อิริยาบทต่างๆ ของพยอม
หมวดหมู่ของบล็อก:
Keywords:
พยอมที่พี่สุรพลส่งให้มางอกแล้วครับ ผมนี่แย่จริงปลูกเมื่อไหร่ก็ไม่ได้จดเอาไว้ มันขัดใจจริงเวลามาเขียนบันทึกให้ข้อมูลได้ไม่ครบ รอบหน้าคงได้แก้ตัวใหม่
ดูดีๆนะครับ มีปีกของพยอมอยู่ด้วย
ใบยังไม่แผ่ กล้องโฟกัสผิดตำแหน่ง
ใบแผ่ออกมาแล้ว
ใครที่ได้พยอมไปแล้วเพาะพยอมไม่งอกบ้างครับ
๏
- บล็อกของ sothorn
- อ่าน 6742 ครั้ง
ความเห็น
ลุงพูน
24 มีนาคม, 2010 - 12:12
Permalink
ตอบคุณ Krongkwun เรื่องการทำน้ำหมักชีวภาพ
กากผลไม้จากเครื่องคั้นแยกกากสามารถนำมาทำน้ำหมักชีวภาพได้ครับ วิธีทำก็มีหลายสูตรแล้วแต่จะใช้สูตรของใคร ผมขอแนะนำสูตรของผมดังนี้ครับ
กากผลไม้ที่ได้จากเครื่องคั้นแยกกาก จะค่อนข้างแห้ง และจะเหลือแต่กากมากกว่าการคั้นด้วยวิธีอื่น แต่ก็ยังมีสารอาหารหลงเหลืออยู่มากพอที่จะนำไปใช้ทำน้ำหมักชีวภาพได้ ข้อดีก็คือ กากผลไม้จะละเอียดกว่า การย่อยสลายโดยจุลินทรีย์จะเกิดขึ้นได้เร็วกว่า คือจะได้น้ำหมักชีวภาพไปใช่ได้เร็วกว่าการทำจากผลไม้ที่ไม่ผ่านการปั่น (นี่ว่าตามทฤษฎี)
ส่วนจะเป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ ก็ต้องขอให้คุณลองทำดู
ใช้กากผลไม้ 3 ส่วน น้ำตาลทรายแดง(โอวทึ้ง) หรือน้ำตาลทรายสีรำ 1 ส่วน และเติมน้ำอีก 5-10 ส่วน เนื่องจากกากผลไม้ค่อนข้างแห้ง จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำครับ
ตัวพระเอก คือจุลินทรีย์ หากจะเอาไปทำปุ๋ย ก็อาจจะใช้ จุลินทีย์ที่เขาแนะนำกัน เช่น พด 2 อีเอ็ม เป็นต้น ปริมาณ 1 แก้วน้ำ
แต่เนื่องจากว่า ผลไม้ที่เอามาคั้นเหลือแต่กากนี้ น่าจะทำความสะอาดมาเป็นอยางดี และได้แนะนำให้ใช้น้ำตาลที่รับประทานได้ ดังนั้น หากมีกากผลไม้เยอะๆ ขอแนะนำให้ทำเพิ่มอีก 1 ชุด โดยใช้แป้งข้าวหมากแทน หากไม่มีลูกแป้งก็สามารถซื้อแป้งข้าวหมากที่เขาห่อใบตองมาขาย สัก 2-3 ห่อ ก็ได้ครับ
หาก มีผลไม้หลายชนิด แนะนำให้ หมักแยกชนืดกันครับ
ลองหมักในถังน้ำขนาด 6 ลิตร
ใส่น้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีน ลงไปสักครึ่งถัง(ประมาณ 3 ลิตร)
น้ำตาล ครึ่งกิโลกรัม
กากผลไม้อีก 1 - 2 กิโลกรัม (กากผลไม้สามารถปรับปริมาณได้ ลองใส่ลงไปสัก ครึ่งกิโลกรัมก่อน ดูว่าจะพองเต็มถังไหม หากน้ำยังมากกว่าเนื้อ ก็เติมเนิ้อลงไปได้อีก แต่ไม่ควรเกิน 2 กิโลกรัมครับ
