ปุ๋ยหมักตื่นตัว (Rapid Compost)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

หลังจากวิกฤติการเงินของสวนจากความไม่รอบคอบ ประมาท และลงทุนเกินตัว และโง่ๆ เซ่อๆ ทำให้สวนต้องยุติการผลิตเอง ตั้งแต่ ๑มกราคม ๒๕๕๔ กว่าจะทำใจได้ก็แทบจะเหลือแต่ น้ำดี น้ำขม

ผู้มีพระคุณยิ่ง ปัจจุบันเป็นอุปนายกสมาคมนิสิตเก่าฯ กล่าวเพียงสั้นๆ แต่แฝงด้วยนัยยะว่า พี่เป็นเสาหลัก พี่เป็นอะไรไป จะทำให้ทุกๆคนลำบากครับ พี่ต้องรักษาสุขภาพ ทำใจให้สงบ เราเป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องห่วงครับ ... สำนึกในพระคุณยิ่ง

 

ก่อนจะกล่าวถึง ปุ๋ยหมักตื่นตัว ซึ่งต่อไปนี้ จะทุ่มเท ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้ พวกเรา ซึ่งเกือบทั้งหมดใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ระบบได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น ทีมงานเช่าแปลงเป็นบล็อคๆเป็นรายเดือน และรายได้จากผลผลิตทั้งหมดเป็นของทีมงาน ยกเว้น ปุ๋ยหมักตื่นตัว และมะละกอ เป็นของสวน มีทีมงานเดิม ๓ครอบครัว ทำผักปลอดภัย และมีครอบครัว เข้ามาใหม่ เพิ่มอีก ๒ครอบครัว (๑ครอบครัวเลี้ยงแมลง เสริมการปลูกผัก) ๑ครอบครัวเดิม ทำนา ป่ามัน ข้าวโพด และเลี้ยงวัว และอีก ๑คน เหมาดูแลปุ๋ยหมักตื่นตัว ทำให้เห็นชัดเจนว่า ต้นทุนเฉลี่ยต่ำ ความเสี่ยงต่ำมาก แต่ทีมผลิตต้อง ตื่นตีห้า รดน้ำ พรวนดินแปลง ถุง กระถาง แล้วไปรับจ้างเสียหญ้ามัน ตอนเย็นกลับมาทำอะไรอีก ๑ชม. แล้วเข้าบ้าน อาบน้ำ กินข้าว ....

น้ำใจ หัวใจคนชนบท จนๆ ซึ่งคนส่วนมากไม่เชื่อว่า ทำไมจะต้องอยู่ด้วยกันอีก คำพูดซื่อๆ ผม(หนู)ไม่ทิ้งสวน ไม่ทิ้งพี่ ไปไหน .. สู้ตาย (จริงๆแล้ว สู้หรือไม่สู้ก็ตายกันทั้งนั้น อายุเฉลี่ยคนไทยปัจจุบัน ๗๕ปี ) 

ทิ้งรูปไว้ และตอนต่อๆไป จะลงไปถึงวิธีการใช้ปุ๋ยหมักตื่่นตัวปลูกพืชผัก แต่ละชนิด

อาทิตย์ที่ ๑ และ ๒

อาทิตย์ที่ ๓ และ๔

อาทิตย์ที่ ๕ และ๖

อาทิตย์ที่ ๗-๘ (สุดท้าย)

ดินดีเก่า(ไม่มีปัญหาไส้เดือนฝอย) ๓ส่วน ปุ๋ยหมักตื่นตัว ๑ส่วน ใช้เป็นสูตรหลักปลูกผักทุกชนิด หลังจากที่ลองผิด ลองถูก มานานๆ ลืมคำตักเตือน มีนัยยะว่า พวกเราทำเกษตร( กะ-เศษ ไม่ใช่ กะ-ส่วน)(หมายความว่า ละเอียด รอบคอบ ไม่ประมาททุกๆขั้นตอน) พอสู้เขาได้ ไม่อายลูกๆหลานๆ ได้ทั้งระบบราก และธาตุอาหาร ค่อนข้างน่าพอใจครับ

