คำสบประมาทคือตัวเร่งปฏิกิริยา
18 เมษายน 2550
คำเตือน : บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ อ่านแล้วอาจขัดใจท่าน
วันนี้หัวข้อไม่เกี่ยวกับลีนุกซ์นะครับ แต่ได้อ่านเรื่องของเพื่อนที่ทำปริญญาเอกอยู่เยอรมัน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/87073 และ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/87827 ก็ได้ความคิดที่จะเขียน Blog นี้ นึกถึงตัวเองชอบเกษตรเหมือนกัน แต่ทำไมตอนนั้นต้องมาปลูกฝังว่าเรียนเกษตร เรียนช่างไม่ดี ต้องเรียนสายสามัญวิทย์-คณิต เพราะตอนเรียนประถมมัธยมผมคะแนนดีเหรอ ที่โดนปั่นหัวมาแบบนั้น ถ้าผมเรียนได้คะแนนไม่ดี เกเรหน่อยๆ น่าจะได้เรียนช่าง หรือเกษตรสมใจไปแล้ว ใครหนอที่ปลูกฝังความคิดผมแบบนั้น ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะกลับไปเรียนเกษตร หรือเรียนช่างผมไม่เรียนสายสามัญ จบสายสามัญจนเอนทรานซ์ติดศึกษาศาสตร์ เทคโนโลยีการศึกษา อยากเรียนเทคโนโลยีการศึกษา แค่รู้ว่าเขาเรียนถ่ายรูปเท่านั้น ตอนเรียนจึงได้รู้ว่าเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่ได้เรื่อง
แต่ยังดีที่ตอนเรียนฝักใฝ่คอมพิวเตอร์ จนได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์มาตลอด ตอนทำงานก็จะทำจนดึกดื่นเที่ยงคืนตลอดปูเสื่อนอนที่ทำงานก็มี มีบ้านพักไว้อาบน้ำ ไม่ว่าทำงานที่ไหน ทุ่มเทสุดตัว ทำเอามันส์ ตอนนั้นรู้สึกชอบ สนุก มันส์ แต่นานเข้าเอ มันชักยังไงอยู่ ถึงเวลามั่งปัญหาต่างๆ พรั่งพรูเข้ามาไม่ว่าเพื่อนร่วมงาน ความคิดที่ไม่อยากเป็นลูกจ้างเขา ชีวิตเราต้องขึ้นกับเขาด้วยเหรอ สุดท้ายก็ลาออก แต่การลาออกนี่สิ คำสบประมาทเพียบ จะสบประมาทด้วยความหวังดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นที่มาของการเขียน Blog วันนี้ "คำสบประมาทคือตัวเร่งปฏิกิริยา" ประโยคต่างๆ ยังจำได้ดี "กรีดยางเหนื่อยทำไม่ได้หรอก" "ทำสวนเหนื่อยเดี่ยวก็กลับมาเอง" คุณให้คำจำกัดความของคำว่าเหนื่อยอย่างไร ทำไมคุณกลัวเหนื่อย การใช้แรงงานมันผิดเหรอ จบปริญาตรีแล้วจับจอบจับมีดกรีดยางนี่มันผิดเหรอ คำว่าเหนื่อยของผมคือทำงานได้เหงื่อเหมือนได้ออกกำลังกาย มีความสุข วันไหนได้ทำงานเหงื่อท่วมตัวแล้วผมมีความสุข ดีกว่ามาเครียดเรื่องคน คุณไม่เหนื่อยแต่คุณก็เป็นลูกจ้างเขา ทำงานให้เขา ถ้าคุณมีศักภาพพอที่จะทำอะไรเป็นของตัวเองอย่ากลัวคำว่าเหนื่อยเลย เหนื่อยกายนอนพักผ่อนก็หาย แต่เหนื่อยใจตื่นมาก็ไม่หาย ผมเองรายได้ตอนนี้เทียบไม่ได้เลยกับการเป็นลูกจ้าง แต่สิ่งที่ได้มากกว่าเงินเดือนคือ "ความสุข" ที่ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องห่วงวันลา ว่าลาไปแล้วกี่วันเหลือกี่วัน เงินเดือนจะขึ้นเท่าไหร่ สิ้นปีโบนัสเท่าไหร่ โอ้ย สารพัด ฯลฯ ขอบคุณทุกคำสบประมาทที่ทำให้ผมมีวันนี้ และทุกคำสบประมาทกำลังเร่งปฏิกิริยาผมอยู่
ปล. บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ห้ามนำไปอ้างอิงที่ไหน
- บล็อกของ sothorn
- อ่าน 14056 ครั้ง
ความเห็น
วงษ์วิลัย
20 มีนาคม, 2010 - 15:00
Permalink
ผมเห็นด้วยนะขอรับกับคุณโสธร
