เราอยู่บนโลกใบเดียวกันจริงๆ
มาอ่านข่าวกัน ดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นรอบๆตัวเราบ้าง เขียนโดย กอง บก.ออนไลน์ วันพุธที่ 16 มีนาคม 2011 เวลา 16:18 น. ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมาก พากันแตกตื่น หลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าฟิลิปปินส์จะได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของสาร กัมมันตภาพรังสีในญี่ปุ่น จากข่าวโคมลอย ที่เริ่มแพร่กระจายผ่านข้อความโทรศัพท์มือถือ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ตามมาด้วยรายงานข่าวของสื่อโทรทัศน์ชื่อดัง ที่เตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พัก และปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด รวมถึงทำความสะอาดลำคอด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อปกป้องต่อมไทรอยด์จากสารกัมมันตภาพรังสี ข่าวลือดังกล่าวทำให้โรงเรียนหลายแห่งทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะในญี่ปุ่น ที่ประสบปัญหาการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี ราว 2,800 กิโลเมตร ต้องหยุดเรียนและสั่งให้เด็กนักเรียนทุกคนกลับบ้าน อย่างไรก็ดีล่าสุด กระทรวงยุติธรรมของฟิลิปปินส์ สั่งการให้หน่วยงานสอบสวนสืบสวนหรือ เอ็นบีไอ เร่งแกะรอยที่มาของข่าวโคมลอยดังกล่าวแล้ว พร้อมเตือนว่าผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องถูกดำเนินคดี .
จาก เว็บไซต์ สสส อย. ลุยตรวจสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น ที่ “สุวรรณภูมิ” ฝาก จนท.ด่านตรวจสินค้านำเข้า เช็คอาหารจาก "เกาหลี-ไต้หวัน-จีน" หวั่นได้รับผลกระทบด้วย ภัตตาคารย่านทองหล่อ-สุขุมวิท ปิดร้าน 5 วัน เหตุสั่งวัตถุดิบไม่ได้ ด้านปลัด สธ.เผยที่ประชุมวอร์รูม ภัยพิบัติญี่ปุ่น เตรียมตั้งหน่วยแพทย์ที่สุวรรณภูมิตรวจสุขภาพคนไทย วันนี้ (16 มี.ค.) นางเพียงฤทัย เสารัมณี ผู้อำนวยการกองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษ์ณ์ระหว่างการตรวจสอบสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่อาคารตรวจสอบสินค้าขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ส่วนใหญ่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นอาหารสดที่พบบ่อย คือ ผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่ มันเทศ เมลลอน อาหารทะเล เช่น ซาลมอน หอยเชลล์ หอยเม่น โดยสินค้าประเภทอาหารสด มีปริมาณการนำเข้าที่ไม่สูงนัก และมีแหล่งจำหน่ายให้กับชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศไทย และภัตตาคารเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอาหารแช่แข็งที่นำเข้าบ่อยสำหรับภัตตาคารย่านสุขุมวิท ทองหล่อ ที่ส่วนใหญ่จะมีราคาแพง ส่วนอาหารสำเร็จรูปที่พบ จะเป็นประเภทซอสปรุงรสชนิดต่างๆ ขนมญี่ปุ่นชนิดต่างๆ และนมผง ยี่ห้อซึ่งผลิตในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้นอกจากจะตรวจอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นแล้ว ด่านฯ อาจต้องพิจารณาอาหารจากประเทศใกล้เคียงด้วย เนื่องจากอาจจะได้รับผลกระทบจากสารกัมมันภาพตรังสี เช่น อาหารจากประเทศเกาหลี ไต้หวัน จีน โดยเฉพาะด้านเซี่ยงไฮ้ ซึ่งใกล้กับญี่ปุ่น ซึ่งการตรวจจะดำเนินการไปจนกว่าจะมีการรับรอง จากประเทศต้นทางว่า ได้มีการตรวจสอบสภาพแวดล้อมว่า มีความปลอดภัยหรือไม่ “การตรวจปริมาณรังสีในอาหารแต่ละชนิด จะนำส่งไปยังสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยใช้เวลาอย่างน้อยชนิดละ 3 ชั่วโมง สำหรับการตรวจหาสารกัมมันตภาพรังสี ที่ผ่านมาในกรณีโรงงานเชอร์โนบิลระเบิด ที่ประเทศรัสเซีย ก็มีการนำตัวอย่างอาหารตรวจเป็นเวลาหลายปี และพบการปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งเมื่อพบการปนเปื้อนจะทำลายด้วยการเผาทั้งล็อตของการนำเข้าครั้งนั้นๆ ทั้งนี้ สำหรับอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น นอกจากเข้าทางด่านอาหารและยา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว ยังมีการนำเข้าอาหารสำเร็จรูป ผ่านทางด่านท่าเรือคลองเตย ลาดกระบัง แหลมฉบัง แต่มีปริมาณไม่มากนัก” นางเพียงฤทัย กล่าว
