ท่องป่าศึกษาธรรมชาติ
หายหน้าไปหลายวัน...ยายจ่อยไปเดินป่ามาค่ะ เรื่องของเรื่องคือเรามีกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่และเรากำลังสร้างจิตสำนึกในการรักษาป่าไม้ จึงเกิดโครงการเยาวชนรักษ์ป่า แต่ก่อนที่จะพาลูกหลานของเราเข้าป่า ผู้ใหญ่ทั้งหลายจึงต้องลองเดินก่อน เพื่อกำหนดเส้นทางให้เด็กๆเขาได้เรียนรู้และเห็นความสำคัญของป่าไม้...ปรากฏว่าพอไปลองเดินดูของจริงพบสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง จึงนำมาฝากสมาชิก โดยเฉพาะสมุนไพรในป่า...ตามมาดูนะคะ
นี่คือทีมงานของเรา ประกอบด้วย พี่ทหารเจ้าของป่า ผู้นำหมู่บ้านรอบป่า สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ป่า หลากหลายอาชีพ ก่อนเดินดูสีหน้าทุกคนชื่นมื่นจังเลย เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเจออะไรบ้าง
เสบียงคือข้าวเหนียว แจ่วบอง ไข่ต้ม&หมูทอด ว่าแล้วก็เริ่มเดิน
เจอแล้วค่ะ ต้นแรก พบทั่วไปในป่าแถบอีสาน ทุกวันนี้หายากเต็มที ลูกสีดำๆเล็กๆ รสเปรี้ยวอมหวาน ผลไม้ป่าของยายจ่อย สมัยยังเด็ก เรียกว่า หมากเล็บแมว ภาษากลางเรียกว่าอะไรไม่แน่ใจ ..เล็บเหยี่ยว มั้ง???
ต้นนี้เรียกว่า เครือหมาน้อย หรืออีกชื่อคือ กรุงเขมา (ชื่อเพราะดี) ถ้าขยี้แล้วจะเป็นวุ้น เวลาเดินป่า ชาวบ้านเขาจะกินแก้กระหายน้ำได้
ที่เห็นมีรอยถากๆ นั้นคือกวาวเครือขาว ซึ่งมีสรรพคุณที่ดีสำหรับผู้หญิง ยายจ่อยก็เพิ่งเคยเห็น ลักษณะเป็นเครือ ขึ้นพันรอบต้นไม้อื่นอยู่ค่ะ
และนี่คือ ใบกวาวเครือขาว อีกมุมค่ะ
อันนี้สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลาย...ว่าน โด่ไม่รู้ล้ม ..สมาชิกที่ไปฮือฮากันใหญ่ ...
โด่ไม่รู้ล้ม ...พบเห็นได้ทั่วไปในป่าแห่งนี้ เยอะมากๆค่ะ
ความงดงามของต้นไม้ในป่า รูปทรงแปลกตา เหมือนอะไรขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน...ใครว่า ผืนดินอีสานแห้งแล้ง แต่ในป่าก็ยังมีต้นไม้ที่ให้ความชุ่มชื้น รวมถึงน้ำใจของผู้คนที่ไม่เคยแห้งแล้งเช่นผืนดิน
ที่ตรงนี้ เขาเรียกว่า บุ่งลิง ค่ะ มีลักษณะเป็นแอ่ง มีธารน้ำไหลผ่าน มีต้นไม้ขึ้นรกทึบ ฝูงลิงป่าจำนวนมากมาอาศัยอยู่ เมื่อซัก 20 ปีที่ผ่านมา เดี่ยวนี้ไม่มีอีกแล้ว ลิงหนีหมดทนการบุกรุกของคนไม่ได้ บ้างก็จับมันไปเลี้ยงที่บ้าน แล้วมันก็ตายเพราะไม่คุ้นเคย..ฟังแล้วเศร้า เราต้องต่อสู้กับความเห็นแก่ตัวของคนอีกเยอะเลย