ลูกแป้ง 1 ลูก หรือ แป้งข้าวหมาก 1 ห่อ
เขย่าให้เข้ากัน ปิดฝาหลวมๆ อย่าให้แน่น มิฉนั้น คุณจะได้ระเบิด 1 ลูก อยู่ในบ้าน
สรุป
หากใช้กากน้ำตาลและเชื้อจุลินทรีย์ ก็เอาไปทำปุ๋ย
หากใช้น้ำตาลที่กินได้ และลูกแป้งหรือแป้งข้าวหมาก พอหมักไปได้สัก 1 เดือน ก็มีกลิ่นหอมหวาน มีกลิ่นแอลกอฮอร์นิดๆ เทใส่แก้วกินกับน้ำแข็งน่าอร่อย หากปล่อยไว้นานสัก 2 เดือน ก็อาจจะได้น้ำส้มสายชู ซึ่งก็แล้วแต่ว่า หมักจากผลไม้อะไร เช่น น้ำส้มสายชู ฝรั่ง สับปะสด แครอท ฯลฯ
ครองขวัญ
24 มีนาคม, 2010 - 13:37
Permalink
ขอบคุณลุงพูน
ขอบคุณลุงพูน มากเลยนะคะ น่าสนใจสูตรสองมากเลยนะค่ะ แต่แป้งข้าวหมากก็หาไม่ได้จะทำอย่างไรดีคะพอจะใส่อะไรแทนได้ไหม ยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังได้ไหมคะ แต่อยากลองทำดูมากเลยค่ะ ไม่รู้มาก่อนว่าน้ำส้มสายชูก็สามารถทำเองได้ คือเป็นคนชอบลองน่ะค่ะ ได้สูตรมาอย่างนี้มักร้อนวิชา
แจ้ว
24 มีนาคม, 2010 - 13:47
Permalink
ลูกแป้งข้าวหมาก
น่าจะใช้ยีสต์ได้นะ แต่ลูกแป้งข้าวหมาก แถวบ้านเราพอหาซื้อได้ ราคาลูกละ 5-6 บาท แม่ค้าจะมาขายทุกวันเสาร์สามารถสั่งได้
ติดดิน
24 มีนาคม, 2010 - 13:48
Permalink
อยู่ไหนคะ
คุณขวัญอยู่ประเทศอะไรคะ เห็นในบล็อกปลูกผักงามมากเลย
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ลุงพูน
24 มีนาคม, 2010 - 15:31
Permalink
น้ำหมักชีวภาพ
ต้นพยอมของโสทร จะกลายเป็นน้ำหมักชีวภาพไปแล้ว
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วผมไปหาดใหญ่ แวะซื้อมะลิ (สับปะรด) ข้างทางหลวง เห็นขวดน้ำส้มสายชู ก็เลยซื้อไปด้วย เข้าไปดูกรรมวิธีที่เขาทำถึงในครัวหลังบ้าน ก็เลยได้ความรู้มากฝากชาวบ้านสวนพอเพียงของเรา ดังนี้
เมื่อสับปะรดมีเยอะ ขายไม่หมด เขาก็จะเอาไปทำสับปะรดกวน วิธีทำก็คือ ปอกเปลือก ลอกตา แล้วสับให้ละเอียด กรองเอาแต่เยื่อไปกวน น้ำสำปะรดเขาจะเอาไปทำน้ำส้มสายชูกันครับ
เขาเอาน้ำสับปะรดที่ได้มากรองแล้วเทใส่โอ่งดินเผา แล้วเอาพลาสติกหนาๆ ครอบไว้ เอายางรัดไว้ ทงไว้อย่างนั้น สักเดือนนึง แล้วเปิดฝาชิมดูว่า เปรี้ยวพอแล้วยัง หากพอแล้วก็กรอกใส่ขวดแก้ว ขายขวดละ 20 บาท ผมก็ซื้อน้ำส้มสายชูสับปะรดนี้ไป ทำ..(อะไร ค่อยเล่าวันหลัง หากมีคนสนใจ)
