นิราศดอนสัก
นิราศดอนสัก ๑
สัปดาห์นี้ผมต้องเดินทางไปอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีแผนงานที่จะต้องเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจต่อที่อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างนี้มีเวลาว่างหนึ่งวันที่จะแวะนมัสการพระบรมธาตุเมืองนคร
ระหว่างที่พักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชก็ให้เกิดอารมณ์สุนทรีย์อยากเขียนกลอนนิราศ ก็จะลองเขียนดูสักยกว่าจะลงเอยได้หรือไม่
กล่าวถึงกลอนนิราศแล้วเด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่มีใครรู้จักเสียแล้วกระมัง หรืออย่าว่าแต่กลอนนิราศเลยครับ สารพัดวัฒนธรรมไทยทั้งหลายคนรุ่นใหม่ดูถูกดูแคลนว่าโบราณคร่ำครึ หลงใหลเพลงเกาหลีเพลงยุโรปหัวแดงกันไปหมดแล้ว นึกๆก็อนาจใจ
แต่ก็ไม่ถึงกับวิกฤติเสียทีเดียว เมืองไทยยังมีคนไทยที่รักชาติรักวัฒนธรรมไทยอยู่อีกมากที่ยังคงธำรงรักษาสิ่งอันสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้
นิราศ เป็นการแต่งบทประพันธ์ประเภทกลอนแปด ที่กวีในสมัยก่อนใช้เขียนบันทึกการเดินทางโดยพรรณนาชื่นชมธรรมชาติ และ สถานที่ และมักจะกล่าวประหวัดไปถึงหญิงอันเป็นที่รัก นิราศโดยมากจะแต่งเป็นกลอนแปด แต่มีกวีบางท่านที่ใช้โคลงสี่สุภาพในการแต่งนิราศ
ลักษณะเด่นของนิราศนี้คือคำขึ้นต้นครับที่มักจะขึ้นต้นด้วยคำว่านิราศและมักจะบอกชื่อตัวกวีผู้แต่งด้วยเช่นกัน
บทนำ - นิราศเอย เคยชิด สนิทสมาน
ไม่อาจแนบ นวลนิจ ชิดสุมาลย์
ต้องรอนราน แรมไกล นัยนา
เดือนสิบสอง ล่องกระทง บรรจงเสร็จ
ระเหระเห็จ เดินทางไกล ในทิศา
สู่นคร ธานี ใช่ปรีดา
นบพิตำ นั้นหนา เจ้าอย่าแครง
ภาระกิจ ครั้งนี้ มีที่สุด
ต้องรีบรุด ต่อไป ใช่ระแหง
สู่ดอนสัก พักหยุดไป ไม่เปลืองแรง
หาได้แกล้ง ให้อยู่เดียว เปลี่ยวกมล
ภาระกิจครั้งนี้ผมต้องเดินทางไป อำเภอนบพิตำจังหวัดนครศรีธรรมราช กิจธุระหนึ่งวัน เสร็จภาระกิจแล้วจึงเข้าพักค้างแรมในตัวเมืองนครอีกหนึ่งวัน
ออกเดินทาง แต่เช้า ราวตีห้า
หมายมั่นว่า ถึงตอนสาย ที่ปลายหน
เก้าโมงเศษ ต้องสอนงาน ทั้งการกล
แต่กังวล กลัวผิดนัด ผัดเวลา
จากนาหม่อม บ้านนี้ ที่เคยพัก
มีตำนาน นานนัก พักปรึกษา
ครั้งพวกแขก เป็นกบฎ อยุธยา
แม่ทัพหน้า มารบทัพ นับไพร่พล
ถึงแดนนี้ หาเสบียง ไว้เลี้ยงทัพ
เตรียมรุกรับ สู้ศึก นึกฉงน
ปลูกข้าวรอ ทัพใหญ่ ให้แต่งคน
สู่สกล ปัตตานี ที่กรีฑา
ครั้นเสร็จศึกอโยธยาหาได้กลับ
เห็นที่ลับ สั่งข้าไท ไม่กังขา
ลงเสาเรือนปลูกสร้างตั้งพารา
เป็นด่านหน้า เฝ้าจับตา เมืองตานี (มีต่อ)
- บล็อกของ นายวิษณุ พรมอินทร์
- อ่าน 6108 ครั้ง
ความเห็น
ธารน้ำใส
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:04
Permalink
จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ ชอบ
จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ ชอบ เพราะดีค่ะ
e-mail. puangpech_@hotmail.com
เจ้โส
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:09
Permalink
สุดยอด
นึกถึงศรีปราชญ์ขึ้นมาเลยนิ ชอบมาก เขียนต่อเยอะ ๆ
garden_art1139@hotmail.com
นายวิษณุ พรมอินทร์
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:24
Permalink
เจ้โส
วานนี้ได้ส่งไปรษณีย์ไปให้เจ้โสด้วนนะ ของฝากจากคนคร
ป้าหน่อย
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:16
Permalink
มาต่อเร็วๆนะคะ
มาต่อเร็วๆนะคะ เดี๋ยวจะเป็นนิราศขาดตอน
จะรอติดตามค่ะ
ลูกอิสานกันดารแท้ แต่บ่อเหี่ยวทางน้ำใจเด้อ
หากแหม่นใหลหลั่งรินปานฝนแต่เมืองฟ้า
มาเด้อพวกพี่น้อง สานสัมพันธ์ให้มันแก่น
ให้ยืนยาวแนบแน่นพอปานปั้นก้อนข้าวเหนียว เด้อพี่น้อง
นายวิษณุ พรมอินทร์
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:19
Permalink
ป้หน่อย คนยอง
กลัวจะขาดตอนเหมือนกัน แต่ตั้งใจแต่งต่อจนจบ อาจจะเป็นคนไทย คนเดียวในยุคนี้ที่แต่งนิราศ ฉะนั้น เพื่อหน้าที่ จะแต่งให้จบ แม้จะใช้เวลา
มะโหน่ง
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:21
Permalink
ลุงๆ
โอ้พี่ท่านโปรดเห็นใจคนคอยเถิด อย่าได้เปิดประเด็นไว้ให้กังขา
อยู่แห่งหนตำบลใดให้รีบมา อย่าให้ช้าพิมพ์ไวไวจะได้ยล
ล้อเล่นนะคะลุง นานแค่ไหนหลานก็รออ่านได้ แบบว่าเห็นใจสว. อิอิ
สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี
นายวิษณุ พรมอินทร์
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:26
Permalink
หมูอ้วน
เอาภาพใครมาลงน่ะ
มะโหน่ง
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:28
Permalink
ลุงนุ
รีบๆไปแต่งกลอนต่อเถอะ เค้ารอกันอยู่นะ ปล.รูปหลานเอง 555 ไม่มีใครที่จะขี้เหร่ได้เท่านี้อีกแล้วนะ ของหายาก
สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี
นายวิษณุ พรมอินทร์
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:25
Permalink
ธารน้ำใส
จะรีบมาเขียนต่อให้อ่านครับ
nongjoy
27 พฤศจิกายน, 2010 - 12:31
Permalink
เก่งจัง
เก่งจัง เลย ไว้มาต่อให้จบนะ ค่ะ
หน้า