เรียน..ปรึกษา
ด้วยสิ่งที่เรามี สำหรับลูกแล้วผมคิดว่า เราสามารถที่จะเกื้อกูลเธอไปสู่เส้นทางที่ประสบความสำเร็จทางการเรียนรู้ในระบบได้ โดยไม่ต้องพึ่งโชคชะตาเสียแทบทั้งหมด
ยุคที่โรงเรียนอนุบาลชั้นนำดีๆถูกจับจองพื้นที่เรียนตั้งแต่คู่รักคู่หนึ่งเริ่มแต่งงาน ในยุคทีทารกเริ่มเรียนรู้อย่างเป็นระบบตั้งแต่อยู่ในครรท์มารดา เพื่อเคี่ยวกรำคุณภาพแห่งพัฒนาการทางสมองและจิตใจของเด็ก ในยุค(นี้)ที่วิทยาการเกี่ยวกับเด็กเจริญถึงขั้นขีดสุด ทั้งในแง่เกี่ยวกับเด็ก เกี่ยวกับแม่ และผลิตภัณท์ที่รองรับและฉกฉวยความต้องการนั่น
จึงไม่แปลกหากผมจะได้ฟังเพลงโมสาร์ท ก็ตอนที่ภริยาตั้งท้อง และเสียงโทรศัพท์จากทางเจ้าของผลิตภัณท์ตลอดเป็นช่วงๆวัยของเด็ก คล้ายๆกับความห่วงใยที่ไถ่ถามถึงพัฒนาการของลูกผม คำแนะนำและเรียนย้ำถึงความจำเป็นที่จะให้คงไว้ซึ่งผลิตภัณท์ของต้นสายต่อไป
เด็กที่เกิดอนามัย(สมัยนั้น)กินนมชงตราหมี อย่างผม ย่อมต้องเรียนรู้และปรับตัว แต่จะเท่าทันหรือไม่นั้นอีกเรื่องนึง
ใช่....เรารักลูกและต้องการสิ่งที่ดี ที่จำเป็น โดยเพียงศักยภาพที่หาได้อย่างไม่ยากลำบาก เพื่อเค้า
ผลิตภัณท์เกี่ยวกับทารกและเด็กจึงแข่งขันกันอย่างยัดเยียดและดุเดือด และผาดผุดเพื่อตอบสนองความรักของเราที่มีต่อลูก ความรักที่ถูกแสดงออกในรูปผลิตภัณท์ นม เสื้อผ้า ของเล่น ไม่แม้นแม้แต่สถานเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน ไปจนถึงโรงเรียน ที่พยายามสร้างชื่อและทำการตลาด ปลูกฝังความเชื่อกันอย่างเข้มข้นและตราตรึง
แน่นอนเด็กที่เล่นเป่ากบอย่างผมย่อมต้องเรียนรู้และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบตอบสนองต่อวิถีแบบปัจจุบันนี้(นั้น)
ในขณะที่ลูกเรียนเตรียมอนุบาลตอนสองขวบสองเดือน(ห่างจากบ้านไปกลับยี่สิบสี่กิโล ผมรับส่งทุกวันคูณสองชึ่งหนักมากในแง่ค่าใช้จ่าย) จนถึงวันนี้ผมมีเวลาคิด ตัดสินใจ อีกสื่เดือนนับจากนี้จนกว่าเธอจะสามขวบ เราปรึกษากันว่าเราจะให้ลูกเรียนอนุบาลที่ไหนดี
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เสียงสมมุติแห่งทางเลือกต่างมุมได้ถุกนำมาวางและแยกแยะ ค้นหาเหตุผลที่สมดุลลงตัวอีกครั้ง โดยมีอนาคตของลูกมาเป็นเหตุผลแห่งเดิมพันดั่งเคยเหมือนวันก่อนๆ
แน่นอนเธอ(ลูก)ต้องอยู่กับผมที่บ้าน แต่จะให้เรียนในเมือง เรียนโรงเรียนที่(คิด)ดีที่สุดในตอนนี้แต่ต้องแลกกับการ ไปกลับวันละเจ็ดสิบกิโลเมตร(เด็กแถวบ้านผมก็ไปเรียนกันพอควร) เธอต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อขึ้นรถรับส่งของทางโรงเรียนหรือจะให้อยู่ใกล้บ้านเรียนในศุนย์เด็กเล็ก ซึ่งมิอาจกล่าวอ้างได้อย่างเต็มปากว่าอย่างไร
