ท่องป่า ประสาขาจร...

หมวดหมู่ของบล็อก: 
Keywords: 

...ระหว่างทางไปทานมื้อเช้า เห็นนักเลงกล้องกลุ่มใหญ่และฝรั่งบางส่วน กำลังแหงนมองต้นไม้พร้อมกับใช้อุปกรณ์เล็งไปทางเดียวกัน เค้าบอกมาว่าเจอนกพญาไฟที่หายาก.....แต่ระยะห่างเหลือเกิน เราเลยอด...เสร็จมื้อเช้าเราก็ตะลุยป่าหน้าแล้งกันคะ



บรรยากาศที่เจอฝูงพญาไฟ แต่เราอยู่ไกลเหลือเกิน เลยอดเชยชม



ต้องกล้องระดับนี้ถึงจะถ่ายได้ชัด ๆ ระดับยอดไม้....เราก็ได้แต่แล เพราะตัวกล้อง ขาตั้ง เลนส์ เกือบครึ่งล้านนนนมั้ง


 


ถึงจะแล้งก็ต้องใส่ถุงกันทาก....อีกอย่างก็เห็บป่า แค่ได้ยินชื่อสาว ๆ ก็หนาว แต่ก็บ่ยั่นนนนนลุยกันจนจบทริป ลุยป่าเพื่อไปชม "บังไพร" จุดซ่อนตัวของตากล้องเพื่อถ่ายภาพสัตว์ป่าคะ


 


แหงนขึ้นก็เห็นไม้สวย ต้นนี้เคยเห็นเค้าขาย พอเห็นในป่าก็ได้อีกอารมณ์   มองลงก็เห็นรอยเท้ากระทิง.....เพื่อนบอกว่ารอยเท้าแม่กะลูก ช่างชำนาญจริง ๆ



บรรยากาศริมน้ำ ระหว่างทาง จุดบังไพรอยู่ใกล้น้ำ แต่เป็นจุดที่นำไม่ลึกสัตว์ที่อยู่แต่ละฝั่งเดินข้ามไปมาได้ น่าจะจับภาพได้สวยเพราะแสงลงพอดิบพอดิ



มุมซ้ายที่มองจากบังไพร เหมือนมีปลิงพาดขอนไม้.....พอซูมใกล้ต๊กกะใจผงะกัน งูเหลือมตัวเท่าขาได้ มีแมลงปออาศัยเกาะอาบแดดด้วย เพื่อนที่รอถ่ายภาพบอกว่าเค้าเลื้อยออกมาหลังจากกลุ่มก้อยเดินกลับ ยาวร่วม ๆ 6 เมตร



การพลางตัวเป็นสิ่งสำคัญ สัตว์ป่าตาจะไม่ค่อยดี แต่จมูกไวชะมัด ....ทำอะไรก็ต้องระวังไม่งั้นจะอดได้ภาพสวย ๆ



เสร็จจากส่งเพื่อนไปรอถ่ายภาพที่บังไพร เราก็ไปแวะเวียนที่น้ำตกในหน้าแล้ง น้ำน้อยไปหน่อยไม่เป็นไร แค่เห็นรอยช้างป่าระหว่างทางก็คุ้มแล้ว...



เดินนานก็เมื่อยขบ ก็ขอพักเอาแรงก่อนลุยต่อ ถนนนี้เป็นของเรา (อีกข้อพิสูจน์ว่าป่านี้สงบมาก ๆ พวกเรานั่งแอคถ่ายรูปบนถนนได้)


 

ความเห็น

เดินป่าแบบนี้ เจอทากดูดเลือดบางหรือเปล่า กลัวมาก ๆ ๆ และแพ้ด้วย

ไปแค่หนึ่งครั้งเองคะ แปลกที่ไม่ร้องกรี๊ด ๆ แค่ให้คุณพ่อบ้านเขี่ยออกให้ไม่กล้าเขี่ยเอง เด่วมีภาพให้ชมนะคะ

