ขนม"อร่อย" ธรรมะ และเมล็ดพันธุ์
วันนี้ ชิวอิก เดือนสิบเอ็ดของจีน แม่ตื่นแต่เช้ามืด
ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ค่อนข้างดึกอยู่หลังดูพลุวันพ่อผ่านรายการโทรทัศน์
ลูกดูนอกตัวบ้าน ชวนแม่ดูด้วย แม่บอกว่าดูทีวีสวยกว่า...คงงั้นกระมัง...
ดีใจว่าเป็นภาพพลุที่เก็บได้แม้จะไม่คมชัดทัน...น่าจะจากวัดใกล้บ้าน
....ตีสี่กว่า แม่ทำขนมไหว้เจ้า
ผสมแป้งเหมือนอย่างขนมกู๋ไช่
http://www.bansuanporpeang.com/node/7179
เริ่มต้นโดยเอาน้ำร้อนรินช้าๆลงบนแป้ง
ขณะที่ใช้ตะเกียบคนแป้งให้เร็ว แป้งจับตัวเป็นก้อน
นวดขณะยังร้อนและเติมน้ำมันลงไปด้วย
ขนมวันนี้กับขนมกู๋ไช่วันก่อนต่างกันที่ไส้ขนม แม่ทำไส้โดยใช้เศษผักดองหั่นละเอียด เติมเห็ดหอมหั่นละเอียด และใบคึ่นไช่ที่หั่นละเอียดด้วย
ภาพพร่ามัว...คนเก็บภาพกำลังง่วง...
ทั้งหมด เอาไปผัดน้ำมันจนงวดใกล้แห้ง
แล้วแม่ก็เริ่มปั้นขนม
เป็นก้อนกลมก่อน
ก้อนแป้งที่ใส่ไส้ผักดองไว้แล้ว
เตรียมนึ่ง
น้ำเดือดจึงใส่ถาดขนมแล้วเอากาละมังใบเก่งครอบไว้
สุกแล้ว แม่ว่าวันนี้เปียกมากไป ...แต่ก็นิ่มกำลังดี
เตรียมนึ่งอีกชุดหนึ่ง
และเมื่อก้อนแป้งที่ปั้นใส่ไส้ผักดองสุก
...ใส่จาน...
ไม่ลืมแต้มสีแดงของ "อิงบี้"
แล้วเช้านี้ก็ได้สวดมนต์ ไหว้พระ และไหว้เจ้า
...รำลึกถึงสิ่งดีงาม...
...เช้านี้เป็นวันที่ดีมาก...อย่างน้อยตื่นเช้าได้เห็นความตั้งใจของแม่ที่ทำสิ่งดีๆ
ระหว่างนั้น มีรายการทางโทรทัศน์ตั้งแต่ตีสี่ถึงหกโมงเช้า...เป็นรายการธรรมะ...
ผู้ทรงศีลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านเทศน์เรื่องของไตรลักษณ์ ช่วงตอนหนึ่งกล่าวถึงอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา
อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง หากสามารถเข้าใจความไม่เที่ยงได้
...อย่างมีสภาวะธรรมชัดเจนถึงอนิจจังได้ นี่จึงจะพ้นมิจฉาทิฏฐิ ตามที่กล่าวถึงในมิจฉาทิฏฐิสูตร
ทุกขัง คือ การเห็นถึงความทุกข์ รู้โทษของกิเลส
สามารทำให้กิเลสลด เบา จาง คลาย หรือตายได้จริง
...จึงจะเรียกว่าพ้นสักกายะทิฎฐิ ตามที่กล่าวถึงในสักกายะทิฏฐิสูตร
และอนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน...
นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น ...ต้องรู้ว่าอะไรคือตัวตนก่อน
แล้วจึงละล้างและลดตัวตนออกทีละน้อยอย่างมุ่งมั่น อย่างถูกต้องถูกทาง
มิใช่เพียงภาษาว่า "ไม่ใช่ตัวตน "
หากแต่ต้องทำให้ได้ถึงสภาวะด้วยในขณะดำเนินชีวิตประจำวัน
...เป็นเรื่องดีๆ ที่ได้ฟังในเช้านี้...แม้จะจดจำมาไม่ได้ครบถ้วน แต่ในวันดีๆเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะบอกเล่าสู่กันฟัง
มื้อเช้านี้มีขนมกิน... “อร่อย”หรือเปล่านะ...คำถามสั้นๆถามตัวเอง
แต่...ก็อดคิดไม่ได้ถึงสิ่งที่ท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้สะท้อนให้เห็นว่าอร่อยนี้เป็นสุข ที่เรียกว่าสุขขัลลิกะ หรือ สุขหลอก คือไม่มีจริง ...
ก็ที่ผ่านมาตั้งมากมายในชีวิตที่อร่อยมามากต่อมาก แล้ววันนี้ “ความอร่อยของวันนั้นอยู่ตรงไหน” ...
หากว่ามีจริง สุขเหล่านั้นต้องยังอยู่กับเราซินะ...มีแต่ที่เราต้องหามาอีกเพื่อให้ได้กิน “อร่อย”
ใช่!...แม้จะยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ก็ได้รู้ว่าอีกตั้งมากมายที่จักต้องเรียนรู้อีก อย่างน้อยเกิดมาในร่มพุทธศาสนา ...เป็นชาวพุทธ...ยิ่งต้องศึกษาเพื่อให้ได้ “รู้” สิ่งซึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิและนำมาปฏิบัติให้ได้แม้เล็กแม้น้อย ...สมกับที่เกิดเป็นมนุษย์สมบูรณ์ด้วยกายอันยาววา หนาคืบ กว้างศอก พร้อมสัญญาและใจ... มีสมองมีสติสัมปชัญญะพัฒนาให้เกิดปัญญาลดละล้างสิ่งซึ่งเป็น “ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น” และสู้พากเพียรประพฤติตามคำสอนในพุทธศาสนา
นี่คือความคิดที่เกิดแว่บในเช้าวันนี้ หากเป็นเมล็ดพันธุ์ก็อยากแบ่งปัน...อยากแบ่งปันและส่งเมล็ดพันธุ์ความคิด ที่ตั้งใจเก็บรวบรวมรายวัน มอบแด่ สมช.บ้านสวนฯ ท่านใดสนใจ ไม่ต้องส่งที่อยู่มาทางฝากข้อความนะคะ ...รับได้ผ่านทางหน้าบล็อกเลยค่ะ...
...จริงใจและไมตรี...
๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓
- บล็อกของ สายพิน
- อ่าน 6800 ครั้ง
ความเห็น
chai
7 ธันวาคม, 2010 - 09:06
Permalink
พี่สายพิน
ขนมน่าทานมากครับ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
สายพิน
7 ธันวาคม, 2010 - 19:29
Permalink
หนุ่มชัย
ขอบคุณค่ะ หนุ่มชัยอยู่ขอนแก่น ไกลไปนิดนะ อยู่รั้วบ้านติดกันก็ได้ส่งข้ามรั้วได้
หน้า