บุ่งลิงอีกมุมหนึ่ง...ตอนนี้ทุกคนเริ่มเหนื่อยกันแล้วล่ะ ก็เดินมาได้ซักชั่วโมงแล้วนี่
เดินต่อซักพักเจอ ว่านนางพญาหน้าขาว ยายจ่อยสนใจเหมือนกันนะ แต่พอสอบถามข้อมูล หมอสมุนไพรบอกว่า ถ้าเราใช้มันจะทำให้หน้าแดง แสบร้อน จากนั้นก็หน้าดำและลอก จนในที่สุดกลับมาหน้าขาว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน..ฟังแล้วหนาวเลย กลัวว่าจะหน้าดำแล้วไม่ลอก ไม่เอาดีกว่า...สวยแบบพอเพียงนี่แหละดีแล้ว
จากพืชสมุนไพร เราก็มาเจอรอยสัตว์ป่าบ้าง..รอยแรก รอยไก่ป่าค่ะ รูปไม่ค่อยชัด แต่ก็พอเห็นเป็นเหมือนรอยขีด จางๆ ...ระหว่างที่สำรวจ ทีมเราได้ยินเสียงไก่ป่า ขันด้วยล่ะ ตื่นเต้น
รอยที่สอง รูกระแตหรือบ่าง ดูจากลักษณะที่เป็นรอยฟันแทะค่ะ เสียดายไม่เห็นตัว
รอยสุดท้ายที่เห็น คือ รูบึ้ง บึ้งเป็นภาษาอีสาน ถ้าภาษากลางเขาเรียกว่า แมงมุมยักษ์ค่ะ รูใหญ่ทีเดียว
สมุนไพรที่พบเห็นได้ตลอดทางคือ เถาวัลย์เปรียง...มีฤทธิ์ ขับลม
เถาโคคาน แก้ปวดเมื่อย
ว่านตูบหมูบ..ภาษากลางไม่รู้ว่าเรียกอะไร แต่คำว่าตูบหมูบ ในภาษาอีสานคือลักษณะเตี้ยเรี่ยดิน หมอบอยู่ ซึ่งก็ตรงกับลักษณะต้นที่เราเห็นคือ ต้นติดพื้นมีใบสองใบ แผ่ออกปกคลุมดิน...สรรพคุณขับลม แก้ท้องอืด...เคยกินเหมือนกัน กินกับน้ำพริก รสชาติจืดๆ
ตานกกรด ...ลำต้นต้มกิน แก้ประดง(ปวดขา) ปวดหลัง
ลูกอีลอกหรือบุก ..เพิ่งเคยเห็นลูกมันครั้งแรกเหมือนกัน...ผักอีลอก ชาวบ้านเขานำมาแกงใส่ย่านาง ใส่ปลาย่าง ใส่ปลาร้า ทำไม่เป็นหรอกค่ะ แต่เคยกิน อร่อยดี
ลูกพอก...ลักษณะแข็งๆ เห็นเขาว่ากินได้ ต้องกะเทาะเปลือกออก
ต้นเปือย ...เอามาทำดินปืน อัดทำบั้งไฟหรือระเบิด
ข้าวเม่าป่า ลักษณะคล้ายหมากเล็บแมว แต่รสชาติอร่อยกว่า ลองกินดู
พักทานข้าวเที่ยงที่ดอนย่านาง มีต้นย่านางขึ้นคลุมดินทั่วไปในบริเวณนี้ ย่านางคนอีสานนำมาคั้นน้ำทำแกงสารพัดแกง จนเรียกว่ากินเป็นกิจวัตรเลยก็ว่าได้ อร่อยจริงๆนะคะ โดยเฉพาะถ้าเอามาแกงใส่หน่อไม้ หวาย หรือเห็ด อาหารที่ยายจ่อยโปรดปรานมาก
เดินต่อไป ยิ้มเรื่อยไป สุขและทุกข์เพียงไหนเราก็เดินต่อไป
ระหว่างทางเจอร่องรอยการ ตัดไม้ทำลายป่าเยอะมาก กว่า 30 ต้น และนี่คือตัวอย่างบางตอน