ใจหนึ่งก็อยากให้เธอเรียนที่เดิม นอนหลับใหลคุดคู้อยู่ในไออ้อมอุ่นที่คุ้นเคยกอดจนลืมตา ทักทายใบหมอนชะอ้อนกอดจินตนาการ ตอนตื่นจากผวังค์แห่งเช้าวัน ใหม่ ได้เล่นกับหยดน้ำค้างใบหญ้า ทักทายกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่งงัวเงียตื่นนอนพร้อมๆกับเธอเพื่อแต่งตัวรอรับแสงตะวัน ย่ำเดินบนพื้นดิน ทิ้งตัวนั่งมองกิ้งเกือที่กำลังคืบคลาน ทักทายกับผีเสื้อที่ทยอยหยอกล้อดอกน้ำหวาน เป็นวัฏจักรแห่งการเริ่มต้นที่ไม่เรียบเร่งจนเกินวันแห่งวัย กลับบ้านได้มีเวลาไล่ระรานลูกไก่ ทักทายขึ้นขี่หลังน้องหมาแทนม้านั่งเล่นตัวสูง ถูกยุงกัดแขนบ้างยามตามย่าไปเล่นตอนเข้าสวนยามเย็น
แต่ต้องแลกกับอะไรที่มีความสำคัญอีกอย่างของเธอ...ที่เธอควรได้รับ อย่างที่วัยและพัฒนาการของเธอควรจะเป็น
ผมนำมาลงกระทู้ก็เนื่องด้วยต้องการให้ท่าน สละเวลาอันมีค่าของท่านสักนิด ช่วยมาชี้แนะผม เพื่อที่ผมจะได้นำเอาความเห็นเหล่านั้นมาประมวล แง่หนึ่งเพื่อเป็นการช่วยในการตัดสินใจ แง่หนึ่งก็คือชีวิต มุมมองในทัศนะของท่านต่อชีวิต ชีวิตที่ควรจะเป็น ผมอยากได้แง่มุมแบบนั้นจริงๆ แบบบ้านๆชีวิตจริงๆที่ท่านและผมต่างก็มีแตกต่างกันไป..
ความต่างที่มีคุณค่าสำหรับผม ผมอยากได้ความต่างนั้น ครับ...
ถ้าให้ผมตัดสิน แน่นอนในแง่มุมมองของความรักที่มีต่อลูก ความสงสาร ความกลัวที่ลูกจะลำบาก ย่อมทำให้เหตุผลที่สมบูรณ์ สำคัญอาจสูญหายตกหล่นไป เพราะความรักที่โอเว่อร์เอกติ้งนั้นก็เป็นได้
แน่นอนครับ....ผมมียังเวลา....เพื่อรับฟังจากท่านและจากเหตุผลของผมเอง
ปล่อยให้เธอได้เรียนรู้ ปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิต ได้มีภูมิคุ้มกันที่มิอาจสอน เขียนได้ แต่ทำยากจริงๆนะ...จะบอกให้
- บล็อกของ มานี มานะ วีระ ชูใจ
- อ่าน 6031 ครั้ง
ความเห็น
Tui
7 พฤศจิกายน, 2010 - 10:30
Permalink
ปัญหาข้างต้นนี่
ปัญหาข้างต้นนี่ ง่ายมากไม่ต้องคิดมาก เมื่อเที่ยบกับ การดูแลเขา เมื่อยามเข้า วัยรุ่น เลี้ยงเด็กเล็ก อยู่กับพ่อและแม่ เป็นหลัก การตัดสินใจของคุณมานะและ ภรรยา นั้น ต้องสอดคล้องร่วมกัน ขอแนะนำความเห็นในส่วนตัว ที่คุณมานะ และ ภรรยาอาจจะช่วยนำไปใช้ในการตัดสินใจได้บ้าง นะครับ