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

เห็นพี่เหลือมแล้วได้นับจำนวนสมาชิกก่อนกลับมั้ยคะพี่ก้อย กลัวจะไปกับพี่เหลือม :sweating:

แฟนพี่ขาสั่นเลยน้อง เพราะกล้องอีกตัวเห็นชัดมาก ๆ เลนส์ที่ถ่ายซูมได้แค่ 200 แต่อีกคนได้ประมาณ 400 ก็อีกเท่าตัว ภาษาอีสานก็เห็นแบบคั่ก คั่ก แถมมันเป็นงูป่าอะ มีพลังยังงัยไม่รู้

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

การดูนกนี่เป็นงานอดิเรกที่ชอบน้อยที่สุดในการเดินป่า มัน...ไงดี ต้องใช้ความอดทนสูงมาก แต่ก็ไปกับเืพื่อนก๊วนดูนกเหมือนกัน คือบางทีมันเป็นสูตรสำเร็จ คนเดินป่า มักจะดูพรรณไม้ ใบไม้ กล้วยไม้ ถ่ายภาพ ดูนก ทำอาหาร รวมอยู่ในคนๆ เดียวกัน แต่จะเลิศไปทางไหนก็แล้วแต่บุคคล ดูนกต้องไปกันคนเก่งๆ นะคะ (ถ้าเราไม่เก่ง) เพราะแค่ฟังเสียงเขาจะทราบเลยว่านกอะไร เห็นแว๊บๆ นี่บอกถูกเลย ว่าตัวผู้ ตัวเมีย ลูกนก โห...เรางี้ เปิด bird guide แทบแย่

คนเที่ยวป่าบ่อยๆ เข้าขั้นติดนี่ จะคิดถึงป่าถ้าไม่ได้ไปนานๆ ไม่ทราบว่าคุณก้อยเป็นมั้ยนะคะ แต่ slowlife นี่เป็นค่ะ คิดถึง อยากไปกางเปลนอน อยากคุยกับเพื่อนๆ รอบกองไฟ ทั้งๆ ที่เวลาไปเดินเหนื่อยแทบขาดใจว่าจะถึงแคมป์ในแต่ละวัน บ่นกันพึมพำแต่พอสักพักเพื่อนชวนก็ไปอีกแล้ว เห็นภาพแล้วคิดถึงป่าจัง อีกหน่อยต้องไม่เข้า blog คุณก้อยแล้ว เข้าแล้วอิจฉาตาร้อนเดือดร้อนเงินในกระเป๋าและเพื่อนฝูง คริๆๆๆ

...ไปเที่ยวพอเป็นกระสัยแต่ต้องเช็คร่างกายเป็นหลัก ทริปนี้ไม่ต้องเตรียมตัวมาก ไม่เหมือนภูสอยดาวต้องเล่นกีฬาให้ร่างกายฟิตหน่อย ไม่งั้นคุณพ่อบ้านไม่ให้ไปด้วยเพราะเกรงจะต้องแบกขึ้นระหว่างทาง....


ปล. ว้า...จะไม่อ่านบล็อคเราจริง ๆ เหรอ

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

เชื่อ Slowlife ค่ะ ผ่านภูสอยดาวนี่ก็โอเคแล้วค่ะ เพราะมันจะมีช่วงที่ตัดกำลังใจคน ที่เราอยู่ข้างล่างแล้วมองเพื่อนขึ้นไปข้างบนลิบๆ น่ะค่ะ คนจะเดินได้ต้องมีกำลังใจดีค่ะ เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ ก้าวไปข้างหน้า สามก้าวแล้วพัก ก็ขอให้เดินค่ะ รับรองเป็นถึงที่หมาย ภูเขาสูงเท่าสูง ไม่เกินหัวเข่าเราค่ะ (สุภาษิตกระเหรี่ยงดอย)