เจอสมุนไพรชื่อแปลกมากค่ะ ต้น เขยตายแม่ยายชักปก ชื่อนี้มีที่มาว่า ลูกเขยเข้ามาหาของป่าพร้อมกับแม่ยาย แล้วจู่ๆก็ถูกงูกัดตายกลางป่า แม่ยายเห็นต้นไม้ต้นนี้อยู่ใกล้ก็เลยดึงเอาใบของมันมาปกคลุมร่างลูกเขยไว้ แล้วก็กลับมาตามคนที่บ้านไปดู ปรากฏว่าเมื่อมาเจอ ลูกเขยฟื้น ก็เลยเป็นที่มาของชื่อนี้ค่ะ ต้นเขยตายฯ มีฤทธิ์แก้พิษแมลง สัตว์กัดต่อย โดยเอาใบมาผสมกับน้ำมะนาวแล้วทาบริเวณที่ถูกกัด
จริงๆแล้วป่าแห่งนี้มีสมุนไพร เยอะมาก ที่ยายจ่อย จดข้อมูลไว้ได้ประมาณกว่า 50 อย่าง เช่น มะสัง สาบเสือ หนามพอง หนามแท่ง ชะมวง ชะมัดหรือหัสคุณน้อย บักเหลี่ยม มะขามป้อม ลอมคอม หวายป่า งิ้วผาป่า สีดาป่า หนามเกลี้ยง สะเดาช้าง หัวกลอย ฯลฯ แต่นำข้อมูลมาลงเฉพาะที่น่าสนใจ และชื่อแปลกๆ พวกเราเดินในป่าตั้งแต่ 10 โมงเช้า และออกจากป่าประมาณ บ่ายสองเศษๆ รวมระยะทางน่าจะ 6 กิโลเมตร ขณะที่พวกเรากำลังเพลิดเพลินกับการซักถามหมอสมุนไพร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องบินบนฟ้า รุ่น F16 4 ลำ ...เฟี้ยว ...เฟี้ยว...แชะๆๆๆๆๆ...ค่ะ เขามาซ้อมทิ้งอาวุธ บริเวณป่าที่เดินนั่นหละ ...โดยมิได้นัดหมาย ทุกคนรีบจ้ำพรวด บุกดงหนาม ทั้งด้านบนและล่าง ออกจากป่ากันอย่างทุลักทุเลในเวลาชั่วพริบตาเดียว และแตกออกเป็นสองทาง กว่าจะมาเจอกันอีกทีก็คือนาข้าวของชาวบ้าน ...ที่น่าสงสารสุดก็ ผอ. ของยายจ่อย (คนผมสีดอกเลา) ท่านโดนหนามหอก เล่นงาน ซ้า..ทุกคนรู้สึกเลยค่ะว่าหนามหอกเป็นยังไง เหมือนเข็มแหลมเล็กๆทิ่มตามเนื้อตัว ทั้งเจ็บทั้งแสบ เจ็บแปลบถึงขั้วหัวใจ สุดยอด สุดยอดจริงๆ ได้ครบทุกรสชาติ...และรู้ว่าสิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังจะทำนั้นมีประโยชน์แน่นอน...ปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคมปีหน้า ทีมงานพวกเราจะพานักเรียนจากโรงเรียนรอบป่าแห่งนี้เข้ามาสำรวจพื้นที่เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้กับเด็กๆ รวมแล้ว 4 รุ่น ประมาณ 300 คน ยายจ่อยจะเข้าร่วมกระบวนการทุกรุ่น ..แล้วจะมีเดินป่าภาคสองตามมา คอยชมตอนต่อไปค่ะ
- บล็อกของ ยายจ่อย
- อ่าน 10862 ครั้ง
ความเห็น
บุญพา
11 ธันวาคม, 2010 - 21:16
Permalink
ยายจ่อย
ป่ายังสมบูรณ์มากเลยค่ะ
มีสมุนไพรเยอะแยะ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เวลาชีวิตน้อยลงทุกวัน