๑ เด็ก เล็กมีการพัฒนาทาง สมองเร็วและเรียนรู้ทางสังคม และ ภาษาได้ดีมากกว่าด้านอื่น ดังนั้น จึงควรสงเสริมการเข้าสังคม และ ภาษาพื้นฐาน เช่นให้มีโอกาศพบปะกับเด็กอื่นเยอะๆ มีเวลาอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น มากๆ จะช่วยได้เยอะในการพัฒนาทางจิตใจในระยะยาว เรื่องภาษานั้น สามารถปลูก ฝังได้เองในบ้านไมาจำเป็นต้องท่องจำ เช่นท่อง เอ บี ซี หรือ ท่อง ประโยค ทักทาย สิ่งที่ง่ายสุด คือ เปิดเพลง ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอื่นที่ต้อง การ ดูการตูน ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอื่นที่ต้องการ ถ้าเขายอมดูและฟัง
นะครับ ดูไป เขาจะมี คำถาม ถ้าเราตอบและ ชี้แจ้งนั้น เขาจะเรียนรู้เร็ว มากกว่าท่องจำ เด็กเล็ก ไม่แนะนำให้เน้น ท่องจำ อ่านหนังสือให้ฝังก่อน นอน และจำกัดเวลาดู โทรทัศน์ นั้นส่งผลต่อการพัฒนาทักศะการเข้าสังคมได้ดีมาก รวมถึง ปลูกฝังการรักการอ่านด้วย
๒ การ เดินทางไปโรงเรียน สำคัญมาก ใกล้บ้านดีที่สุด เพราะ ประหยัดน้ำมัน และ เวลา เด็กเล็ก อย่างน้อย ต้องได้พักผ่อน มากกว่า แปด ช.ม.เพื่อนการพัฒนาสมอง เด็กเล็ก ถ้านอนพอและไม่เหนื่อย จะเรียนรู้ได้เร็วมาก บางครั้ง เสียเงินมากมาย แต่เด็กไม่รับ ก็เสีย เงินเปล่าครับ
๓ การตีเด็กเล็กนั้น ไม่ส่งเสริม ครับ เพราะทักษะ ความเข้าใจยังมีน้อย การใช้ความรุนแรงอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ถึงเมื่อ เด็กเริ่มเข้าใจถึงผลลัมพ์ของการกระทำแล้ว การลงโทษด้วยแรงนั้น ต้องใช้ การพิจราณาอย่ารอบคอบ ข้อนี้ ผมไม่ทราบว่า สมัยนี้ โรงเรียนยังมีการทำโทษเด็ก ทางร่างกาย อยู่ หรือเปล่า นะครับ บอกไว้เป็นแนวพิจรณา
๔ อาหาร เสริมสร้างความรู้ ขนมสำเร็จ รูป และ ขนมหวานจัด รวมถึง สีผสมอาหาร บางชนิดส่งผลต่อ พฤติกรรมเด็ก เช่นกัน การจำกัดขนมสำเร็จรูป และ อาหารเกลือและ น้ำตาลสูงนั้น มีการทดลองที่ให้ผลส่งเสริม พฤติกรรมที่ดีแก่เด็ก ครับ ดังนั้น โรงเรียน ที่จำกัดอาหารพวกนี้ หรือ ส่งเสริม การทานอาหารที่มี ประโยชน์ ก็สมควรนำมาใช้ในการพิจารณา
๕ ขนาดของโรงเรียน และห้องเรียน เด็กเล็ก ควรอยู่ในห้องเรียนที่ มีนักเรียนไม่มาก เผื่อ ส่งเสริม การเรียน รู้ และ ง่ายต่อการ ควบคุมโรคติดต่อ ต้องยอมรับนะครับ ถ้า ป่วยแล้วคงเรียนไม่รู้ เรื่อง โรงเรียนที่สะอาดเกินก็ ไม่ดี นะครับ
