

ด้วยล่ะ


 

ลูกอิสานกันดารแท้ แต่บ่อเหี่ยวทางน้ำใจเด้อ
หากแหม่นใหลหลั่งรินปานฝนแต่เมืองฟ้า
มาเด้อพวกพี่น้อง สานสัมพันธ์ให้มันแก่น
ให้ยืนยาวแนบแน่นพอปานปั้นก้อนข้าวเหนียว เด้อพี่น้อง

คุณลุงพีมีอะไรดีๆที่น่าค้นหาอีกเยอะ นับว่าเป็นโชคดีของหลานนักหนาที่ได้มาเจอคุณลุง ขอฝากฝังตัวเป็นหลานไว้ก่อนเลยนะคะ Smile ไว้จะมารอลุงเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟังอีกค่ะ

สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี

    ลุงพีครับ นับว่าเป็นกุศลของผม ที่ได้ฟังเรื่องเล่าที่เป็นมงคล ผมเพียงได้เห็นภาพพระกรณียกิจที่พระองค์ทรง ก็ยังทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ 

     ลุงพีได้ถวายงานสนองเบื้องพระยุคลบาท มีบุญอย่างยิ่ง 

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ

        ลุงพีมีบุญมากจังเลยครับ ที่ได้ทำงานถวายพระองค์ท่าน คุ้มแล้วครับสำหรับชีวิตนี้ ผมเคยอ่านมาหลายๆที่ว่าพระผู้ปฏิบัติดีหลายองค์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านเป็นโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ

เหมือนที่ผมทิ้งท้ายเอาไว้ "ให้ทานดั่งเทน้ำคว่ำเหยือก" คุณสมบัติข้อหนึ่งของพระโพธิสัตว์ ผมวางกระเป๋าเงินไว้ที่หัวนอน นานแล้วครับ เห็นเหรียญเศษสตางค์ตกอยู่ที่พื้นก็เก็บ ไม่ใช่ว่างก แต่ไม่อยากให้คนอื่นต้องบาปเพราะประมาทพลาดพลั้ง

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

ลุงพี มีบุญมากมายเลยครับ ที่มีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ท่าน

ถ้าเป็นสมัยนี้สบายมากเลยครับ  แต่ตอนนั้นยังนึกไม่ออกว่าลุงพีทำยังไงครับที่จะให้ข้อมูลมันส่งถึงกันได้

--------

twitoon[at]gmail[dot]com

ด้วยข้อจำกัดของความเร็วในการสื่อสารข้อมูล ผมเรยทำแบบโง่ๆ(ขออภัย ถ้าคิดว่าไม่สุภาพ) ลักษณะก็คงคล้ายๆกับ Twitter ในปัจจุบันอ่ะครับ คือส่งสถานะการกดคีย์บอร์ดจากเครื่องรีโมทมาที่เครื่องแม่ ให้เครื่องแม่ทำงานแล้วส่งหน้าจอกลับไป อย่าลืมนะครับว่าสมัยนั้นหน้าจอยังเป็นแบบตัวหนังสือธรรมดาไม่ได้เป็นกราฟฟิคเหมือนในปัจจุบัน ตอนนั้นก็ใช้ก็ใช้อนาล็อกโมเด็มธรรมดาสปีดที่ใช้ได้กับระบบโทรศัพท์เมืองไทยก็แค่ 2400 bps เท่านั้นเองเพราะองค์การโทรศัพท์เค้าป้องกันเอาไว้ (กลัวไปรบกวนสัญญาณโทรศัพท์ของเค้า)

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

อ่านของลุงพี..แล้วเหมือนหมุนย้อนเวลาไปช่วงหกเจ็ดปีแรกของการทำงาน จำได้ว่าประมาณปี 29 ออฟฟิซผมเริ่มมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นเครื่องแรก..แต่โปรแกรมจะเป็นภาษาอังกฤษหมด ทุกคนต่างกลัวเจ้าเครื่องนี้มาก รู้สึกว่ามันยากที่จะเรียนรู้และคงเข้าไม่ถึง ผมเองไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้เพราะหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง (มีเฉพาะฝ่ายติดตามและประมวลผล) เริ่มมาหัดใช้ครั้งแรกก็ประมาณปี 32 ใช้เวิร์ดจุฬ่ เวิร์ดราชวิถี โลตัส 123 แต่สมัยเรียนมหาลัยก็เห็นเพื่อนที่เรียนคณะวิทย์หอบกระดาษเจาะรูไปห้องคอมพ์เหมือนกัน แต่ที่สนุกสนานกับคอมพ์มากที่สุดเห็นจะเป็นประมาณปี 33 ที่ขอบริษัทไปอบรมเครื่องแมคอินทอช (ไม่มีใครอยากไปเรียนรู้) จนพอที่จะทำอะไรกับโปรแกรมสำเร็จรูปได้มากขึ้น..


ภูมิใจแทนลุงพีที่มีโอกาสทำงานภายใต้เบื้องยุคลบาทของในหลวงท่าน..เมืองไทยหากคนที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นคิดและทำเหมือนพระองค์ท่าน ไม่มุ่งแต่จะกอบโกย บ้านเมืองเราคงไปไกลกว่านี้มาก..เพราะเรามีทั้งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์..และห่างไกลจากภัยพิบัติของธรรมชาติมากกว่าบ้านเมืองอื่น

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ผมเริ่มทำภาษาไทยให้เครื่องแอปเปิ้ลและออสบอร์นตั้งแต่ปี 26 แล้วครับ ผมถือว่าผมได้ตอบแทนภาษีอากรของคนไทยไปแล้ว ในการทำให้คนไทยได้ใช้ภาษาไทยกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทำให้ตอนนี้ถึงจะมาใช้ชีวิตแบบพอเพียงและปฏิบัติธรรมก็ไม่เสียดายความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา

พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง

อ่านแล้ว ภูิมใจ ไปกับ ลุงพี ครับ ขอบคุณ ที่แบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อ กัน ครับ

หน้า