ยายจ่อย
12 ธันวาคม, 2010 - 11:22
Permalink
ก็ยังพอไหวค่ะ
:admire:
ก็ยังพอไหวค่ะ แต่สู้ป่าแถวภาคใต้ไม่ได้หรอก ยายจ่อยเคยไปมีแต่ป่าทึบทั้งนั้นเลย ส่วนป่าแถวอีสานค่อนข้างแห้งแล้งค่ะ โดยเฉพาะหน้าร้อน ไฟไหม้ป่าจะเยอะมาก
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ย่าวรรณ
11 ธันวาคม, 2010 - 21:18
Permalink
ยายจ่อย
เดินป่าได้แสดงว่าสุขภาพแข็งแรงมากๆ
ยายจ่อย
12 ธันวาคม, 2010 - 11:20
Permalink
แข็งแรงค่ะย่าวรรณ
:embarrassed: แข็งแรงค่ะย่าวรรณ ไม่มีโรคประจำตัว เพราะกินอาหารที่ดีแบบชาวบ้านสวนค่ะ แต่วันนั้นเดินแค่ 5-6 กิโลเมตรเองค่ะ:embarrassed:
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
เจ้โส
11 ธันวาคม, 2010 - 21:35
Permalink
ยายจ่อย
เมื่อเช้าไปตลาดนัดเห็นเค้าขายลูกดำ ๆ ถามแม่ค้าว่าลูกอะไร แม่ค้าบอก ลูกยับเยี่ยว
garden_art1139@hotmail.com
สาว - โส
12 ธันวาคม, 2010 - 03:33
Permalink
เจ้โส
เจ้โส ลูกยับเยี่ยวของน้อง มันเป็นต้นไม้ที่หนามแหลม ๆ ม่าย เห็นว่าถ้าเกี่ยวเอาออกอยาก หนามมาก
chai
11 ธันวาคม, 2010 - 21:42
Permalink
เที่ยวป่า
งานนี้ได้ความรู้เยอะเลยนะครับ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
ยายจ่อย
12 ธันวาคม, 2010 - 11:18
Permalink
คุณชัย
คุณชัย ป่านี้อยู่ใกล้บ้านคุณชัยนะ จังหวัดขอนแก่นนี่หละ ว่างๆจะชวนมาเที่ยวดีไหม
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
Thanin
11 ธันวาคม, 2010 - 21:49
Permalink
ป่าที่จังหวัดไหน
ยังคงสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์อยู่ แต่ก็ยังมีการลักลอบตัดอยู่บ้าง ซึ่งน่าเป็นห่วง ถ้ายังมีคนเห็นแก่ตัว ไม่ทราบเป็นป่าอยู่ที่ไหน ไม่เห็นบอกสถานที่ จะได้มีคนคอยเฝ้าระวังมิให้มีการลักลอบตัดไม้เพิ่ม
ยายจ่อย
12 ธันวาคม, 2010 - 11:17
Permalink
ขอโทษค่ะลืมบอกสถานที่
ขอโทษค่ะลืมบอกสถานที่ เป็นป่าเขตอีสาน จังหวัดขอนแก่น ป่าชุมชนน่ะค่ะ ตอนนี้เราก็มีกลุ่มอนุรักษ์ พยายามสร้างจิตสำนึกมิให้คนทำลาย แต่ว่าเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ซัก 4-5 ปี ซึ่งยากมากกับการเปลี่ยนความคิดของคนค่ะ
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
หน้า