ข้อความข้างต้น เป็น ข้อมูลส่วนตัวที่เคยศึกษาอ่าน เพราะ หลานมีปัญหา เรื่อง การหาที่เรียนมาก เคยแนะนำ ไปหลายครั้ง แต่คุณแม่เขา ไม่เอา ด้วย เพราะผมไม่ใช่ นักวิชาการเจ้าของโรงเรียน โรงเรียน แพงๆ ที่เขาว่าดี จะได้ยินจาก พี่ชายมาพอสมควร รวมๆ แล้ว แนวการสอน เอาใจผู้ปรกครองเป็น ส่วนใหญ่ ในประเด็นที่ว่า อยาก ให้อนาคตลูก เราเป็นเช่นไร และสอดแทรก การเรียนพิเศษให้เสมอ โรงเรียนที่คำนึงถึงเด็ก ผู้ปรกครงมักจะ ไม่ชอบ เพราะกลัวลูก มีอนาคตไม่ดี
การเรียนการ ศึกษาที่ดีไม่ใช่ประเด็นเดี๋ยว ที่ทำให้คนประสบความสุข ในชีวิต ทักษะทาง ความคิด และ การ ปฏิบัติตนในสังคม รวมถึง เพื่อน และ คนรอบข้าง จะเป็นตัวส่งเสริมให้ ประสบ ความสุขในชีวิต ได้ดีกว่า ดังนั้นเด็กเล็ก ควรมุ่งการพัฒนาด้าน สังคม ถ้าเขาผิดเรายังแนะนำได้ง่าย และ ปรับตัวได้เร็ว ในความคิดผม
อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เป็นคำสอนที่ ทางบ้านผม สอนเสมอ วางแผนชีวิตเราเองยัง อยากเลย ดังนั้น การวางแผนชีวิตให้คนอื่นโดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาต้องการ อะไร ย่อมยากกว่ามาก เอาใจช่วยครับ บุคลที่อยู่ในกลุ่ม อายุ แบบผม และ คุณมานะ ย่อม เห็นตัวอย่าง การเลี้ยงลูก แบบต่างๆ มาเยอะ ไม่ต้อง ไปหาตัวอย่างไกล มองย้อนไปที่เพื่อน สมัยประธม จะเห็น ตัวอย่างเยอะ เลย
อ่านหนังสือเกี่ยวกับ การเลี้ยงลูก ก็ ช่วยได้เยอะ แต่ที่ช่วยให้ลูก มีความสุข แน่ๆ คือครอบครัวอบอุ่นครับ เส้นทางการเลี้ยง ลูก ของคุณ มานะ ยังอีก ยาวไกล ถ้ามีลูก คนที่สอง ปัญหาวันนี้จะดูง่ายทันที
ผมสองคนไม่เคยมีลูก เห็น แต่ตัวอย่าง และอ่าน บ้าง ดูสารคีเรื่องพัฒนาการเด็ก บ้าง ด้วยความกลัว ว่าจะเป็นผู้ปรกครองที่ไม่ดีพอสำหรับลูก ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็น แค่ คู่ คุณมานะ คู่เดียว แต่พอ คิดเรื่อง อยู่กับปัจจุบันแล้ว สบายใจเยอะ เพราะ ตอนนี้ ขอให้มีลูกที่แข็งแรง สมบูรณ์ ก็พอ เรื่องแนวทางการสร้างเสริมทักษะการใช้ชีวิตให้ลูกนั้น ผม กับ แฟน คงต้องทะเลาะกันอีกเยอะ แต่ที่แน่ๆ เราสองอยากให้สิ่งที่ดีที่สุด กับลูก โดยที่ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ดีของเรา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดของลูกด้วย หรือ เปล่า โดยเฉพาะเด็กเล็ก ยังไงได้ผล ทางออก อย่าลืม ส่งข่าวกันบ้าง นะครับ ได้ช่วยกันแบ่งปันแนวทางเลี้ยง ลูกครับ
มานี มานะ วีระ ชูใจ
20 พฤศจิกายน, 2010 - 10:07
Permalink
มานี มานะ มาขอบคุณ
นำเรียนเพิ่มเติม
ขอบคุณมากที่สุดครับในทุกๆความเห็น ผมทราบดีครับว่า มันตอบยาก ยากมากสำหรับกระทู้นี้
ขอบคุณอย่างมากครับที่เขียนมาหยิบยาวเพื่อเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและสำคัญสุด
อันทำให้ผมรู้สึกว่า...ทางเลือกของเรามีมากมาย เป็นความมีในน้ำใจจากทุกท่าน ขณะเดียวกันก็เป็นความโชคดีของลูกสาวผมเช่นกัน ที่พ่อเค้ามาไถ่ถามกับพี่น้องชาวบ้านสวนแห่งนี้...น้ำใจไม่เคยห่างหายจริงๆ
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
จันทร์เจ้า
7 พฤศจิกายน, 2010 - 10:43
Permalink
พุทธโธ
พี่ไม่ยาวๆนะ ขอสั้นๆ (แต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ) ความคิดพี่ พี่ว่า เราจะยัดเยียดอะไร ต่างๆ มากมาย มาให้ลูก โดยคิดว่า ดีที่สุดเพื่อลูก แต่จริงๆแล้ว พี่ว่า อย่ายัดเยียดอะไรต่างๆเข้าไปเยอะๆ จะดีกว่านะ เดินทางไป-กลับ 70 กิโล ไม่ธรรมดาเลย คนโตก็เหนื่อย เด็กก็เหนื่อยนะ
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
นายปืน
7 พฤศจิกายน, 2010 - 16:17
Permalink
รักลูก
ผมเองก็มีลุกแล้ว 2 คน พอจะเข้าใจปัญหานี้เหมือนกัน แต่ผมเน้นไม่ใช่ที่การที่ลูกต้องดีเลิศอะไร เห็นลูกคนอื่นเข้าเรียนดีๆ ค่าเรียนแพง คุยกันเรื่องผลการเรียนที่แข่งขันกันเป็นสมรภูมิรบ(ทั้งๆที่เด็กบางคนยังไม่รู้สสึกตัวด้วยซ้ำ) ลูกผมเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ส่วนตัวแล้วจะเน้นให้ลูกรู้จักช่วยตัวเองให้มากที่สุด รู้จักเข้าสังคมและรักธรรมชาติ ไม่หลงกำพืดตัวเอง...จะว่าด้วยผมเองก็มีศักยภาพเพียงขั้นต่ำๆที่จะนำเสนอสิ่งที่ล้ำเลิศให้ลูกก็เป็นได้ แต่ก็...นะ อย่าทำอะไรเกินความพอดี ให้เห็นเหตุและผล ก็น่าจะดี...
เมื่อจิตสงบ...ก็จะเห็นซึ่งปัญญา
ยายอิ๊ด
7 พฤศจิกายน, 2010 - 19:00
Permalink
มานี
อยากจะให้คำปรึกษา แต่ยายอิ๊ดก็ไม่แน่ใจสิ่งที่ปฏิบัติจะดีหรือเปล่าค่ะ ยายอิ๊ดเลี้ยงลูก ธรรมดาที่สุดค่ะ ไม่ค่อยจะยี่หระกับอะไรมากมาย ทั้งโรงเรียน หรือที่เขาเห่อๆกันค่ะ แต่เน้นให้เขารู้จักตัวเองให้มากที่สุด...
ไม่มีอะไรสุขใจในการที่มีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดหรอกค่ะ..กับลูกยายอิ๊ดคิดว่ายิ่งตอนเล็กๆ อยู่ใกล้เราให้มากที่สุดเป็นดีค่ะ.....
เรื่องเรียนนะหรือ โรงเรียนไหนได้เพแหละ ไม่เคยใส่ใจเลยค่ะ เพราะการเรียนในระบบ เป็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น..ในสังคมซิ เป็นเกือบทั้งชีวิต..แต่ที่เน้นคืออยากให้เขาเป็นคนที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น....รู้จักทำมาหากิน งานอะไรก็ได้.ที่สุจริต..และสามารถเลี้ยงตัวเองๆได้ ทำแล้วมีความสุขค่ะ....