เชียร์ให้ไปดอยหลวงเชียงดาวนะคะ ข้างบนนี่วิว 360 องศา เห็นเส้นขอบฟ้า สวยกว่าภูกระดึง ภูสอยดาว มากมาย ดอกไม้ระหว่างทางแจ่มๆ เค้ามีลูกหาบแบกของให้ค่ะ ไม่ต้องแบกเอง สบายค่ะ ออกกำลังกายนิดหน่อย ไปได้ค่ะ จะคอยดู blog ดอยหลวงเชียงดาว ครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะพิชิตดอยหลวงเชียงดาว ภูกระดึงน่ะจิ๊บๆ ค่ะ

เพื่อนที่ทำงานบรรยายเล่นเอาซะท้อเหมือนกัน น้องผุ้หญิงอีกคนกลับจากทริป เล็บขบไปหลายเดือน...ขอทำใจอีกสักพักก่อนละกันนะ

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

ว่าจะหยุดตอบแล้วนะคะ กลัว blog มันยาวไป เดี๋ยวคนอื่นเค้าว่าแล้วทำไมไม่โทร.คุยกันให้รู้แล้วรู้รอด อย่างนี้แหละค่ะ คุยเรื่องเที่ยวคุยได้นาน บันทึกไว้เผื่อใครมาอ่านเจอจะเป็นแรงบันดาลใจนะคะ

ขออนุญาติตอบกรณีเดินป่าแล้วเล็กขบ ลองไปปฏิบัติดู อาจช่วยได้
   เล็บขบนี่ส่วนมากจะเกิดในช่วงที่เราเดินลงเขาทางชันๆ คนทั่วไปมักจะเดินลงโดยวางเท้าลงตรงๆ จะทำให้นิ้วเท้ากระแทกกับพื้นของรองเท้าทีี่ใส่ วิธีการแก้ ลองดูนะคะ

  • ตัดเล็บเท้าให้สั้น แค่ะตรวจมูกเล็บให้เรียบร้อย สาวๆ ก็ประมาณไปให้ช่างทำเล็บทำให้นั่นแหละค่ะ
  • รองเท้าเดินป่า เลือกเบอร์ใหญ่กว่าปกติหนึ่งเบอร์ แล้วหารองเท้าหนาๆ อาจใช้สักสองคู่ค่ะ Slowlife ใช้รองเท้าจีนแดงในการเดินป่าเมืองไทย เพราะดอกยาง พื้นรองเท้าจะลึก และเกาะพื้นดี เรื่องรองเท้านี่แล้วแต่ถนัดนะคะ เป็นตัวเลือก พวกยี่ห้อดังๆ hitech / northface ฯลฯ นี่เอาไว้เดินป่าเมืองนอกที่ไม่ชื้น แห้งๆ จะดีกว่าค่ะ ถ้าดอกยางไม่ลึกพอ บ้านเราจะมีขี้ดินไปติดตามร่องพื้นทำให้พื้นรองเท้าไร้ดอกยางโดยสิ้นเชิง ลื่นปรื๊ดๆ ค่ะ
  • เวลาเดินลงจากป่าให้ขวางเท้าลงค่ะ เหมือนเราเดินตะแคงข้าง อย่าวางเท้าลงตรงๆ เหมือนเราเดินพื้นราบ เพื่อลดการกระแทกของเล็บ นิ้วเท้ากับหัวรองเท้า

    พร้อมแล้วลุยเลยนะคะ รอฟังข่าวกับภาพดอกเทียนนกแก้วสวยๆ  
  • Slowlife สนับสนุนให้ทุกคนออกเดินทางค่ะ

ก้อยนี่อีกหนึ่งอาชีพ ของยายอิ๊ดค่ะ แต่เกือบ 6 เดือนแล้วค่ะ ไม่ได้ขึ้นเขาเลย..

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

หน้า