การเพาะเกาลัด

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2553

ซื้อลูกเกาลัด ใหญ่มาก เนื้อแน่นเชียวค่ะ เป็นเกาลัดมาจากประเทศอิตาลี (เดาว่าน่าจะมาจากทางตอนใต้
หรือตอนกลางของอิตาลีเพราะแถบๆ นั้นอากาศจะคล้ายคลึงกับภาคเหนือของประเทศไทย)
ซื้อมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งทดลองเพาะ ส่วนหนึ่งปิ้งกิน 


ในภาพเป็นเกาลัดที่ซื้อมาค่ะ เกาลัดที่ขายกันตามตลาดนี่หล่ะค่ะ เมื่อได้มาแล้ว ทดลอง 2 แบบ คือเพาะบนกระดาษทิชชู่

อีกแบบเพาะในดินค่ะ แบบที่เพาะบนกระดาษทิชชู่นั้น เอ๊ะเพาะเกาลัด 7 เม็ด และ อโวคาโด้ 2 ลูก (เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่)

 

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดกล่องดู พบว่า เกาลัด
ที่เพาะในกล่องบนกระดาษทิชชู่ งอกรากออกมาเต็มไปหมดเลยค่ะ ดังภาพ

 

ส่วนเกาลัดที่เพาะไว้ในดิน รู้สึกว่ารากจะงอกแล้ว แต่ดูเหมือนจะช้ากว่ามาก ดังภาพค่ะ




จากนั้นค่อยๆ แยกเกาลัดออกมาทีละเมล็ด เตรียมนำลงเพาะในกระถางที่เตรียมดิน (ดินที่ย่อยสลายจากมอส)



เกาลัดที่เขี่ยออกมาจากในดิน งอกเหมือนกันแต่งอกน้อยกว่าในแบบเพาะทิชชู่


จากนั้นนำเกาลัดลงเพาะในกระถางที่ใส่ดิน (ดินที่ย่อยสลายจากมอส จากหลังคาบ้าน

 

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553 เก็บบันทึกผลอีกครั้งด้วยกล้องถ่ายภาพค่ะ

เริ่มงอกใบเลี้ยงแล้วค่ะ ที่เห็นในภาพ 3 กระถาง ยังมีอีก 1 เม็ด ลองเพาะในกระถางเดียวกับพริกหวาน
(ใช้ดินที่ย่อยสลายจากมอสเหมือนเดิมค่ะ)

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2553  10 วันหลังจากบันทึกผลล่าสุด เก็บผลการเพาะจากกล้องถ่ายภาพ
อีกครั้งหนึ่งค่ะ โตเร็วจนน่าตื่นเต้น


เกาลัด 3 กระถาง ความสูงในระดับที่แตกต่างกัน


เกาลัดต้นสูงที่สูงขนาดนี้เลยค่ะ


ลักษณะใบและยอดของเกาลัด


นอกจากนี้แล้ว ส่วนที่เปลี่ยนแปลงในขณะที่ต้นเกาลัดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คือ ลักษณะสีของลำต้น จะเปลี่ยน
จากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล ต้นที่บันทึกภาพนี้ ลำต้นคดๆ งอๆ เพราะความทะเล้นของผู้เพาะ โดยให้เกาลัดต้นนี้
โตในกล่อง ฝากล่องกดให้ลำต้นนั้นคดๆ งอๆ ดังที่เห็นค่ะ 


เกาลัดต้นที่หมกไว้กับกระถางเพาะพริกหวาน ก็แตกต้นอย่างรวดเร็วเช่นกันค่ะ

ปล. ลืมบอกไปค่ะว่า อุณหภูมิห้องที่ใช้ในการเพาะอยู่ระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียสค่ะ อุณหภูมินอกห้อง
หรืออุณหภูมินอกบ้านอยู่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสค่ะ


 

 

 

 

