แรงบันดาลใจที่จะเป็นเกษตรกร (1)
ตอบคำถามจากเรืองนี้นะครับ สอบถามแรงบันดาลใจที่เลือกจะเป็น เกษตรกร ค่ะ ตอบเสียยาวเลยเขียนเป็นบันทึกใหม่ดีกว่า
ย้อนอดีตหน่อยก็แล้วกันนะครับ ผมเองจบศึกษาศาสตร์ เทคโนลียีการศึกษา พูดง่ายๆ ก็คือครูห้องโสต ตอนอ็นสะท้าน ก็เลือกเป็นอันดับ 1 เนื่องจากรู้มาว่าวิชาเอกนี้เขามีเรียนถ่ายภาพ แต่เรียนไปเรียนมารู้ว่าตัวเองถ่ายภาพไม่ได้เรื่องทฤษฎีอย่างเดียวไม่ได้มันต้องพรสวรรค์ด้วย แต่ด้วยการเรียนตอนนั้นทำให้ผมรู้จักกับเจ้าคอมพิวเตอร์ และบอกได้คำเดียวว่าทั้งรักทั้งหลงคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก ว่างไม่ได้ก็จะขลุกอยู่แต่คอมพิวเตอร์ แล้วก็ยังหาวิชาเลือกคอมพิวเตอร์มาเรียนเพิ่มอีก
จนกระทั่งเรียนจบก็มีหน่วยงานรับผมเข้าทำงานเลย โดยที่ไม่ต้องหางานทำ ทำงานไปสักพักก็มีคนชวนไปทำงานอีกที่หนึ่ง ทำไปอีกพักก็ถูกชวนไปอีกที่หนึ่ง อ่านในประวัติผมเอาก็แล้วกันนะครับ ช่วงแรกชีวิตการทำงานผมลุยเต็มที่ห้องพักมีไว้อาบน้ำ ปูเสื่อนอนที่ทำงาน เช้ากลับไปอาบน้ำกลับมาทำงานต่อ เป็นอย่างนี้ประจำ ช่วงหลังของการทำงานก็ทำงานประเภทสว่างคาตา 2 คืนซ้อนก็มี เอาเป็นว่าชีวิตทุ่มเทให้กับงานมาก ผลจากการทุ่มเทการทำงานและขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ ก็ทำให้ผมมีรางวัลแห่งความภูมิใจในชีวิตนั่นก็คือการสอบใบประกาศ RHCT และ RHCE ได้ พี่ๆ น้องๆ ไม่เข้าใจไม่เป็นไรครับว่ามันคืออะไร คนวงการคอมพิวเตอร์เขารู้กัน คนอื่นอาจจะคาดหวังปริญญาโท ปริญญาเอก แต่ชีวิตผมตั้งเป้าไว้แค่นี้แหละ เมื่อได้ใบประกาศใบนี้มาแล้ว ต่อมาก็ลงแข่งระบบปฏิบัติการลีนุกซ์แห่งประเทศไทย ผลคือได้ที่ 3 ในปีนั้น จากคนลงแข่ง 600-700 คน ก็รู้สึกว่าพอแล้ว ไม่ได้เรียนจบคอมพิวเตอร์มา แต่ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นความภูมิใจในชีวิตแล้ว
ชีวิตการทำงานก่อนลาออก ปัญหาเพื่อนร่วมงาน และเจ้าของบริษัทน่าจะเป็นปัญหาหลัก หรือปัญหาอาจมาจากตัวผมก็ไม่แน่ ผมไม่ชอบการประจบสอพลอ (สตรอเบอรี่) ไม่จริงใจ ใส่หน้ากากเข้าหากัน อีกอย่างการของบประมาณแผ่นดินมาใช้อย่างถูกต้อง แต่ดูแล้วเหมือนไม่ค่อยสวยหรูนัก ขอไม่ร่วมการทำบาปด้วยการมีส่วนร่วมกับงบประมาณแผ่นดินดีกว่า ลาออกเป็นวิธีการที่ดีที่สุดปัญหาหลายๆ อย่างประเดประดังเข้ามา จนต้องตัดสินใจลาออกในที่สุด ทิ้งเงินเดือนสองหมื่นนิดๆ โดยตั้งความหวังว่าจะต้องมีกิจการของตัวเองให้ได้ แต่ต้องไม่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไปที่หวังแต่ผลกำไร มีทางเดียวคิดว่าทำได้นั่นก็คือเกษตรกร และเป็นการเกษตรแบบพอเพียงด้วย
เหตุผลประกอบการตัดสินใจในการลาออกอีกอย่างคือ พ่อ-แม่ ที่บ้านพ่อแม่อยู่กัน 2 คน พี่สาวแยกครอบครัวไปแล้ว ถ้าผมจะกลับมาอยู่บ้านตอนที่พ่อแม่หยอดข้าวต้ม หรือให้อาหารทางสายยางนี่อย่ากลับมาดีกว่า นี่คือสิ่งที่ผมคิดอยู่ตลอด ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่เลย มิหนำซ้ำยังบางครั้งยังขอเงินพ่อแม่อีก ซึ่งผมคิดว่าทำไมพ่อแม่กรีดยาง มีเงินเก็บพอสมควร ผมทำงานเงินเดือนสองหมื่นกว่าทำไมไม่เหลือเลย นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อยากเป็นเกษตรกร
ค่อยต่อตอน 2 นะครับ
- บล็อกของ sothorn
- อ่าน 8943 ครั้ง
ความเห็น
ยายอิ๊ด
23 เมษายน, 2010 - 21:19
Permalink
อาชีพหลัก
ยายอิ๊ด ไม่เคยคิดว่า งานราชการ หรือ งานองค์กรต่างๆที่เคยทำ เป็นอาชีพหลักเลย....จำได้ว่าจบออกมา พ่อก็พาไปหาที่ ไปเลย พ่อบอกว่าสร้างไว้ก่อน แล้วค่อยไปหางานทำ.... พ่อบอกว่า ต่อไปดินคือทองค่ะ นี่หละสบายใจสุดแล้ว หละ..ไม่ปวดหัว ไม่ต้องแอ๊บ....