*************************************

เนื่องจากต้องปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ทุกๆ วันพระ และวันเสาร์ คงจะไม่ได้ตอบเป็นรายๆทุกๆคำถาม เช่น แม่ครู ที่อุบล และจะพูดคุยเฉพาะ ปุ๋ยหมักตื่นตัวมากเท่าที่จะมากได้ 

*************************************

ขอให้เจริญทั้งทางโลก ทางธรรมนะครับ


ความเห็น

ที่พูดถึงทางสายกลาง เคยคิดว่า


   1.น้ำปุ๋ยที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวผัก จะเอาไปรดพืชที่ปลูกดิน เรียกว่าทางสายกลางได้รึเปล่าไมทราบ แต่ที่แน่ๆ ไม่มีตรงกลางระหว่างความดี ความชั่ว


   2.ขายตรงให้กับคนที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพ


   3.เปิดร้านอาหาร สำหรับเพิ่มมูลค่าให้กับผัก


ทั้งหมดอาจเป็นเพียงจินตนาการ หรือฝันไป เรื่องจริงคือวันนี้ได้มาอยู่ไกล้แม่ (เกิดมาจนอายุปานนี้ เพิ่งจะรู้สึกถึงการกอดแม่อย่างอบอุ่น เสียดายเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยกอดแม่)


แล้วยังมารู้จักบ้านสวนพอเพียง จนทำให้ได้รับกำลังใจ คำแนะนำ และความห่วงใย จากพี่ 2s และ สมช. บ้านสวนฯ