ความเห็น

ถ้าปลูกบ้านเราดีจังเลย  ชอบกินแต่ราคาแพงมาก ๆ

นึกว่าจะไม่งอกซะอีกเนาะ ฟังจากที่เล่ามาอุณภูมต่ำมากๆยังงอกเฉยเลย เยี่ยมๆๆๆ เห็นไฟจากเตาผิงก็รู้แล้วค่ะว่าหนาว เห่อๆ แล้วถ้าปลูกลงดิน จะใช้เวลานานแค่ใหนค่ะถึงจะมีลูก

   เพิ่งเคยเห็นต้นมัน   ดีจังจังค่ะ  ได้เห็นเค้าค่อยๆๆโต  ตื่นเต้นจัง

แต่เอ๋ว่า  กินคล้ายๆ เม็ดขนุนต้มค่ะ  ( เอ๋มันลิ้นจระเข้  ของดีกินไม่เป็น   ไม่ใช่อะไร กินเป็นเดี๋ยวเสียตังค์เยอะ  อิอิ) :shy: :shy: :shy: :shy:

ฉันจะปลูก ผัก ให้ลูกทาน

:vomiting: เลย..เสียดายแพง

เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด  ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่

คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู

เคยเห็นเขาปลูกบนเขาช้างหลวง ปากช่อง ปลูกปนกับกาแฟ

งอกในอุณหภูมิ 20-25 องศาได้  แสดงว่าต้องปลูกในเมืองไทยได้เช่นกัน...แต่เสียดายป้าไม่เคยเห็นเม็ดสดเลย..เห็นแต่ที่เขาคั่วแล้ว...ถ้าเจอเม็ดสดต้องลองซื้อมาเพาะบ้าง...สงสัยจังทำไมเพาะในกระดาษทิชชูงอกเร็วกว่าในดิน....ในกระดาษมีสารอะไรหรือเปล่า...ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย 

คิดให้แตกต่าง...แต่อย่าแตกแยก

ชอบกินเวลาคั่วแล้วปล่อยให้อุ่น ๆ อยู่แกะง่ายดี...  ขอให้ต้นโตแข็งแรง ๆ นะคะ   อยากเห็นตอนมันมีลูกจังเป็นยังไง?...

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

เมืองไทยเราลูกสดๆ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ ลองดูแถวๆ เยาวราชนะคะ เอ๊ะเคยเห็นร้านค้าที่เยาวราชมีขายลูกสด แต่จำไม่ได้แล้วว่าซอยชื่ออะไร

ส่วนทางใต้ ลองดูที่ตลาดหาดใหญ่นะคะ เคยไปเห็นลูกสดที่นั่นเช่นกันค่ะ :confused:

 

ที่เมืองไทยเรา ที่จันทบุรีปลูกแล้วให้ผลผลิตแล้วค่ะ แต่เอ๊ะไม่ได้ถามว่า เป็นเกาลัดไทยหรือเกาลัดเทศ

ปลูกนานเท่าไรจึงจะให้ผลผลิตเอ๊ะยังไม่มั่นใจค่ะ เดี๋ยวเจอน้าที่เขาปลูกแล้วให้ผลผลิตแล้วที่เมืองจันท์

เอ๊ะจะสอบถามเขาดูค่ะ :embarrassed:

 

ต้นเกาลัดในหมู่บ้านที่เอ๊ะอยู่จะให้ผลผลิตตอนปลายๆ ฤดูใบไม้ผลิ (กันยา ตุลา) ส่วนที่อิตาลีในบางประเทศจะอุ่นกว่า

ก็จะให้ผลผลิตนานกว่าค่ะ พันธุ์ที่เอ๊ะนำมาเพาะยังมีเม็ดสดขายจนถึงวันนี้ค่ะ เลือกเพราะเม็ดใหญ่ เนื้อเยอะ ปิ้งกินแล้วเนื้อหวานค่ะ

แพงค่ะ แต่ก็อร่อย  อยากกินๆๆๆๆๆ:nonono:

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

Next time when i go to thailand.I will bring. :admire:

หน้า