เนชั่นทันข่าว 13 มีค. 2554 16:48 น. ชาวบ้านในจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่นเข้ารับการตรวจหาระดับสารกัมมันตรังสีที่อาจเข้าสู่ร่างกายหลังเหตุระเบิดที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหล ผู้อพยพในเมืองโคริยามะ จังหวัดฟุกุชิมะ ได้เข้ารับการตรวจวัดหาสารกัมมันตรังสีที่อาจเข้าสู่ร่างกายในวันนี้ หลังเกิดเหตุระเบิดที่อาคารที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข1 ภายในโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์หมายเลขหนึ่งของจังหวัด โดยผู้เข้ารับการตรวจมีตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ ขณะที่รัฐบาลพยายามควบคุมจำนวนผู้ได้รับสารกัมมันตรังสีให้น้อยที่สุด และเตือนให้ประชาชนปิดประตูหน้าต่างให้สนิท โดยขณะนี้ได้มีการจัดทำรายชื่อผู้ที่อพยพออกจากบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้า และได้จัดตั้งศูนย์ตรวจวัดระดับสารกัมมันตรังสีแก่ประชาชน ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าระดับการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีสูงถึง 1,204 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมงช่วงสั้นๆ เกินกว่าระดับปลอดภัยที่ 500 ไมโครซีเวิร์ต แต่ทางการท้องถิ่นบอกว่าระดับการรั่วไหลได้ลดลงจนต่ำกว่าระดับ 500 ไมโครซีเวิร์ตอย่างมากแล้วจนไม่น่ากระทบต่อสุขภาพประชาชน ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมสำรองไอโอดีนสำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนในละแวกใกล้เคียงโรงไฟฟ้าไว้รับประทานเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเป็นมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ อันเป็นผลมาจากการได้รับสารกัมมันตรังสี ส่วนเหตุระเบิดทำให้อาคารที่ตั้งเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 พังเสียหาย แต่คอนเทนเนอร์เหล็กที่ครอบเตาปฏิกรณ์และตัวเตาปฏิกรณ์ไม่เป็นอะไร ขณะที่มีความเสี่ยงว่าเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 อาจเกิดเหตุระเบิดเพราะก๊าซไฮโดรเจนเหมือนเตาหมายเลข 1 เพราะก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมหาศาลจะเกิดขึ้นเมื่อมีการอัดฉีดน้ำเข้าไประบายความร้อนของตัวแท่งเชื้อเพลิง และเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามระบายก๊าซไฮโดรเจนออกเพื่อลดแรงดันทำให้ก๊าซไฮโดรเจนทำปฏิกิริยากับออกซิเจนทั้งในอากาศและในน้ำหล่อเย็น เสี่ยงทำให้เกิดการระเบิดได้ |
** อ่านข่าวนี้แล้วต้องบอกว่าย่ิงยำ้เตือนว่า ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ซึ่งถูกแบ่งโดยชื่อประเทศ ภูมิภาค แต่ก็อยู่บนโลกใบเดียวกัน ฉะนั้นมีอะไรเกิดขึ้นก็จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ มีตัวอย่างเรื่องราวอื่นๆที่ผ่านมาแล้วเช่น โรคระบาด ไข้หวัดนก ภาวะโลกร้อน และล่าสุดที่ปัจจุบันมากที่สุด คือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงที่ประเทศญี่ปุ่น และที่เมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย และฮาวายสหรัฐอเมริกาที่ไม่รุนแรงมากนัก
ตอนนี้นอกจากความทุกข์ของชาวเมืองฟุกุชิมะที่ได้รับสารกัมมันตรังสืแล้ว ชาวเมืองที่เหลือก็มีความเสี่ยงสูงหากมีการระเบิดต่ออีก รวมถึงชาวโตเกียวซึ่งอยู่ใกล้มากและคาดว่าอาจมีกระแสลมพัดไปได้ ขนาดประเทศที่อยู่ไกลอย่าง เกาหลีใต้ ฟิลิบบินส์ก็วิตกกังวลว่าจะได้รับสารนี้ด้วยเลย ตัวอย่างนี้ถ้าใครที่อยู่ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก เช่น สงขลา ปัตตานี คงจำได้ว่าเมื่อเกิดไฟป่าไหม้ที่ประเทศอินโดนิเซีย บ้านเราก็ฟ้าสลัว เต็มไปด้วยควันพิษ มีคนไม่สบายเยอะแยะ แค่อากาศเป็นพิษนะคะ ไม่ใช่จากสารอันตรายนี้
ผลกระทบต่อมาก็เรื่อง อาหาร ใครจะคิดว่าอาหารอาจปนเปื้อนทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่อาจจะอยู่ในดิน และอื่นๆ ดูแล้วว่าจะกระเทือนต่อภาคธุรกิจ อาหารญี่ปุ่น ไงค่ะ สุดท้ายก็ใจคนเพราะเราคงต้องมองเรื่องแผ่นดินไหว..กรุงเทพ เชียงใหม่ และจังหวัดที่อยู่ในแนวรอยแยกของเปลือกโลก.. และสึนามิ...แน่นอนจังหวัดทั้งสองฝั่งทะเล...เป็นเรื่องใกล้ตัวไม่ใช่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว...เพราะสิ่งเหล่านี้จะเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น........