นี่เป็นการทำแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งผมลืมชื่อไปแล้ว
ถ้าเราเรียน มาทางวิทยาศาสตร์การอาหาร หรือจุลินทรีย์วิทยา อะไรเทือกนี้ คงจะบอกว่า กรรมวิธีในการผลิต ไม่สะอาด ไม่น่าจะเอาไปใช้ในการบริโภคได้
แต่กรรมวิธีนี้ เป็นกรรมวิธีของธรรมชาติ เป็นการหมักโดยอาศัยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ที่สามารถเจริญเติบโตในน้ำสับปะรดได้ เมื่อได้น้ำสับปะรดเป็นอาหาร จุลินทรีย์พวกนี้ก็จะเปลยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอร์ และจะมีจุลินทรีย์อีกพวกเปลี่ยนแอลกอฮอร์ เป็นกรดอซิติก (โปรดรอตอนต่อไป ตอนนี้งานเข้า ขออภัยด้วยครับ)
ครองขวัญ
25 มีนาคม, 2010 - 01:05
Permalink
อยู่นิวซีแลนด์ค่ะ
อยู่นิวซีแลนด์ค่ะ ผักที่งามได้ขนาดนี้ก็เพราะเป็นหน้าร้อนอยู่ อีกไม่นานก็เข้าหน้าหนาวแล้ว ผักที่งาม ๆ ก็คงสลบเป็นแถว อยู่ที่นี่ หาลูกแป้งข้าวหมากไม่ได้เลยแย่จังแต่จะลองใช้ยีสต์ดูค่ะ พี่แจ้ว และจะลองสูตรสัปรสลุงพูนด้วย ขอบคุณลุงพูนอีกครั้งนะคะ และจะติดตามบล็อกของลุงพูนที่กะลังจะเขียนนะคะ
ลุงพูน
25 มีนาคม, 2010 - 05:44
Permalink
ตอบคุณ Krongkwun เรื่องการทำน้ำหมักชีวภาพ
ผมนึกว่าอยู่เมืองไทยเลยแนะนำลูกแป้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ฝรั่งเศสยังผลิตไวน์ได้ หรือน้ำส้มสายชูแอบเปิ้ลได้ ก็น่าจะมีเชื้อนี้ในธรรมชาติ ให้คุณขวัญลองใช้ได้
หากไม่มีลูกแป้งหรือแป้งข้าวหมาก เราก็อาจจะใช้ยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังหรือทำอย่างอื่นทดแทนได้ หรือไม่ต้องเสาะหาเชื้ออะไรใส่ลงไปก็ได้ แต่ต้องทดลองก่อนนะครับ
การไม่ใส่เชื้ออะไรลงไป ก็เป็นการใช้เชื้อที่มีอยู่ในอากาศตามธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เชื้อที่หาได้ง่ายในเมืองนอกอีกชนิดหนึ่งก็คือ นมเปรี้ยว ทั้งแบบน้ำและแบบเหลวๆ ลองเอามาใช้ดูครับ
ป้าเล็ก..อุบล
25 มีนาคม, 2010 - 08:21
Permalink
ขอบคุณลุงพูน
ป้าเล็ก ชอบดัดแปลงของเขาไปเรื่อย ลูกแป้ง อยากลองใช้มากเลย ใส่เศษเปลือกผลไม้ น้ำตาล ลูกแป้ง เตรียมจะไปขอเปลือกผลไม้ ร้านคุ้นเคยกัน มาลองทำ
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
หน้า