คนพร้อมหรือไม่พร้อมทำได้
สิ่งหนึ่งที่มีชีวิตได้คือการกิน กินอย่างไรไม่ให้อด คนเราไม่ต้องปรับหมด แล้ววันที่ตัดสินได้คืนวันที่มีกินวันนั้นเราถึงจะเดินตามแนวได้ วันนี้เดินได้แค่ไหนเราทำไปแล้วจะรู้ว่า พอเพียง เป็นอย่างไร บางครังคนเราเองคิดไปเองว่าต้องกลับไปทำนาทำสวน บางครั้งเราลืมมอง(อนาคตของลูกเราว่าค่าใช้จ่ายมันมากนักผมมองในแบบของตัวเองที่มีครอบครัว)กลับไปในโลกใบนี้สิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือความอยู่รอด ลูกต้องเรียนทำอย่างไรแนวทางที่ถึงจะผสมไปได้ บางครั้งมันมีเหตุผลรอบด้านเราต้องเอามาวิเคราะห์เราต้องมองถึงความเป็นจร็งในสังคมด้วย วันหนึ่งผมได้บอกกลับคนรอบข้างผมจะเดินตามแนวพระราชดำริ คำที่ลอยมากลับลมจะเอาอะไรกิน (ผมโมโหมากแต่เราตอบไม่ได้เราเพิ่งเริ่ม)แต่วันนี้สามารถตอบได้ คือการทำสิ่งทำได้ทำไปปลูกได้ปลูกไปไม่ต้องซื้อซื้อบางอย่างที่ต้องซื้อก็ต้องซื้อ ทำอย่างไรที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่นมากแต่สามารถอยู่รวมกับผู้อื่นได้และแบ่งปันคนที่อยู่รอบตัวเราได้คือการแบ่งปัน การเป็นเกษตรไม่ไช่ง่ายแต่ไม่ยาก ผมยกตัวอย่าง ปลูกกินง่ายปลูกขายยาก โรคแมลงเยอะมากทำความรู้จักมันก่อนแล้วจะเข้าใจเกษตร สิ่งที่ผมเขียนไม่รู้เป็นอย่างไรผมขออภัยถ้าผมคิดผิดถ่ายทอดมาได้แค่นี้
- บล็อกของ ตามหาฝัน
- อ่าน 3663 ครั้ง
ความเห็น
james
15 ธันวาคม, 2009 - 11:19
Permalink
ความพร้อม
ผมคิดว่า หากเราศึกษาอย่างดี มีการวางแผน แล้วลงมือทำ พร้อมกับเก็บข้อมูลจากผลที่ได้ เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง การทำเกษตรก็สามารถเลี้ยงเรา เลี้ยงครอบครัวได้น่ะครับ มีปราชน์หลายท่านที่มีแนวทางที่น่าศึกษา บางเรื่องผมก็เอาประสบการณ์ของคนอื่นมาเป็นแนวทาง แล้วนำมาต่อยอดให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของตัวเอง
ผมโชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว จึงไม่ต้องตอบคำถามที่ว่า หากทำการเกษตรวิถีพอเพียง แล้วจะเอาอะไรกิน แต่ผมเชื่อมั่นว่าผมสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียผมได้ด้วยวิถีทางแห่งเกษตรพอเพียงครับ
ลองคิดเล่นๆ น่ะครับ หากต่อไปโลกเกิดขาดแคลนอาหาร คนที่ทำการเกษตรมีกินมีใช้ โดยพึ่งพิงคนอื่นน้อยที่สุด จะสบายขนาดไหน เรื่องนี้มีมูลเป็นไปได้น่ะครับ เพราะเศรษฐีน้ำมันยังมาเช่าที่ดินทำนา ส่งข้าวกลับประเทศตัวเองเลย
ผมแค่คิดเล่นๆ น่ะครับ
ขอบคุณครับ
จินตนา
15 ธันวาคม, 2009 - 12:07
Permalink
คิดด้วยคน
ดิฉันทำงานประจำมากว่า 20 ปี ในสายอาชีพที่ใครๆก็บอกว่าเป็นงานที่สร้างความเครียด งานหนัก และกดดันพอสมควร ระหว่างทางก็เจอะเจอปัญหาในการทำงานสารพัด หลายครั้งตัดสินใจออกจากงานโดยที่ยังไม่มีงานทำ อาจเป็นคนโชคดีอยู่บ้างที่ว่า ประเดี๋ยวก็มีคนกลับมาตามให้ไปทำอีกอยู่เรื่อยๆ จนดิฉันเบื่อว่าชีวิตการทำงานเป็นลูกจ้าง ถ้าเรายังมีแรงดี ทำให้เขาสุดๆ เขาก็รักเขาก็เอ็นดู แต่มองไปรอบตัว เพื่อนพี่ที่ร่วมงานบางคนเขาอายุเยอะแล้ว หมดไฟแล้วแต่ต้องทนทำ เพราะไม่มีทางเลือก
