มาใช้ลังโฟม ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ด้วยตัวเอง
ลังโฟมที่พร้อมใช้เป็นชุดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
การปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ มีหลายระบบ เช่น
-ระบบ DFT
-ระบบ NFT ตามที่เสนอในวันนี้
-ระบบเติมอากาศ ผมเคยเสนอในกะทู้ เรื่อง Hydroponics(ไฮโดรโปนิกส์) ปลูกผักในน้ำแบบง่ายๆ ไว้กินเอง เปิดดูที่ http://www.bansuanporpeang.com/node/2251
ฯลฯ
ไฮโดรโปนิกส์ทุกระบบมีหลักสำคัญเหมือนกัน คือ รากแช่ในน้ำ ที่มีแร่ธาตุครบตลอดเวลา และมีก๊าซออกซิเจนเพียงพอให้รากหายใจ โดยใช้ปุ๋ย สูตร A และ สูตร B
เรามาทำ”ลังโฟมเป็นชุดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ระบบ NFT” ด้วยตัวเองกันนะครับ
ลงทุนไม่มาก ทำง่ายๆ สามารถปลูกผักปลอดภัยจากสารเคมี ไว้กิน ทำตามขั้นตอน จากภาพต่อไปนี้
เจาะรู ที่ฝาลังโฟม ขนาดรูพอใส่ถ้วยปลูก(ถ้วยสีเขียว) ลงไปได้ ระยะห่างกัน 6-10 ซม
ส่วนวิธีการเพาะกล้า การอนุบาล การเติมปุ๋ย การดูแลรักษา เหมือนกับ ในกะทู้
Hydroponics(ไฮโดรโปนิกส์) ปลูกผักในน้ำแบบง่ายๆ ไว้กินเอง เปิดดูที่ http://www.bansuanporpeang.com/node/2251
หรือเหมือนกับหัวข้อที่คนอื่นๆ ที่มีการแนะนำกันมาแล้ว
- บล็อกของ นายบุญลือ
- อ่าน 97453 ครั้ง
ความเห็น
ดาวเรือง
30 มีนาคม, 2011 - 15:04
Permalink
อยากให้อจ.บุญลือออกมาอธิบายอีกนิดนึงค่ะ......
น้ำที่ใช้หมุนวนใส่ไว้ตรงไหนคะ แล้วรากพืชอยู่ตรงไหน? ถ้าอยู่บนแผ่นพลาสติกดำ น้ำที่นั่นแค่พ่นอากาศเข้าไปหรือคะ?
เคยทำแต่ใช้ระบบน้ำไหลวนค่ะ เลยงงเล็กน้อย อย่างที่คุณสายพินว่าถ้าน้ำท่วม การปลูกผักแบบนี้ก็เป็นอีกทางเลือกนึง และที่ป้าจี๊ดบอกว่าผักบางชนิดก็ปลูกกับดินไม่ขึ้น ใช้วิธีนี้ปลูกได้ผลดีกว่า (เคยลองมาแล้ว)
อยากทราบว่ายาหรือวิตามินที่พวกเราทานกันนั้นมาจากห้องทดลองสังเคราะห์หรือไม่? ถ้าคุณเป็นโรคขาดวิตะมินบีคุณจะทำอย่างไร? กินข้าวซ้อมมือเป็นกระสอบกว่าจะดีขึ้น อันนี้ได้มากับตัวเองเลยว่าต้องไปหาวิตามินเม็ดๆมากินช่วย แถมฉีดวิตามินบีรวมอีกเดือนละเข็ม อาหารก็พยายามกินทุกอย่างที่มีประโยชน์แต่มันไม่ทันกันเนื่องจากยาบางชนิดที่ร่างกายต้องใช้ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี คุณก็ต้องกินสารสังเคราะห์ไปช่วยในเมื่อธรรมชาติสร้างให้ไม่ทัน
สารที่อยู่ในปุ๋ยสูตรเอและบีก็เป็นสารสำคัญที่พืชต้องการ ไม่ได้เป็นยาปฏิชีวนะเสียหน่อย หรือว่าเป็นสารเคมีกำจัดแมลงก็ไม่ใช่? เรื่องนี้ยังไม่อยากฟันธงลงไปว่าการใช้ปุ๋ยน้ำจะมีอตร.ต่อมนุษย์ที่กินพืชนั้นได้ ต้องขอรอดู รอฟังการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้กระจ่างอีกทีนึงจึงจะปักใจเชื่อนะคะ
