อยากบอก...อยากเล่า ครูผู้เฒ่า คอยสอน
อยากบอก...อยากเล่า ครูผู้เฒ่าคอยสอน
นานทีเดียวไม่ได้พบอาจารย์โยเซฟ หลายวันนี้ท่านเดินทางมาพักเมืองไทย เป็นโชคดีที่ได้รู้จักท่าน สิ่งที่เรียนรู้จากท่านผู้มีวัยแปดสิบเศษ ผ่านสงครามโลกและสงครามชีวิตมามากมาย วันนี้มีโอกาสแวะเยี่ยมท่าน ณ บ้านพักริมน้ำเจ้าพระยา คุยกันอยู่ชั่วโมงเศษจึงได้ลาท่านกลับ การได้พบปะท่านในแต่ละครั้งจะคุยกันยาว หลายเรื่อง ทั้งศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ จะว่าไปแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องที่มักถูกห้ามว่าไม่ควรคุยเพราะจะเป็นเรื่องชวนให้เกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งได้ง่ายและจะคุยกันไม่จบง่ายๆ แต่ในการคุยกับอาจารย์โยเซฟในระยะหลังนี้ เริ่มเรียนรู้ว่าท่านนำสิ่งเหล่านี้หยิบยกคุยเพื่อเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมีตัวละครที่จะให้เห็นและฝึกวิธีการคิดให้เกิดความกระจ่างชัดขึ้น หลายครั้งที่ท่านจะคอยแนะให้รู้จักวิธีคิด แนะให้มองโลกผ่านสายตาผู้อื่นให้เป็นและด้วยวัยแปดสิบเศษกับประสบการณ์ที่ผ่านกาลเวลาเป็นสิ่งหล่อหลอมให้ท่านแกร่ง ความจำท่านแม่นยำมาก มักบอกเสมอว่าไม่ต้องกลัวว่าความจำจะเสื่อม เพราะความจำ ความคิด จะไม่เสื่อมหากใช้บ่อยๆ และต้องรู้ที่จะคิดให้เป็น อย่าใช้การท่องจำแบบเดียวกับนกแก้ว
คำถามที่ถูกถามอยู่บ่อยครั้งจะเกี่ยวกับวันเวลา สถานที่และบุคคล อย่างเช่นการที่ท่านตั้งคำถามว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร และยิ่งหากเป็นวันสำคัญทางศาสนาแล้วท่านก็จะสอบถามลึกลงไปมากกว่าคำว่ารู้หรือไม่ เมื่อตอบได้ท่านจะมีสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะถามว่าทำไมจึงรู้เพราะเมื่อท่านสอบถามคนไทยที่พบทั่วไปส่วนใหญ่จะได้เพียงคำตอบว่าวันหยุดราชการ ท่านว่าน่าเสียดายที่รู้ได้เพียงเท่านี้ หลายครั้งที่ท่านจะเสนอการให้รู้ที่จะคิดต่อในความสำคัญของแต่ละเรื่อง แววตาท่านจะปราณีมาก อาจมีบ้างที่เมื่อตอบไม่ได้ ท่านจะย้อนถามว่าอะไร ไม่รู้หรือ เพียงแค่นี้ก็ทำให้คิดได้ว่าเรายังรู้และคิดได้น้อยไป ยิ่งทำให้ต้องขวนขวายที่จะรู้ให้ได้ คิดให้เป็นและเข้าใจลงไปถึงความสำคัญในสิ่งที่ควรให้ความสำคัญรอบตัว นี่คือหัวใจความเป็นครูที่ท่านจะแนะให้รู้จักคิดให้ ให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม การเมือง เศรษฐกิจ ที่สำคัญคือปรัชญาความเป็นมนุษย์ และการปฏิบัติเยี่ยงมนุษย์ควรปฏิบัติ สิ่งนี้นับว่าเป็นความโชคดีที่มีโอกาสได้ครูผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมชองความเป็นครูในตัวท่าน
ท่านเล่าชีวิตวัยเด็กที่มีพี่น้องสองคน วัยเด็กเมื่อแปดสิบกว่าปีก่อนที่ท่านอยู่ถือว่าเจริญมาก แต่การดำเนินชีวิต ความเป็นคนจนก็ทำให้เรียนรู้ที่จะสู้ชีวิตว่าสู้อย่างไร คำถามที่เกิดในการสนทนาคือ รู้ถึงคำว่าคนจนหรือไม่ ในเมืองอาจไม่เข้าใจคำว่าคนจนอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญของชีวิตคนคือปัจจัยสี่ บางประเทศประชากรยากจนมาก ขนาดนอนริมถนนหนทาง อากาศหนาวไม่มีผ้าห่ม อาศัยหนังสือพิมพ์ที่คนทิ้งมาคลุมกาย นี่คือความจนที่สัมบูรณ์(absolute) แต่ในบางที่ ท่านก็มีความเห็นว่าคนบอกว่าตนเองจน แม้ขณะที่มีบ้านอยู่ มีรถขับ แต่บอกว่าจนเพราะเทียบกับเพื่อนที่มีบ้านหลังใหญ่กว่า มีรถคันราคาแพงกว่า(relative) นี่ก็จนเหมือนกันแต่อะไรกันแน่ที่เป็นความจนที่แท้จริง