ด้วยจิตคารวะ


tingly


ปล. คนรุ่นใหม่ไม่ยอมเป็นเกษตกร แล้วใครจะปลูกข้าวให้เรากิน... ครับ

  1. ๑๐๐๐-๑๐๐๐๐% ก็คือ คนรุ่นเก่า ปู่ย่า ตายาย ทวด ตั้งแต่สาวๆ จนปัจฉิมวัย .... จั๋งหว้า
  2. น้ำปุ๋ยเหลือใช้จาก การปลูกจากสารละลาย นำมาใช้ประโยชน์ดี แต่ต่อให้ได้มาฟรี(รวมถึง ชุดปุ๋ยปลูกสมมุติได้ฟรี ๑๐หน่วยใหญ่) แต่ คค่าเมล็ดลูกผสม ผักเมืองหนาวละ ค่าสารละลายละ ค่าสมองออกแบบ การเพาะ-ย้าย แต่ละรุ่น เพื่อหมุนเวียนให้ครบตามที่คิดว่า ให้พอกับความต้องการของตลาดระดับพิเศษ ลงทุนมากมายต่อหน่วยพื้นที่
  3. มะละกอ มะม่วง ข้าว มัน  แม้แต่ยางพารา อ้อย ลงทุนมากๆ ดีที่สุดก็ไร่ละ หมื่นบาท นี่ละที่คนรุ่นเก่า เลี้ยงเรามา แต่ จะมีกี่คนที่จะไม่ต้องทำงานหนัก และเหนื่อยมากกับชีวิตครอบครัว
  4. ถ้าจะทำผักจริงๆ ตามฝัน ไม่ควรลงทุนเกิน ๑๐% ของโครงการทั้งหมด และเงินลงทุนเพิ่มถ้าจะมี ต้องมาจากโครงการผักเอง เพราะว่า เสี่ยงมากๆ ทำผักสองแบบร่วมกัน ก็เป็นทั้ง วิศวกร และสถาปนิก ในคนคนเดียว ไม่คิดว่า จะแก้ปัญหาถูก
  5. กราบตัก พระอรหันต์ ฟังท่าน จะรู้ว่า อะไรไปสู่ความสงบ อะไรไปสู้ความวุ่นวาย พระที่เดินธุดงค์ในป่าตอนกลางคืนต้องระวัง มีอะไรคอยสัตว์จะคอยกัดอยู่ตลอดเวลา น้องหรือใครจะทำเกษตร(ปลูกผัก รูปแบบใด ก็ตาม) ยิ่งต้องระมัดระมังอุปสรรค และปัญหาที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา
  6. ยืน มะละกอไว้ ลงทุนไร่ละไม่ถึง หมื่น (กว่าครึ่งปี) มีโอกาสสูง ตลาดเปิดกว้าง มาก แม้ราคาถูก ถ้าน้ำไม่ท่วม ไม่มีไวรัสมากๆ ยังพอมีรายได้
  7. ทำตามพระองค์ พ่อหลวงแนะนำ ถ้าน้องปลูกข้าว แม้จะไม่ได้อะไร แต่เป็นทางสายกลางได้ระดับหนึ่ง เพราะพระองค์ท่าน ตรัส ทำโครงการนา ข้าว แปรรูปไว้มาก ผักปลอดสาร ของพระองค์ท่าน เป็นเพียง ๑ใน ๕๐ส่วน ของรายได้ หรือเวลาทำโครงการ ถ้าเราทำผัก แล้วเอาผักเป็นรายได้หลัก เช่นพี่ที่ผิดหลง เดินพลาดมาที่ละเล็กน้อย (ตั้งแต่กุหลาบ ไม้ดอก)ตลอด ไม่ได้เดินตามแนวทางพระองค์ท่าน
  8. ทำตามพระองค์ท่านนะครับ ต่อให้ต้องเสียอะไรไปบ้าง แต่จิตใจแตกต่างกัน เราจะมีความพอใจ และมีความสุข มีระเบียบ ฝึกความอดทน ที่จะสานความฝันเรา ในแนวทางตามพระองค์ท่าน
  9. ปลูกมัน เสียหญ้ามัน ปลูกข้าว ดำนา ปลูกยาง เอง จะมีกี่คนในแผ่นดินทำเอง นอกจากคนยาก คนจน ที่พี่อยู่กับพวกเขา และพยายามช่วยเขามาตลอดแต่เมื่อเราเอง ก็หลง โลภ โกรธ  มีครอบครัวเอง ยากเกินไป ทวนกระแสลม ด้วยเครื่องแบกหามมากๆ ไปไม่ได้ไกล ในที่สุดก็หมดแรง  
  10. เจริญทั้งทางโลกทางธรรม ตอบแทนบุญคุณ พ่อ แม่ พาไปวัดกราบหลวงตา ทุกๆวันพระ ลืมเรื่องเกษตรอื่นๆ เป็นบุญยิ่ง กว่าได้เงินแสน เงินล้านจากปลูกผัก ทำให้ท่าน ในด้านธรรม ให้มากที่สุด เป็นกัลยาณมิตรของบิดามารดา ต่อพี่น้อง ภรรยา ลูก สร้างสังคมเมตตา กรุณา ปัญญา ละกิเลส น่าจะเป็นเป้าหมายชีวิตดีกว่านะครับ
  11. ขอให้เจริญทั้งทางโลก ทางธรรม เจริญภาวนาสม่ำเสมอนะครับ

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

ต้องทำเกษตรผสมผสาน ตามแนวทางของพระองค์ท่านใช่ไหมครับ 30-30-30-10


นับว่าเป็นวาสนาที่ได้รับคำแนะนำที่ดียิ่ง ป่านนี้คงทุ่มลงทุนจากเงินที่สะสมมา ในผักไฮโซ ทั้งหมด


จากความโลภ เห็นว่าราคาดี (ทั้งที่ยังไม่มีตลาด)


ความหลง (ในรูปรสกลิ่นสี)