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
กระต่ายดำ
7 ธันวาคม, 2010 - 15:20
Permalink
สิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกของเรา อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ลูกสนใจ หรือสิ่งที่ลูกต้องการก็ได้ ยึดเอาความสุขของลูกเป็นที่ตั้ง (แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่พอเหมาะพอควร)
จากคนที่เพิ่งจะมีลูก
จะปลูกต้นไม้ในใจเธอ
ธารน้ำใส
7 ธันวาคม, 2010 - 16:09
Permalink
เข้าใจคนเป็นพ่อ-แม่
เข้าใจคนเป็นพ่อ-แม่ หญิงก็เป็นคนนึงที่อยากเป็นแม่ แต่ติดอยู่ที่ยังหาพ่อไม่ได้ อิอิ การเลี้ยงลูกแบบที่พ่อ-แม่เราเลี้ยงเรามาก็ดี ภูมิต้านทานสูงดี แต่ก็พัฒนาตามสภาพสังคมปัจจุบัน แต่ก็เป็นสังคมที่น่าเป็นห่วงมากๆ อันนี้ก็พูดยากเหมือนกัน ต่างคนต่างมุมมอง แต่ทุกคนก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก อยู่ที่ว่าวิธีของใครจะเป็นแบบไหน หญิงเห็นด้วยกับยายอิ๊ดที่ว่าการเรียนในระบบเป็นแค่ช่วงเวลานึงเท่านั้น แต่การอยู่ในสังคมนี่สิยาวนานตลอดชีวิตคนๆนึง
e-mail. puangpech_@hotmail.com
สร
7 ธันวาคม, 2010 - 16:21
Permalink
คุณ...มานีมานะ
บล๊อกนี้ยาวมาก ต่างคนต่างประสบการณ์ ต่างคนต่างความคิด ขอแลกเปลี่ยนสักเล็กน้อย เรื่องนี้ตอนลูกเล็ก ๆ ก็คิด ตัดสินใจ รวบรวมข้อมูลอยู่นานเหมือนกัน สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อลูก เลือกสังคมให้ลูก ตอนนี้ลูกทั้งสองเรียนอยู่ที่ รร.รัตนศึกษา(ชายเขา)อ.ทุ่งสง ระยะทาง ไปกลับ 40 กว่า กม.ผูกรถตู้เดือนละ 1,100 บาท/คน โชคดีตรงที่พี่สาวเข้าตอน ป.1 น้องชาย อ.2 พี่สาวได้ดูแลน้องชาย ตอนนี้ผ่านไป 4 ปี ทุกอย่างลงตัว หลังจากที่ต้องอุ้มจากที่นอนไปอาบน้ำเพื่อไป รร.ในความเป็น พ่อ แม่ พวกเราสามารถทำได้มากมายมหาศาลนัก...เพื่อลูก เข้าใจความรู้สึกคุณมาฯ มาก ๆ ลองคิดดูว่า...ถ้าไม่จำเป็นต้องไปจับจองที่เรียนตั้งแต่ตอนนี้...ไปตอนประถมเราจะมีโรงเรียนที่เราคาดหวังให้ลูกเรียนหรือไม่...ถ้ามีให้เขาเรียนใกล้บ้านก่อนก็ดี...อย่าลืมครูที่ดีที่สุดของลูกตอนเล็ก ๆ คือพ่อ แม่
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
lekonshore
7 ธันวาคม, 2010 - 16:30
Permalink
รักมาก ห่วงมาก ทุกข์มาก
โอ้ !อนิจจา อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ก็ทำสิ่งนั้นไป มีอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมที่จะยอมรับ ไม่โทษใคร พร้อมน้อมยอมรับ ในสิ่งที่ทำเอง คิดเองและตัดสินใจเองเพื่อ เขา
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
JaPee
2 ตุลาคม, 2012 - 13:44
Permalink
Re: เรียน..ปรึกษา
ผมขอให้ข้อคิดสักนิดครับ