บุคคลใดไม่มีใจรักในด้านการเกษตรคุณไม่ใช่คนไทย โดยกำเนิดแน่นอนจงอย่าใช้คำพูดและกิริยาที่ดูหมิ่นอาชีพการเกษตรเพราะ ผมเป็นคนรักการเกษตรโดยส่วนตัวผม เรียนเกษตรจบพืช คุณรู้มั้ยข้าวที่กินใครปลูก คุณรู้มั้ยผักที่กินใครปลูกแล้วคุณรู้มั้ยพืชผักที่คุณกินที่ไม่มีสารเคมีใครปลูก ใครมาทำให้เวปบ้านสวนของคุณโสธร และพวกเราดูถูกเราผมถือว่าคุณไม่ใช่คนไทย คุณโสธรสู้ พวกเราทุกคนสู้
ทำแต่สิ่งที่ดี อย่าดีแต่ทำ
แผน รณรงค์
20 มีนาคม, 2010 - 15:32
Permalink
เพิ่งจะเจอ blog นี้
เพิ่งจะเจอ blog นี้ เห็นด้วยโดยไม่ขอขยายความเห็นต่อ ...พูดไปทำไมมี เอาเป็นว่าผมบอกลูกชายแล้วว่าให้เขาเรียนเกษตร ด้วยเหตุนี้ด้วย จึงตั้งความหวังไว้ว่า จะลาจาก กทม.ไว้ที่ 2-3 ปี ถึงเวลานั้น หากเขาจบ ม.๓ แล้ว คิดกลัวไปว่าเขาโตเกินไปสำหรับเด็กวัยรุ่นที่จะไปเริ่มต้นใหม่ใน วิทยาลัยเกษตร เพราะ เด็กในเมืองสมัยนี้ จิตใจค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ค่อยอดทน เห็นแก่ตัวด้วย(ผมเตือนเขาเรื่อย) เมื่อเทียบ เด็กรุ่นเราสมัยก่อนๆมา มันเป็นเพราะเราเอง และ สิ่งที่แวดล้อมสังคม ที่เขาอยู่ทำให้ ไม่ค่อยอดทน ผมเปรียบอะไรดี ไก่ฟาร์มกับไก่บ้าน น้ำอดน้ำทน หัวจิตหัวใจต่างกัน แต่ดูเหมือนไม่ถูกต้องซะทีเดียว
หากผญบ. ไม่ทำอย่างนี้ ในวันนั้น แล้วจะมีเราในวันนี้เหรอจริงมั๊ยครับ อย่างนี้ ต้องฟังเพลง พี่แดงวงโฮป " กำลังใจ " จัดไป อ้าวทำไงละทีนี้ ผญ. ช่วยหน่อยครับ เอามาเปิดไม่เป็น แป่วๆๆ
http://www.youtube.com/watch?v=snnbQ0csRAc
ไอ้เท่เอามาแปะๆ เป็น Icon touch แล้วคลิ๊กได้เลย ฮั้นเขาทำกันปรือหล่าว
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
ต้อง
20 มีนาคม, 2010 - 16:47
Permalink
เพิ่งจะเจอ blog นี้
คิดเหมือนกันเลยค่ะ อยากให้ลูกสาวเรียนเกษตรเหมือนกันเพราะวิทยาลัยเกษตร อยู่ใกล้บ้าน (หมายถึงบ้านที่โคราชที่กำลังจะกลับไปอยู่) จะได้ไม่ต้องให้ลูกไปไกลหูไกลตา แล้วจบออกมาก็ให้ กลับมาพัฒนาสวนของตัวเอง นี่แหละเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ลูกเห็น เขาถึงจะเชื่อมั่นในตัวเรา สู้ๆ
ถ้าต้องเลือก...เริ่มต้นตอนแก่ กับ "อดทน" จนแก่ตาย...
ควรจะเลือกอะไร...
ต้อง
20 มีนาคม, 2010 - 16:37
Permalink
อบอุ่นจังเลย
ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะคะ น่ารักจังเลยมีแจกเมล็ดพันธ์ด้วย... พรุ่งนี้จะไปดูงานที่ศูนย์เรียนรู้การเกตษรเขาหินซ้อน ถ้ามีอะไรดีๆจะเก็บมาฝาก อยากทำให้ครบวงจรเลยทั้งแกสชีวภาพ ทั้งน้ำมันไบโอดีเซล เดินตามรอยพ่อหลวง น่านนน... เพ้อเจ้อใหญ่แล้ววว... ดีใจมากเลย มีเพื่อนคุย เพราะคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆที่ทำงาน ไม่ค่อยมีใครสนใจ...
ถ้าต้องเลือก...เริ่มต้นตอนแก่ กับ "อดทน" จนแก่ตาย...
ควรจะเลือกอะไร...
sothorn
20 มีนาคม, 2010 - 19:35
Permalink
บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้ว
บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้ว สมัยที่ออกจากงานใหม่ๆ โดยที่คิดว่าเรียนเกษตรคงดี
แต่ตอนนี้ผมคิดใหม่แล้วครับ เพราะคนที่เรียนเกษตรในรั้ววิทยาลัย และมหาวิทยาลัย มีแต่เรียนเกษตรเคมีครับ
ผมพบเจอมาหลายคน เขาไม่ยอมรับเกษตรอินทรีย์ อะไรๆ ก็เคมีไปหมด
เพราะฉะนั้นคิดจะให้ลูกเรียนเกษตร ถ้าเขาชอบก็ปล่อยไป แต่ถ้าไม่ชอบก็อย่าบังคับเลย
ยายอิ๊ด
11 พฤศจิกายน, 2010 - 19:58
Permalink
ตัวเร่ง
บางทีการมีสารเร่ง ก็ทำให้เติบโตค่ะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
หน้า