ยกคำร้อง
ฝนยังคงเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย แม้นจะไม่ใช่การกระหน่ำซ้ำซัด ดั่งวสันต์เชลล์ แต่เหมันต์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะอ้อนหล้าเต็มทีและสมยอมให้ฤดูแห่งเม็ดฝนมากลืนกิน ดั่งการฮั่ว..ของฤดูกาล เสริมซ้ำให้กับพี่น้องชาวสวนยาง ที่ว่างเว้นจากรายรับอันพึ่งมีพึ่งได้มาเป็นแรมเดือน ถูกสะกดให้นิ่ง นับรอวันคืนที่ฟ้าแจ้งแปร่งแดด เหยียดยาวกายอยุ่บนที่นอนต่อไป ถึงแม้นจะมีการพักยกตกบ้าง เพื่อให้เคลื่อนกายย้ายที่ แต่เมื่อหมดเวลา ระฆังแห่งฝนฟ้าก็ตั้งหน้าตั้งตา ยืดเวลาร่ายมนต์แห่งสายน้ำฝนต่อไป อย่างไม่รู้จักเหนื่อย อย่างไม่รู้จักคำว่าพอ
แม้จะเหน็บหนาว จากความเย็นเยือกของหมอกม่านฝนปนหนาว ที่พร้อมเพียงกันเข้ามา แต่ภายในหัวใจ กลับร้อนรุ่มไปด้วยอุณหภูมิแห่งภาระค่าใช้จ่าย ที่คงเส้นคงวา เสมอต้นเสมอปลายในทุกๆหย่อมหญ่าหลังคาเรือน.... เสียงพร่ำบ่นทยอยความดังระงมแข่งเคียงกับม่านสายฝนที่ตกเท....ต่อไปและต่อไป
จากที่ บร็อค ก่อนได้ภูมิใจนำเหนอ การปลูกถั่วฝักยาวแบบอินทรีย์ไปแล้วนั้น บัดนี้ก็จะมานำเหนอความก้าวหน้าอีกขั้น เป็นความก้าวหน้าที่ผสมคราบน้ำตาของความใจหาย ความหวังดีที่กลับมาทำร้ายผักของผม จนถึงขั้นที่ต้องจำหน่ายออกจากสารบบอินทรีย์ เข้าสู่กระบวนการทางระบบ สาร(เคมี)
แยกแตกสำนวนที่เพียรทำมาเป็นแรมเดือน ถูกยกคำร้องจากขั้นตอนที่ผิดกติกา ข้อบังคับง่ายๆขั้นตน
แต่ทุกอย่างย่อมเดินทางต่อไปได้
“เริ่มต้นได้ เริ่มใหม่ได้ ไม่มีอะไรสาย และไร้คนผิด” มาดูกัน
แม่ถามผมว่า ชายใหญ่ ปลูกผักอะไรมันถึงได้ ”กราด ใบโบ๋วเบ๋โหวงเหวงอะไรปานนั้น”.
..”อินทรีย์ชีวภาพครับแม่” ผมตอบอย่างภูมิใจ พร้อมคำอธิบายขมๆลิ้นทางวิชาการจนแม่พะยักคอเหมือนจะเข้าใจ ขณะที่มือผมก็พลิกใบถั่วโบ๋งเบ๋...ไปมาเพื่อเช็คดูอาการ
ผมกลืนคำตอบและข้อห้ามอีกมากมายโดยมิได้กล่าวอะไรให้แม่ได้ฟังอีก หลังจากสิ้น อวัจนพยักของแม่นั้น
อาทิตย์ต่อมาหลังจากการเดินทางไปทำธุระ...ของผมที่กระบี่
ฝนยังคงตกทุกวันเช่นเดิม ความงดงามที่เห็น มันหมายถึงความสำเร็จขั้นต้นของเราด้วย
...อยู่เล็กๆในมุมของความภูมิใจที่ใครที่ไหนก็มิอาจรับรู้ นั่นคือ อาการของคนที่ยิ้มอยู่คนเดียว
ความงามที่โตวันโตคืน เหมือนเธอจะพยายามเอาใจคนชอบเดินทางอย่างผม กลับมามืดค่ำก็จะแวะเวียนมาทักทายเธอ ก่อนที่จะเข้าบ้าน ผมอาจจะยิ้มกว้าง แม้ใบเธอจะเปล่งปลั่งประกายมันแวววาว ดั่งอรุณแห่งสาวแรกรุ่น แต่ก็คล้ายเธอกำลังจะมีอะไรในใจ ที่มิกล้าบอกผม ท่าทางเธอเหมือนเธอจะเก็บงำความไม่สบายใจเอาไว้ และนานวันเข้าก็แบนหลบหน้ามิกล้าสบตาผม ดั่งที่เคยเป็นเช่นก่อน
เช้าวันนี้...ในขณะที่สายฝนกำลังหลั่งริน ผมขนขี้เลื่อยจากบ้านเพื่อนมากองเอาไว้ และเร่งรุดไปในโรงรถเพื่อเอากากน้ำตาล ผมเจอเพื่อนเก่าสิ่งนึงเข้า รอยยิ้มกว้างทักทายที่ปากถุง ทำให้ผมซาไปทั่วทั้งใบหน้า นานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ได้เจอกัน เหมือนจะคุ้นชิน แต่วันนี้ เค้าไม่ได้คุ้นในหัวใจของผมเหมือนเก่าอีกแล้ว แต่กลับต้องมาเจอเค้าอีกครั้งอย่างไม่เคยเอะอะใจ เหมือนแฟนเก่า(ยูเรีย)....ผู้ทรงอิทธิพลในบ้านกลับมาเยี่ยมลูกเยี่ยมแม่ ในขณะแฟนใหม่ที่เพิ่งจะจีบกัน ก็นั่งอยู่มองตาผมแป๋วแห๋ววบนแคร่กับผม เขามาทำอะไรที่นี่นะ ผมเร่งรุดออกมา เพื่อค้นหาคำตอบที่ขุ่นค้างระหว่างใจ ขอเถอะนะ อย่างให้เป็นเช่นนั้นเลย ผมภาวนา ....
ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับคำถาม เสียงฮือ...ในลำคอเบาๆพร้อมๆกับอวัจนพยัก ก็ชัดเจนพอที่สุดแล้วสำหรับผม ว่าแฟนเก่า(ปุ๋ยยูเรีย)เข้ามานั่งในบ้านได้อย่างไร...ตั้งกิโลเหลือหกขีด ใช่.....ถั่วของผมไม่บริสุทธ์แล้ว เธออายเกินกว่าจะสบตาอย่างมั่นใจกับผม แต่เธอก็จะยังอยู่กับผมต่อไป...ในฐานะผักปลอดสารพิษ
...เริ่มต้นได้ เริ่มใหม่ได้ ไม่มีอะไรสาย และไร้คนผิด....
ผมเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับบอกกับตัวเองอย่างนั้น....ในเมื่อเราเชื่อแล้วว่าสิ่งที่เราทำอยู่ มันคือสิ่งที่ดีและเป็นไปได้ ก็คงไม่มีอะไรที่จะมาเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับเรา ผมเชื่อว่า ตัวเราต่างหากคืออุปสรรคที่แท้จริง อย่าเริ่มด้วยการแปรเปลี่ยนความเชื่อ ความคิดของคนอื่น แต่ต้องเริ่มจากความเชื่อของตัวเอง ทำให้คนอื่นเห็น แล้วคนอื่นจะเชื่อเอง
เออ...จริง ผักอินทรีย์ก็ปลูกได้...
- บล็อกของ มานี มานะ วีระ ชูใจ
- อ่าน 4992 ครั้ง
ความเห็น
witlessness
1 ธันวาคม, 2010 - 10:11
Permalink
มายิ้มด้วย
มายิ้มด้วยคนนะ ผ่านไปแล้วกับหนึ่งความภาคภูมิใจ แต่หนทางยังคงอีกยาวไกล ก้าวเดินและร่วมลุ้นไปพร้อมๆกัน (2/4)
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 11:59
Permalink
จะละเมียดเดินนะครับ
ใช่ครับ...ผมจำความรู้สึกนั้นได้ดี...แม้ต่อมาจะไม่ใช่เธอคนเดิมแล้วก็ตาม...
แต่ผมจะไม่ทิ้งเธอไปไหน...เริ่มต้นใหม่อีกที..
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
lekonshore
1 ธันวาคม, 2010 - 10:17
Permalink
มานีมานะ
:cheer3: ยิ้มคนเดียว บ่อยค่ะ หัวเราะคนเดียวก็บ่อย แต่อย่าทำต่อหน้าคนอื่นๆ เขาไม่เข้าใจ
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 12:00
Permalink
ผมไม่บ่อยนะครับ
เรื่องยิ้มเนี้ย...ดุมากๆในสายตาของคนอื่น..
แต่น่ารักนะขอบอก...ในสายตาของดอกไม้...
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
สร
1 ธันวาคม, 2010 - 10:43
Permalink
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
จะรอติดตามนะค๊ะ
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 12:02
Permalink
วันนีไม่ไปโรงเรียนหรือ
เด็กน้อยน้องสร....ลุงก็ว่านั้นหละ..ต้องดุกันต่อไป..
ว่าแต่ลุกสรของลุงชอบทานผักไหมหล้า.....
ทานผักฉลาดนะ...ลุงบอก
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 11:01
Permalink
เริ่มใหม่ครับ...
บ้านเราเริ่มเขียวขึ้น...ผมก็ต้องปรับตัวตาม
คอนเชป...ของเราเป็นแบบนี้ เรื่องราวของผมก็ต้องปรับตาม
ไม่งั้นจะผิด...คอนเชปไป...อันนี้เข้าใจ..
แต่ตอนนี้...ขอตัวไปปลูกใหม่แก้ตัวใหม่แล้วกันนะครับ...:sweating:
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 12:04
Permalink
เพิ่งรู้หรือจีะ มานี มานะ
แต่ไม่ว่าหรอกครับ...พ่อสำนวน
โน้น...ไปหาเวป..นักเขียนโน้น..มาทำอะไรอยู่ที่เวปนี้จ๊ะ...นี่มันเวปบ้ายนสวน...
อะไรมานนนวะ...ไม่ทันเลย..:confused:
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
ย่าวรรณ
1 ธันวาคม, 2010 - 11:06
Permalink
มานะ
ผักกำลังงามนะ เพราะแฟนเก่าใช่ไหมเอ่ย อ่านแล้วต้องเช็ดเหงื่อเลยกลัวไม่เข้าใจ :sweating:
มานี มานะ วีระ ชูใจ
1 ธันวาคม, 2010 - 12:06
Permalink
เธอชื่อยูเรียครับ
เอามาผสมเป็นสูตรใสปาล์มที่บ้าน...
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
หน้า