นายบุญลือ
30 มีนาคม, 2011 - 16:14
Permalink
น้ำอยู่ในลังโฟมครับ คุณดาวเรือง
1. ปัมป์แช่ในลังโฟม ดูดน้ำขึ้นมาไหลผ่านพื้นที่ปูพลาสติก รากพืชก้ดูดไปใช้ แล้วน้ำไหลกลับลงลังโฟมตามเดิม นี่ก็เป็นการหมุนเวียนของน้ำ เหมือนกับการปลูกโดยใช้รางพลาสติกสีขาว ทำให้น้ำมีออกซิเจนพอเพียงแล้วครับ
2. ผักที่เราปลูก เช่น ผักสลัด ไม่ว่าจะปลูกในดิน หรือ ในน้ำ ก็มีวิตามินกลุ่มเดียวกัน ส่วนใหญ่ ผักสีเขียว มีวิตามินเอ ซึ่งผักจะสังเคราะห์ขึ้นมาเอง เราไม่ได้ใส่วิตามินลงในน้ำ
การกินผัก ไม่ได้วิตามินบีครับ ต้องกินอย่างอาหารอย่างอื่น
วิตามินที่เราซื้อมากิน ไม่ว่าเป็นเม็ด หรือน้ำ ที่หมอสั่งยาให้ หรือไปซื้อตามร้านขายยา เป็นสารสังเคราะห์ทั้งสิ้น
3. สารที่อยู่ในปุ๋ย A และ B คือแร่ธาตุที่พืชใช้ในการเจริญเติบโต เราใส่ลงไป 14 ธาตุ ปกติการปลูกพืชดิน ในดินดีๆทั้งหลาย ก็มีแร่ธาตุ 14 ตัวที่ว่านี้อยู่แล้ว ตามธรรมชาติ พอปลูกไปหลายครั้ง แร่ธาตุหมด เราก็ใส่ปุ๋ย ซึ่งก็มีธาตุ ทั้ง 14 ตัวนี้เช่นกัน อาจเป็นปุ๋ยเคมีซึ่งได้จากการสังเคราะห์ในห้องแล๊ป หรือปุ๋ยอินทรีย์ จากปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก
ฉะนั้น ผักไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่ผักปลอดสารเคมี เราใช้สารเคมีในการปลูก แต่เป็นสารเคมีที่พืชต้องการในการเจริญเติบโต ซึ่งไม่ใช่สารพิษ ผมจึงใช้คำว่า ผักที่ปลอดภัยจากสารเคมี ไม่ว่าไฮโดรโปนิกส์ หรือ ผักดิน ก็ไม่มีผักประเภทใดดีที่สุด ขึ้นกับคุณธรรมของผู้ผลิต
ทั้งหมดเป็นข้อมูลจริงๆ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ก็พิจารณาเอาเอง
***อย่าลืม ผักอินทรีย์ ผักปลอดสารเคมี ผักปลอดสารพิษ ที่มีขายในตลาดบ้านเรา มีทั้งจริง ทั้งปลอม ฉะนั้นสิ่งสำคัญต้องเลือกให้เป็น พิจารณาให้ดี อย่าเชื่อแต่คำโฆษณา หรือเขาว่า****
ดาวเรือง
30 มีนาคม, 2011 - 19:23
Permalink
จุ๋มเห็นด้วยกับอจ.ค่ะ.....
เราเป็นผู้เลือกเองว่าอย่างไหนดีกับตัวเรา แต่ที่อจ.เขียนมาเป็นทางเลือกนึงเท่านั้น ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมกับเราก็ไม่ต้องทำ แต่ถ้าคิดว่าเหมาะกับความต้องการของเราก็ทำใช่ไหมคะ?
คนเรามีความคิดแตกต่างกันได้แต่ไม่ใช่เอาความคิดที่แตกต่างมาทำให้เราอยู่ร่วมกันไม่ได้จริงไหมคะ? จุ๋มเชื่อว่าทุกคนมีพิจารณญานสามารถวิเคราะห์อะไรได้เอง เหรียญยังมี 2 ด้านเลยค่ะ คนเราก็ไม่ควรมองอะไรด้านเดียวอยู่แล้ว พูดอย่างนี้ถูกหรือไม่คะ?