ดิฉันไม่อยากอยู่ในสภาพที่ต้องทนทำ หรือต้องทนเพราะไม่มีทางเลือก ดิฉันใช้เวลาคิดอยู่หลายปี แล้วนี่คือสิ่งที่ดิฉันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเอง
1. คิดใหม่ว่าดิฉันจะไม่ทำอะไรเพียงเพราะเงิน แต่ไร้ความสุข
2. ดิฉันค้นพบว่าดิฉันชอบต้นไม้และความเรียบง่าย
3. ดิฉันสรุปว่า ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงคือคำตอบ
4. ถึงแม้ดิฉันยังทำงานประจำในกรุงเทพ แต่ดิฉันเริ่มทำในสิ่งที่เป็นความมั่นคงส่วนตัวและครอบครัวในอนาคต
คือสร้างที่อยู่ที่กินให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไร จะอีกกี่วิกฤต จะดูไบ ยูเอส ยุโรป หรือฟองสบู่ในจีนจะแตก แต่ดิฉันมีครัวที่มีผักปลาให้เก็บกิน แค่ว่าใจเราพอ ไม่ทุกข์ร้อนกับใคร ที่มีมากกว่า ก็น่าจะเป็นสุขได้นะคะ
sothorn
15 ธันวาคม, 2009 - 12:48
Permalink
อีกความเห็น
อ่านเรื่องนี้แล้วนะครับ เดี๋ยวจะน้อยใจว่าผมยังไม่อ่าน แต่คิดว่าคงต้องตอบยาว เลยยังไม่ได้ตอบการที่มีภาระ มีครอบครัว มีลูกที่ต้องส่งเสียให้เรียน การที่จะออกมาทำเกษตรเลยนี่ทำไม่ได้แน่นอนครับ เพราะช่วงแรกที่เริ่มอาจไม่มีรายได้ หรือมีก็น้อยอยู่ การที่จะออกมาในภาวะที่มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบนี่ ต้องวางแผนดีๆ อย่างน้อยก็ต้องมีเงินเก็บ เพียงพอสำหรับตัวเอง และครอบครัว ถ้าเป็นไปได้ ทำงานประจำไปด้วย ทดลองทำสวนปูทางให้ตัวเองไปก่อน พร้อมเมื่อไรค่อยลงเต็มตัว
ผมคิดแบบของผมว่า ทำเกษตรนี่ ช่วงแรกทำให้มีกินก่อนดีที่สุด แล้วค่อยๆ ศึกษาหาลู่ทางไป เพื่อนมี สังคมมี เดี๋ยวมันก็ไปของมันเอง แต่ที่สำคัญอย่าลืมความพอเพียง
พี่น้องดา
4 มกราคม, 2010 - 19:09
Permalink
เริ่มจากน้อยไปหามากค่ะ
ในเมื่อเรามีภาระที่จะต้องรับผิดชอบ เราก็เริ่มจากปลูกน้อยๆก่อนค่ะ ทำงานประจำไปด้วย ปลูกผักไปด้วย เอาแค่พอกินก่อน แล้วค่อยขยับขยายเรื่อยๆ บางครั้งเราอาจไม่ต้องเลิกงานประจำก็ได้ ทำควบคู่กันไปเลย ดาคิดว่าคำว่าพอเพียง ไม่ได้หมายถึงต้องปลูกผัก ต้องเป็นเกษตรอย่างเดียวนะค่ะ แต่ดาคิดว่า น่าจะหมายถึงการใช้ชีวิตให้พอดี กับรายรับ รายจ่ายของแต่ละคน เพราะฉะนั้นสิ่งที่พอเพียงสำหรับเรา อาจไม่พอเพียงสำหรับอีกคนก็ได้ เราก็ต้องมาประยุกต์ใช้กันไป
ผู้มีความเพียรอย่างแรงกล้า เท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
loei
14 มกราคม, 2010 - 12:54
Permalink
อ่านแล้วเหมือนย้อนแทงใจตัวเอง
ดิฉันเคยคิดเหมือนคุณเลย ตอนแรกที่เราทำมักเจอแต่อุปสรรค์ค่ะ แต่พอเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เราต้องการแล้วมันจะมีความสุขและเรียนรู้ได้เร็ว แล้วเราจะรู้วิธีแก้ปัญหาและผ่านพ้นมันมาได้ค่ะ
พูดง่ายๆ พอเราก้าวเข้าไปสู่วิธีการเกษตรจริงๆ เราก็จะค้นพบวิธีเอาตัวรอดได้เอง เพียงแต่เราไม่ยอมแพ้เสียก่อน (ยิ่งพูดยิ่งฟังยากป่าวอะเนี่ย )
เราทำในสิ่งที่รัก มักทำได้ดีที่สุดค่ะ