ได้มีโอกาสนำข้อปัญหาของอาจารย์ผู้เฒ่าที่ท่านถาม แล้วกลับมามองย้อนว่า เราเองจนจริงไม่มีปัจจัยสี่พื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างที่เราเข้าใจ หรือว่าเรามีแล้ว แต่เราไม่พอเพราะเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น
นี่คือสิ่งที่ต้องคิด จะโทษแต่ว่าขาดสารไอโอดีนอย่างเดียวทำให้ไม่ฉลาด ไอคิวต่ำ คงไม่ได้ เพราะว่าตราบใดไม่ฝึกคิดไม่ว่าไอโอดีนมากแค่ไหนบางทีอาจช่วยอะไรไม่ได้เสียยิ่งกว่าเก่าก็ได้
- บล็อกของ สายพิน
- อ่าน 4673 ครั้ง
ความเห็น
เจ้โส
22 ตุลาคม, 2010 - 19:22
Permalink
ขอบคุณคะ
เจ้ก็ชอบคุยกะผู้สูงอายุ ได้ความรู้เยอะดี
garden_art1139@hotmail.com
สายพิน
22 ตุลาคม, 2010 - 19:37
Permalink
ขอบคุณค่ะ คุณ เจ้โส
เป็นโอกาสนะคะ ด้วยระยะเวลาและยิ่งท่านผ่านประสบการณ์ด้วยอายุที่มาก ก็ยิ่งได้เรียนรู้จากท่านมากขึ้น
น้ำหวาน
22 ตุลาคม, 2010 - 19:29
Permalink
พี่สายคนสวย
อ่านแล้วนะคะพี่สาย ถูกต้องมากมายเลยค่ะ
จนเพราะตัวเรายังไม่พอ กับจนจริงๆมันต่างกันมาก
หวานก็คนนึงค่ะที่ชอบคุยกับคนมีอายุเพราะเขาจะเป็นครูให้เราได้เป็นอย่างดี
เอ้าเร็วสมาชิกเรามาหัดคิดให้เป็นกันเถอะค่ะ
สายพิน
22 ตุลาคม, 2010 - 19:40
Permalink
น้องน้ำหวาน
ได้ไม่ต้องกินไอโอดีนมากเกินไป ด้วยการฝึกคิดให้เป็น รู้ที่จะเรียนด้วยตัวเรา อาศัยมองผ่านสายตาของผู้มีประสบการณ์ ท่านว่าอย่าเชื่อท่านแต่ให้ทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามหลักกาลามสูตรเลยแหละ
แหม น้องน้ำหวาน ได้น้องน้ำหวานเป้นแนวร่วมในการเชิญชวนเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ยายอิ๊ด
22 ตุลาคม, 2010 - 20:04
Permalink
ดีจังสายพิณ
ยายอิ๊ด นี่เป็นผู้สูงอายุ หรือเด็กดีนะ อายุการเกิดนะสูงวัยอยู่ แต่อายุสมองนี่ซิ ไม่แน่ใจ..
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
สายพิน
22 ตุลาคม, 2010 - 20:12
Permalink
คุร ยายอิ๊ด
ดีทั้งสองอย่างเลยค่ะ เด็กดีก็ดี อายุสมองเป็นผู้สูงวัยก็ดี เพราะว่า เป็นเหมือนกันเลย
ขอบคุณค่ะ
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
22 ตุลาคม, 2010 - 20:09
Permalink
ฮัลโหล พี่สาย
แวะมาเยี่ยมค่ะ
หนูไม่ชอบคุยกะคนสูงอายุเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เขาจะสอนแบบบ่นๆ เลยทำให้หนูไม่มีความลึกซึ้งไรมากนัก
แต่ถ้าเป็นหนังสือ หนูจะหาอ่านได้ ตรงไหนบ่นมาก หนูก็อ่านโดดๆ นิดหน่อย เก็บเฉพาะสาระ แต่ความเข้าใจนั้น ยังรับมะได้หมดค่ะ
สายพิน
22 ตุลาคม, 2010 - 20:20
Permalink
ฮัลโหล คุณแก้ว
ตอนไหนที่ท่านเริ่มบ่น ก็ชวนคุยเรื่องอื่น กระโดดข้ามได้เหมือนกันน่ะค่ะ เดี๋ยวท่านกระโดดตามด้วย ท่านเก่งมาก กระโดดเรื่องได้บ่อย พอท่านเห็นว่าหายเบื่อแล้วท่านก็พากระโดดกลับมาที่เดิมจนได้ ...
lekonshore
22 ตุลาคม, 2010 - 20:14
Permalink
พี่สายพิน
อ่านแล้วโดนใจ ใช่ค่ะยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งปลงมากขึ้น
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
สายพิน
22 ตุลาคม, 2010 - 20:27
Permalink
ปลง คุณเล็ก
ระยะหลังนี่ เวลาคุยกับท่านไม่ค่อยจะแย้งท่านบ่อยนัก เห็นความตั้งใจจริงที่ท่านอยากบอก อยากฝึกให้คิดเป็น สอนแบบไม่มีค่าแรง ก็รู้สึกขอบคุณท่านมากน่ะค่ะ เมื่อเวลาผ่านไป วันข้างหน้า เราก็ไม่สามารถเรียกเวลาอย่างนี้กลับมาได้อีก แต่ละวินาทีที่อยู่กับท่าน ก็เลยรู้สึกดีมาก ไม่ถึงกับปลงทั้งหมด มีที่ปลงว่าเลิกเถียงท่านได้แล้ว ใช่ ไม่ใช่ วันเวลาผ่านไป คำตอบก็จะมาเอง
หน้า