นายบุญลือ
30 มีนาคม, 2011 - 16:57
Permalink
ทุกกะทู ้ ทุกบล็อก ที่เขียน เพื่อให้ความรู้แก่สมากชิก
ผู้ใหญ่ครับ
ทุกเรื่องที่ผมเขียน ลองดูให้ดี ผมจะแนะนำให้ผู้อ่านช่วยเหลือตัวเอง แนะนำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ และแนะนำอันตรายเกี่ยวกับอาหารการกินเพื่อสุขภาพที่ดี
ส่วนเรื่องไฮโดรโปนิกส์ ผมก็แนะนำวิธีการทำ แบบช่วยเหลือตัวเอง ไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างพ่อค้า ตามที่จริงแล้ว ผมเคยทดลองปลูกแตงกวาแบบไฮโดรโปนิกส์ ด้วยน้ำขี้ไก่ไดผลมาแล้ว โดยใช้น้ำขี้ไก่แทน ปุ๋ย A และ B แต่วิธีการยุ่งยาก แล้วเวลาผมให้การอบรมเรื่องนี้ ผมก็พูดเสมอว่า ไฮโดรโปนิกส์ ไม่ปลอดสารเคมี ใช้สารเคมีโดยตรง การเขียนเรื่องนี้ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านธุรกิจเลย ดังนั้นถ้าเรื่องนี้ขัดกับแนวทางของเว้ป ผมก็ขออภัยด้วย เพราะผมไม่ทราบจริงๆ
ผมขอร้องผู้ใหญ่ อย่าตำหนิสมาชิกที่สนใจเรื่องนี้ว่า ไม่ไมน่าจะอยู่บนเวทีเลย เพราะเขาก็ไม่ทราบเช่นเดียวกับผม และกรุณาอย่าลบกะทู้นี้ออก ขอเพียงให้ล็อกกะทู้ไว้ ไม่ให้มีการถามการตอบต่อไปอีก ให้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ จะได้ไหมครับ
ขอขอบคุณวงหน้า เรื่องเกี่ยวกับไฮโดรโปนิกส์ ผมก็จะยุติเพียงเท่านี้
sothorn
30 มีนาคม, 2011 - 19:18
Permalink
ขอบคุณ อ.บุญลือ
ก่อนอื่นก็ขอบคุณ อ.บุญลือนะครับ ก็ขอเรียนว่าไม่ลบครับ ถ้าผมลบผมลบตั้งแต่แรกแล้วครับ ผมทราบดีครับว่าอาจารย์ตั้งใจดีไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจอะไร หลายๆ เรื่องที่อาจารย์เขียนก็เป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อสมาชิกก็ต้องขอขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้
ส่วนที่บอกว่าไม่น่าจะมาอยู่บเวทีนี้ ความหมายของผมคือไม่น่าจะมาคุยกันตรงนี้ หากใครสนใจจริงๆ ก็ควรไปศึกษาเรื่องนี้จากที่อื่น อีกอย่างผมไม่ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับสารเคมีไปเสียทั้งหมด แค่มองว่าไฮโดรโปนิกส์มันพึ่งเคมีมากเกินไป คือประมาณว่า บ้านสวนพอเพียงที่ส่งเสริมเรื่อง ผักข้างบ้าน อาหารข้างรั้ว ครอบครัวพอเพียง หลีกเลี่ยงสารเคมี แล้วทำไมยังมาคุยเรื่องผักไฮโดรโปนิกส์ ผมแคร์เรื่องนี้มากครับ
ถ้าหากข้อความใดที่ผมอาจจะเขียนรุนแรงไป ก็ต้องขอโทษ อ. บุญลือ และสมาชิกทุกท่านครับ อย่างไรแล้วผมต้องรักษาหลักและแนวทางนี้ไว้ครับ ไม่อย่างนั้น ความเป็นบ้านสวนพอเพียงมันจะไม่เหลืออยู่
สายพิน
30 มีนาคม, 2011 - 17:20
Permalink
ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสารเ
ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสารเอหรือสารบีที่ใช้ในการปลูกผักไฮโรโปนิคส์น่ะค่ะ แต่สนใจเรื่องเหล่านี้ ได้ทราบข้อมูลผู้ใหญ่ฯในบล็อกนี้แล้วเรียนว่าชื่นชมอย่างมากค่ะ กับข้อมูลที่ผู้ใหญ่ฯมีความตั้งใจและพยายาม ดีใจค่ะ ว่าสมช.บ้านสวนฯทุกท่านได้เข้ามาช่วยกันเลือกสิ่งดีๆ เคยคิดว่าจะทำเหมือนกันนะคะ แต่ติดด้วยว่าสารเอสารบีมีราคาแพงอยู่เกินกว่าที่จะซื้อมาใช้ได้...ยังเคยคิดเรื่องการนำน้ำหมักชีวภาพมาทดลองทำไฮโดรไปนิกส์ แต่เนื่องด้วยว่าส่วนตัวเองรู้น้อยมากๆ หากว่าสามารถใช้หลักการของไฮโดรโปนิกส์ผนวกเข้ากับน้ำหมักจุลินทรีย์หรือน้ำหมักชีวภาพแล้วจะมีส่วนช่วยให้การปลูกผักด้วยวิธีการนี้เป็นไปได้หรือไม่ค่ะ ...ถามด้วยความรู้น้อยจริงๆค่ะ ไม่เคยเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ...แต่มีความหวังว่า หากนำมาประยุกต์ใช้หลักการ ปรับวิธีการและสารที่ว่านี้ จะช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถปลูกผักโดยวิธีธรรมชาติ มีทางเลือกเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ (หากจำไม่ผิด เคยได้เห็นเว็บที่นักเรียนปลูกไฮโดรโปนิกส์จากน้ำหมักชีวภาพด้วยค่ะ แต่ว่าไม่ได้ติดตามต่อว่าผลเป็นอย่างไร)
ต้องขออภัยทุกๆท่านด้วยนะคะ หากว่าความคิดเห็นนี้ดูว่าจะไม่เหมาะสม แต่อยากเรียนว่าขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ กับทุกความเห็นของ สมช.บ้านสวนฯในเรื่องนี้ ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วย ขอขอบคุณอาจารย์บุญลือที่นำวิธีการมาแบ่งปันในแต่ละบล็อก ที่ขาดไม่ได้ต้องขอขอบคุณมากๆเป็นอย่างยิ่งเลยคือผู้ใหญ่ฯ คุณโสทร ที่คอยปฏิบัติหน้าที่อย่างตั้งใจเพื่อให้บ้านสวนฯแห่งนี้ดำเนินไปได้อย่างเข้มแข็งในอุดมการณ์ ขอขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคะ
คนยอง
30 มีนาคม, 2011 - 17:30
Permalink
พี่สายพิน
ผมคิดเหมื่อนพี่...
แต่เขียนออกมาไม่ดีเท่านี้
ขอเกาะหน่อยนะครับ
ยุพิน เทลเก็น
30 มีนาคม, 2011 - 17:57
Permalink
ผักสารเคมี
เห็นด้วยค่ะเรื่องผักปลอดสารเคมี เพราะดูตัวอย่างใกล้ตัวพ่อจะไม่ค่อยกินผักที่ซื้อมาจากตลาด พ่อจะหาผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ(จากป่า)เช่่น ผักสาบ อีตุ๊ด จั่น ใบมะตูม ถ้าปลูกเองก็จะไม่ใช้สารเคมี บางทีเวลากลับบ้านจะชอบขึ้นไปเที่ยวดอยมูเซอร์ผักเขียวสดน่ากินมาก ก็ซื้อมา วันรุ่งขึ้นขณะที่ผักยังเขียวแต่เน่าแล้วไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรไปบ้าง เราซื้อมา แต่พ่อเอาไปโยนทิ้ง พ่อบอกว่าอยากกินผักกินผักที่ปลูกเองหรือหาตามป่ากินเองดีกว่า ตอนนี้พ่ออายุ 80 แล้วสุขภาพยังแข็งแรง ลองไปขี่มอเตอร์ไซด์แข่งกับพ่อสิ แพ้พ่อทุกทีเลย
แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง
ทดสอบ
เปี๊ยก
30 มีนาคม, 2011 - 18:47
Permalink
ขอบคุณผู้ใหญ่
ขอบคุณผู้ใหญ่นะครับ ที่เตือนสติให้ สมช.ได้ระรึกถึงอุดมการณ์ของการก่อตั้งเวปแห่งนี้ แต่ขอให้ผู้ใหญ่ได้เปิดกว้างบ้างนะครับเพื่อที่ สมช.บางท่านจะได้เปิดหูเปิดตารับรู้ข้อมูลด้านอื่นบ้างเพื่อประดับความรู้ ขอขอบคุณที่ช่วยเตือนสติอีกครั้ง
หน้า