จนลืมว่าทั้งหลาย ทั้งปวงล้วนเป็นภาพลวงตา ที่บดบังต้นทุนมหาศาล


มาถึงตอนนี้ ทำให้นึกถึงสมัยบวชทดแทนคุณบุพการี ในฐานะลูกซายหล้า(คนสุดท้อง) หลวงปู่สิง ท่านทักเป็นภาษาอิสาณ " มูเจ้าคือตืนเดิกแท้ " แรกๆ ไม่เข้าใจเราก็ตื่นนอนตามปกติ แต่หลวงปู่ท่านหมายถึง ตื่นจากกิเลส ต่างหาก เสียดายวาสนาทางธรรมมีน้อยนิดเพียง 20วัน ก็ต้องลาสิกขา กลับไปเรียนต่อในชั้นปี4  ตามแนวทางที่สังคมไทย กำหนด การศึกษาสิ้นสุดเมื่อเข้ารับพระราชทานปริญญา หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงกระดาษใบหนึ่งเท่านั้น ความรู้ต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า


นับจากนี้คงได้เวลาที่จะตั้งจิต มุ่งปฏิบัติธรรม


ผลิตพืชผักที่ปราศจากยาฆ่าแมลงโดยสิ้นเชิง และจะทำปุ๋ยหมักตื่นตัวให้สำเร็จให้จงได้ ...


ด้วยจิตคารวะ


tingly

ตั้งแต่ที่ มีวิกฤติชีวิต เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มีความปิติที่ เห็นคนที่ดีๆ มีสติ มีปัญญา ยินดีด้วยจริงๆ

เกษตรแนวเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ ต้องเป็นสูตร ตามที่เขียนมา พระองค์ท่านเพียงมีพระราชปรารภ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งสามด้าน(ให้เป็นการบ้าน หาศึกษาเพิ่มเติมเอง) ให้เข้ากับปัจจัยสี่ในชีวิตประจำวันของพสกนิกร ของพระองค์ท่านนะครับ

 

เพิ่งสวดมนต์เสร็จ วันพระ ขอขมา อโหสิกรรม และแผ่เมตตาให้เพื่อนเกิด แก่ เจ็บตาย ครับ

ขอให้เจริญทั้งทางโลก ทางธรรม


เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

ปลูกผัก ได้ สมบูรณ์แบบจริง ๆ  มีความรู้อยู่ แบบนี้สบาย ไปทั้งชีวิตเลย  น่าไปศึกษา ดูงานมาก ๆ เลย

ด้วยสัตย์จริง ทำตามโครงการ เศรษฐกิจพอเพียง พระองค์ท่านน่ะดีที่สุดนะครับ อ่าน ศึกษา รับฟัง และติดตามโครงการสม่ำเสมอ 

แนวทางที่พวกเราทำ ส่วนใหญ่ก็มีประโยชน์ก็ไม่มากเท่าที่ องค์พ่อหลวงได้ทรงแนะนำ แนวทางไว้

ชีวิตเกษตรกร ยากมากๆ ถ้าเดินหลงทาง จะกลับลำบากมาก อยากให้มีงานประจำ รายได้อื่นๆ ที่มั่นคง บ้าง เพราะเวลาอายุมากขึ้นจะ ได้เพียงพอ ดูแลครอบครัวครับ

แต่ถ้าจะทำเกษตร พอจะเลี้ยงครอบครัว ใช้ชีวิตพอเพียง (ถ้าไม่มีหนี้สิน) รวมกลุ่มกัน สัก ๘-๑๐คน ในหมู่บ้านนั้น ปลูก มะละกอ ถั่วพู คื่นฉ่าย มะเขือเปราะ พริกกะเหรี่ยง แต่ต้องมีใครที่มีอันจะกิน ปลูกยางพารา อ้อย มัน ข้าว และผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสม และใช้แรงงานในกลุ่ม หมุนเวียนกัน ถ้าเป็นการจ้างบ้าง และแลกเปลี่ยนกับการได้ปลูกในที่ดินของผู้มีฐานะ แต่ไม่ต้องจ้าง แลกการดูแลสวนยาง มัน ข้าว มะละกอ หรือแม้แต่มะม่วงนอกฤดู (เน้นว่า ผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเน้นต้นทุน น้อยๆ ที่สุด)