โดยส่วนตัวมีความผูกพันกับประเทศญี่ปุ่นมาก หากเปรียบเทียบกับสหรัฐ คนยังมีความเอื้ออาทรมากกว่า ทั้งคนญี่ปุ่นเองและคนไทยที่แต่งงานกับชาวญี่ปุ่น แต่อยู่ยากแน่นอนประเทศนี้ จึงรู้สึกสงสารและเสียใจอย่างมากกับคนญี่ปุ่น ในอดีตมีผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ สอง และได้รับสารฯ ยังคงมีชีวิตอยู่และได้รับการดูแลจากรัฐอย่างดีมาก แต่ตอนนี้กำลังมีเพิ่มเติมอีก ครั้งนี้ไมใช่จากสงคราม แต่จากฝีมือการแข่งขันกันในโลกสมัยใหม่ที่ต้องใช้พลังงานมากมายจนต้องสร้างโรงงานประเภทนี้ และภัยธรรมชาติ ที่ในที่สุดก็ยากที่จะควบคุมจริงๆ
- บล็อกของ boston
- อ่าน 4109 ครั้ง
ความเห็น
วิศิษฐ์
16 มีนาคม, 2011 - 20:17
Permalink
เห็นด้วย
เห็นด้วยครับ.. ทุกวันนี้ภัยธรรมชาติรุนแรงและถี่มากขึ้นทุกวันครับ..เพราะว่าทุกคนอาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกัน รับรองไม่มีใครจะหนีพ้นผลกระทบที่จะตามมา นี้แหละ "เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว" มาช่วยกันรักษาธรรมชาติไม่ให้เขาย้อนกลับมาทำร้ายพวกเรากันดีกว่าครับ....:crying2:
ดาวเรือง
17 มีนาคม, 2011 - 02:34
Permalink
มันจะสายเกินไปหรือป่าวคะ?
กลัวอ่่ะค่ะ ภัยพิบัติมันใกล้ตัวเข้ามาทุกทีๆๆ กลัวอ่ะค่ะ โลกมันจะแตกหรือป่าวเนี่ย แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป???
จะต้องกลับไปช่วยเหลือตัวเองไม่มีความสุขสบายเหมือนปัจจุบันเราจะทำอย่างไร? เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรีบเตรียมตัวเอาไว้ ว่าเราจะต้องอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆนานา
เจ้โส
16 มีนาคม, 2011 - 20:17
Permalink
ภัยธรรมชาติ
นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เป็นภัยธรรมชาติไม่รู้จะหาทางป้องกันแบบไหน เอาเป็นว่าทุก ๆ คนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ ป่าชายเลน กันไว้มาก ๆ ก็น่าจะบรรเทาได้บ้าง
garden_art1139@hotmail.com
สาวน้อย
16 มีนาคม, 2011 - 21:31
Permalink
ขอบคุณคะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆค่ะ...หากทุกคนตระหนักตอนนี้ก็ยังไม่สายที่จะช่วยป้องกันโลก
ชีวืตที่เพียงพอ..
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
16 มีนาคม, 2011 - 22:29
Permalink
น่ากลัวจัง
โลกนี้วุ่นวายหนอ
โลกนี้ขัดข้องหนอ...
Clamp
16 มีนาคม, 2011 - 22:45
Permalink
สงสารเขาค่ะ
อยากให้เค้ฟื้นตัวเร็วๆ
อยากให้ประชากรโลกเลิกทะเลาะกัน
อยากให้หันมาใส่ใจธรรมชาติมากกว่าผลประโยชน์เงินทอง
sam k.
17 มีนาคม, 2011 - 07:47
Permalink
น้องบอส
เป็นอนิจจัง อนัตตา(ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนอย่ายึดติด) เป็นของสมมุติขึ้นทั้งหมด(โลกก็คือเศษธุลีของจักวาลเท่านั้น มนุษย์เป็นเป็นเพียงแค่เศษผงละอองที่ติดบนผิวโลกแค่นี้เอง) พื้นพิภพอาจล่มสลายมาหลายครั้งแล้วก็ได้ แล้วพลิกขึ้นใหม่(จากคนที่รอดตายในยุคนั้น)พริกมาใหม่ 1-2 หมื่นปีมี1ครั้ง (ใครบันทึกได้)..ยุคเมื่อ5-6หมื่นปี เทคโนโลยีอาจยิ่งใหญ่กว่าทีเรามีอยู่ตอนนี้ก็ได้..ใครละบันทึกไว้...
Tui
17 มีนาคม, 2011 - 08:25
Permalink
พี่บอสตัน สรุป ข่าวมาให้
พี่บอสตัน สรุป ข่าวมาให้ ฟังเพลินเลยครับ เห็นข่าวก็ เศร้าใจไป ด้วย ครับ มีลง ก็ ต้อง มีขึ้น แต่กับ ภัย ธรรมชาติ นี้ ต่อ ต้านยากมากครับ
jeannie
17 มีนาคม, 2011 - 18:28
Permalink
น่าสงสารและน่าเห็นใจ
ต่อจากนี้ไป เราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ และมีน้ำใจต่อกัน นะ