1. การที่คิดว่าไปเรียนในเมืองนั้นได้เรียนที่ดีทางวิชาการ นั้นเป็นพื้นฐาน และรากฐานของการศึกษา เชียวละครับ เปรียบเช่นการสร้างบ้าน ต้องรากฐานที่แข็งแกร่ง แข็งแรง ต้องเลือกวัสดุอย่างดี ปูนก็ต้องเป็นปูนปอร์ดแลนด์ เหล็กก็ต้องใช้อย่างดี ใหญ่ ๆ จะทำให้ไม่พังง่าย ครับ
เวลาเดินทางเค้าก็หลับในรถได้ เด็ก กทม. ขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน ยืนหลับบ้าง นั่งหลับบ้าง เค้าก็ทนได้ เพียงเพื่อต้องการเรียนที่โรงเรียนมีชื่อเสียงทางวิชาการ ผมว่าเรื่องนอนไม่เต็มอิ่ม ไม่ต้องห่วงครับ ผมเคยเลี้ยงลูกเล็ก ๆ มาแล้ว 2 คน ถ้าปลอยให้นอนเด็กมันก็นอนได้ทั้งวันละครับ
2. การที่จะให้ลูกเลือกเรียนใกล้บ้าน ลูกจะไม่ลำบาก สะดวก หลับได้เต็มที วิชาที่เรียนก็สุดแต่เวรกรรม ไม่สนใจ อนาคตจะไปสอบเรียนอะไรไม่ได้ ก็อาชีวะ เทคนิค ราชภัฎ หรือไม่ต้องเรียนต่อก็ได้ เด็กนะครับ พื้นฐานไม่ดี ก็ไปต่ออะไรก็ไม่ได้
3. อย่าเป็นพ่อแม่ฆ่าฉัน รักลูกเสียจนเคยตัว กลัวโน่นกลัวนี้ ทำให้ทุกอย่าง จนลูกทำไม่เป็น ไม่รู้จักอดทน ไม่รู้จักแข่งขัน อนาคตลูกอยู่ที่พ่อแม่จะปูพื้นฐานให้ในตอนแรก ครับ ผมเชื่อว่าพ่อแม่ อยากให้ลูกเป็นนั้น เป็นนี้ เป็นหมอ เป็นนายก ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ที่มีอนาคต
ข้อเสนอแนะ
ผมขอให้ท่านตัดสินใจให้ลูกไปเรียนที่ในตัวเมือง ที่โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดดีกว่า พื้นฐานดี วิชาการดี เป็นหนทางที่จะทำให้ลูกเรียนดี และเป็นเด็กเก่งในอนาคต สำหรับการรับส่ง น่าจะให้ไปกับรถรับส่งนักเรียนที่เอกชนเข้ารับจ้าง น่าจะมี รถรับจ้างส่งนักเรียนส่วนใหญ่คนขับเค้าจะดูแลเด็กให้เป็นอย่างดี ครับ (ไม่แนะนำให้เรียนเอกชนครับ)
ประสบการณ์
ผมมีลูก 2 คน ตั้งแต่แรก 3 ขวบให้ลูกเรียน โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด ของรัฐบาล (โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นศุนย์วิชาการของโรงเรียนทั้งจังหวัดในระดับประถมศึกษา) จนจบ แล้วให้ต่อที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ของรัฐบาลเช่นกัน ปัจจุบันคนโต เรียนที่ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์ฯ ปี 4 คนเล็ก เรียนที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสถาปัตยกรรมฯ ปี 1 ทั้งคู สอบเข้าได้เอง และไม่เลือกแพทย์กับพยาบาล เพราะไม่ชอบเห็นเลือด ผมก็ไม่นิยมให้เรียนเอกชนตังแต่แรก เพราะส่วนใหญ่จะหัดให้เด็กสบายเกิน และให้เกรดเอาใจผู้ปกครอง ทั้งที่เรียนไม่ได้เรื่อง
สุดท้าย หวังว่าข้อคิดของผม คงจะมีประโยชน์ไม่มาก ก็น้อยในการช่วยตัดสินใจของท่านนะครับ
คำถามท้ายบท ทำไม เด็ก กทม. ถึงยากเข้าเรียนที่ เทพศิรินทร, สวนกุหลาบ , ราชินี, ภปร.ราชวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตฯ ถ้าตอบได้ ก็แสดงว่า เข้าใจพื้นฐานของการศึกษา แล้วครับท่าน
หน้า