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
sothorn
23 เมษายน, 2010 - 21:30
Permalink
ไม่ปวดหัว
ใช่แล้วยาย ไม่ปวดหัว ไม่เครียดบายใจดี ปัญหามีบ้างแต่รู้สึกว่ามันคลี่คลายได้ดี ถ้าไม่เครียด
เหงื่อท่วมตัวทุกวัน แต่มันก็แลกกับความบายใจ
น้อย สวนบุรีรมย์
23 เมษายน, 2010 - 21:52
Permalink
เก่งมากครับ
ได้ใบประกาศของ red hat มา ถ้าวัยรุ่นเขาก็เรียกว่าขั้นเทพ
ความจริงแล้วเงินออมไม่ได้ขึ้นกับรายได้เลย ข้อนี้รู้ซึ้งมาเอง สมัยวัยรุ่นก่อนรับราชการ เงินเดือนมากแต่ผมก็ไม่มีเหลือ ผมโชคดีที่งานราชการที่ทำอยู่ไม่มีเรื่องใต้โต๊ะ หรือเรื่องเงินทองให้ลำบากใจ แต่ก็อยู่ห่างบ้านไปหน่อยคิดว่าน่าจะรอเกษียณไม่ไหวเหมือนกัน
อยู่กับความสบายใจดีที่สุดแล้วครับ บางคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทั้งเครียด ทั้งกินอาหารขยะ (ข้าวขัดขาว หรือมีการแปรรูปหลายขั้นตอน ผสมสารปรุงแต่ง สารกันบูด) รายได้ที่หามาได้ส่งผ่านไปให้หมอหมด
สวนเกษตรบุรีรมย์การเกษตรแบบเสาร์เว้นเสาร์ เน้นที่เราปลูกเองกินเอง
บริการจัดทำและดูแลเว็บไซต์ ถูก ดี มีประสิทธิภาพ
sothorn
23 เมษายน, 2010 - 22:16
Permalink
อยู่กับความสบายใจ
อยู่กับความสบายใจ ใช่ครับพี่ ความสบายใจต่างกันมาก สุขภาพก็ดี
เมื่อก่อนไม่สบายบ่อยมากกินยาเป็นอาหารหลัก น่าจะมาจากความเครียด
ดวงหทัย
23 เมษายน, 2010 - 22:23
Permalink
สนับสนุนผู้ใหญ่เรื่องสุขภาพดี
สนับสนุนผู้ใหญ่เรื่องสุขภาพดี ตอนทำงานประจำดวงเจ็บคอเพราะทอนซิลอักเสบตลอด แต่พอมาเป็นชาวไร่มันดีขึ้นค่ะ ถึงจะไม่หายไปเลยแต่ถือว่าเป็นประโยชน์ข้อหนึ่งจากเป็นชาวไร่
ann
23 เมษายน, 2010 - 23:01
Permalink
สุขภาพ
เรื่องสุขภาพ สำคัญมากค่ะ เห็นด้วยกับคุณดวง บางครั้งคนอื่นไม่ได้ทำร้าย..แต่เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง ที่แอนทำมาแล้ว...
แอนเป็นโรคภูมิแพ้ อยู่กรุงเทพฯ แล้วใหญ่ จมูกจะเร็วกับฝุ่นและความชื้น (สัมผัสที่เท่าไหรก็ไม่รู้) ตอนทำงานก็แพ้แอร์ (ถ้าแอร์เย็นมาก ๆ) จามตลอด...จนปวดท้อง...ถ้ามากกว่านี้ในท้องคงปั่นป่วน...
หมอก็ให้กินยา... แต่หมอบอกว่ากินมากไม่ดีกับหัวใจ...เลยต้องหยุด
ทุกวันนี้...สูดอากาศได้เต็มปอดไม่ไอ ไม่จาม...นอกจากอากาศจะเปลี่ยนกะทันหัน...
....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
KASETMCOT
23 เมษายน, 2010 - 22:03
Permalink
ทำงานไม่ตรงตามที่เรียนมา
คุณโสทรครับบ้างครั้งคนเราทำงานไม่ได้ตรงตามสายงานที่เรียนมาหรอกครับ อย่างผมเรียนจบสถาบันเทคโนโลยี่การเกษตรมา แต่ต้องมาทำงานด้านสื่อสารมวลชนคนละเรื่องกันเลย สุดท้ายต้องมาเริ่มต้นเรียนด้านสื่อสารมวลชนใหม่หลายปีเหมือนกันกว่าจะจบเพราะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
sothorn
23 เมษายน, 2010 - 22:19
Permalink
ไม่ตรงสายงาน
ทำงานไม่ตรงสายงานที่เรียนมา ก็ไม่ได้เสียใจอะไรกับตรงนั้นครับ
ก็ภูมิใจกับงานที่ไม่ได้เรียนมาเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ทำสวนภูมิใจสุดๆ ครับ
pakdee809
23 เมษายน, 2010 - 22:07
Permalink
ทุกคนย่อมมี วิถีของตัวเอง
ทุกคนย่อมมี วิถีของตัวเอง แม่น บ่ พี่โส
sothorn
23 เมษายน, 2010 - 22:26
Permalink
Converse
ครับพี่ ทางใครทางมัน
ต่างคนต่างเรียกพี่ คนอื่นจะงงมั๊ยเนี่ย :)
หน้า