ต้องปรึกษากัน หาแนวทางประหยัด พอเพียง พอจะฝืนไปได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องติดตามข่าวสาร แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจากพระองค์ท่าน และมีความตั้งใจมั่นในการ ปฏิบัติธรรม เพราะชีวิต ครอบครัว ทางโลก การทำมาหากิน ไม่มีอะไรที่แน่นอนครับ

ขอให้เจริญทั้งทางโลกทางธรรม นะครับ 

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

แหม ไม่ได้เก่งเลยนะคะ  แบบนี้  ถล่มตัวจริงๆๆๆ เลย

#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#

รุ่น ๒๒กันยายน และ ๒๓ตุลาคม

รุ่น ปิยะมหาราช เริ่มเก็บ ประมาณ กลางเดือนมกราคม ๕๔ ปัจจุบัน( อายุ ๘๐วัน นับตั้งแต่หยอดเมล็ด

รุ่นสุดท้ายปีที่แล้ว ๑๒ธันวาคม (แถวที่ ๓ และ๔)

แบ่งเป็นรุ่นๆ ห่าง ๑-๒เดือน ตั้งแต่ เทศกาลงานงิ้ว ปีใหม่ ตรุษจีน ไปถึงสงกรานต์ ถั่วพูถ้า ไม่อายทำกิน อยู่ได้เพียงพอ ชีวิตพอเพียง และสด อร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ

บันไดเก็บถั่วพู(สีน้ำเงิน) และจัดแต่งเถา ห้อยลง

เป็นพืชผักที่ปลูกได้ดีน่าพอใจ และทำรายได้น่าพอใจ ลงทุนไม่มากนัก ประมาณ ๕๐๐๐บาท ต่องาน และปลูกในถุง หรือปลูกปกติ แต่ต้องดูแล เรื่องเพลี้ย ความชื้น จัดเถา แต่งใบ ขึ้นตาข่าย และให้ปุ๋ยหมักตลอดช่่วงเก็บเกี่ยว (เป็นถั่วที่ต้องการความชื้น และธาตุอาหารสูงกว่า ถั่วอื่นๆ โดยเฉพาะระยะ ติดดอก ติดฝัก จะต้องให้ใบเขียว สดใส รากหาอาหารได้ดี)

 

ขอให้เจริญ ทั้งทางโลก ทางธรรม

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

ดูสมบูรณ์แข็งแรง   ไต่ได้ไกล  แล้วใบล่างยังไม่เหี่ยวเลย  ที่บ้าน  นะ  ไ่ม่ค่อยไต่  แถมใบล่างเหลืองด้วย  ไม่รู้จะได้กินมั้ย  ตอนนี้โดนถั่วครกคลุมอีกต่างหาก

อากาศเปลี่ยน และช่วงติดฝักถั่วพูมากช่วงนี้ และปลูกมาตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ต้องละเอียด สุขุมมากๆ เพราะเมื่อเราไม่ได้ใช้อะไรเลย ช่วงนี้ด้วงเต่า(แมลงดีกินเพลี้ยอ่อน)เริ่มมีมากขึ้น แต่ต้องแต่งใบ และฉีดน้ำฝอยปราณีต ละเอียดมากหน่อย ถึงจะสู้กับเพลี้ยอ่อนได้

เริ่มแต่งใบ


อากาศเปลี่ยนไปมา ทำให้การดูแล ต้องใช้เวลามากเป็นพิเศษ ยิ่งในช่วงติดฝักมากๆ

จริงๆแล้ว ต้องแต่งใบหลังปีใหม่ แต่ติดงานสำคัญอื่นๆ 

เศษใบที่ถูกแต่ง ครั้งที่ ๓

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

หน้า