ภาพรวมๆ ของไร่
เสาร์ - อาทิตย์ ทีก็ได้กลับไปลุยที ก็เลยเก็บภาพรวมๆ ของการตั้งต้นชีวิตเกษตรกรมาฝาก
ภาพแรกเป็นบรรยากาศกว้าง ๆ ที่ตั้งอยู่ มีแต่ไร่อ้อยเป็นเพื่อนล้อมรอบ กับขอบฟ้าไกลๆ เป็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสัก ไกลลิบเป็นภูเขา
ภายในไร่มีต้นตาลคู่เป็นสัญลักษณ์ ไม่เคยเห็นโตขึ้นเลย ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กก็เท่านี้ จนตอนนี้เกือบถึงหลัก 5 แล้วก็ยังเหมือนเดิม
ส่วนอันนี้เป็นผลจากความพยายามเปลี่ยนแปลงจากไร่อ้อย ที่สวย ได้เงินบ้างจากค่าเช่า แต่สภาพที่ดินทรุดโทรม มาเป็นแปลงต้นสักขนาดพกพา
และอันนี้ กะว่าจะให้เป็นผู้นำ แต่สภาพท่าทางจะย่ำแย่ ผู้นำของเราต้องทำสงครามกับเจ้าตัวหนอน โดยไม่ให้ตัวช่วยมากนัก อยู่ในระหว่างการหาวิธีการใดที่จะทำให้ไร่นี้ปลอดสารพิษ แต่ยังต้องปล่อยให้ผู้นำเป็นทัพหน้าลุยก่อน
ต้นนี้น่าสงสารที่สุด เหลือไม่ถึง 10 ใบ จะรอดไม๊เนี่ย
น้ำฟรีไหลมาจากบ่อ ไม่แห้งแม้จะเป็นหน้าแล้ง แต่กำลังหาวิธีการจัดการให้สภาพดีกว่านี้ แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงดี
ผลผลิตจากระบบกาลักน้ำ (ทำไมเป็นกา ก็ไม่รู้ ท่อน้ำแท้ๆ) ได้น้ำไหลประมาณนี้ กะว่าจะทำระบบน้ำหยด แต่ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า เพราะยังไม่ได้จับระดับทั้งหมด ในไร่ไม่มีไฟฟ้า กะว่าจะไม่ใช้เครื่องปั๊มมากนัก (เสียดายตังค์ ค่าน้ำมัน)
ทำงานจน พระอาทิตย์ตก เหนื่อยจัง
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันลับดีเลย พระจันทร์มารอทำหน้าที่ก่อนแล้ว กะว่าจะทำงานต่อ แต่ไม่ไหวแล้ว
หมดหน้าที่ ของดวงอาทิตย์ในวันนี้
- บล็อกของ ชายเขื่อน
- อ่าน 7865 ครั้ง
ความเห็น
RUT2518
13 มิถุนายน, 2011 - 09:11
Permalink
บรรยากาศดี
บรรยากาศดีครับ
saensak
13 มิถุนายน, 2011 - 09:56
Permalink
สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ วิวสวยมาก
นายลำใย ศรีษะแก้ว
13 มิถุนายน, 2011 - 10:48
Permalink
คุณชายเขื่อน..
เท่าที่สัมผัสมา..ที่ดินบริเวณนี้จะเหนียวติดเท้าเวลาฝนตก..และแห้งแข็งในหน้าแล้ง..การปลูกพืชต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลาถึงจะได้ผล..และต้องปรับสภาพดินพอสมควร..ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ครับ..จากศิษย์เก่าเทพสตรีครับ..
วิศิษฐ์
13 มิถุนายน, 2011 - 10:53
Permalink
คุณชายเขื่อน
ขอถามสักหน่อยนะครับ..กาลักน้ำ..คือระดับน้ำในสระอยู่สูงกว่าพื้นที่ใช้น้ำใช้ไหมครับ..แต่เสียดายที่ข้อมูลและภาพมีน้อยนะครับ...เลยยังไม่เข้าใจนะครับ...ถ้ายังไงก็ลงบล็อกเพิ่มเรื่องกาลักน้ำหน่อยนะครับ...ผมว่ามีประโยชน์มากๆนะครับ..
guys ka
13 มิถุนายน, 2011 - 11:15
Permalink
พี่ชายเขื่อน
ปลูกพืชก็งาม ลักน้ำก็เก่ง แถมถ่ายภาพได้ส๊วยสวย.....อิอิ... :admire2:
.................
ยุพิน เทลเก็น
13 มิถุนายน, 2011 - 12:46
Permalink
คุณชายเขื่อน
บรรยากกาศไร่ของคุณสวยค่ะ ถ้าต้นไม้ทุกอย่างขึ้นโตเต็มที่ ต้องสวยงามและบรรยากาศดีอย่างมากๆเลยค่ะขอเอาใจช่วยค่ะ
แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง
ทดสอบ
ชายเขื่อน
13 มิถุนายน, 2011 - 13:13
Permalink
อ้างถึงคุณนายลำใย
ดินเหนียวจริงๆ เดินเข้าไปหลังฝนตก รู้สึกเสียดายเวลาเดินออกมาจากไร่ ดินติดรองเท้ามา ซัก กิโลนึงเห็นจะได้ แล้วพอฝนไม่ตก ก็แข็งสุดๆ จอบฟันลงไป เหมือนติดสปริงเลย เด้งกลับหมด ไม่ได้เข้าดินเลย หาทางปรับอยู่เหมือนกัน ลองเอาทรายใส่ลงไปก็ยังไม่ได้ผล แต่ยังไม่ได้ปรึกษาใครเลยได้แต่อ่าเอาจาก web คุณนายลำใย พอจะมีคำแนะนำอะไรให้ผมไม๊ครับ
ส่วนเรื่องกาลักน้ำ ก็มั่วเอาน่ะครับ คือว่าบ่อมันระดับประมาณไล่เลี่ยกับที่ดิน เลยลองเอาสายยางเส้นเล็กๆ กรอกน้ำแล้วก็วัดความสูงของที่ โดยหลักการน้ำที่สองข้างของปลายสายจะต้องอยู่ระดับเดียวกัน โดยสมมุติความสูงของระดับน้ำในบ่อให้มีค่าเท่ากับศูนย์ เอาระดับน้ำในสายยางให้อยู่ที่ระดับน้ำในบ่อเลย แล้วก็วัดไปเรื่อยๆ ตรงไหนต่ำกว่าก็ติดลบไป ถ้าตรงไหนติดลบ น้ำก็ไหล แต่มันยังมีที่เข้าไปหาอ่านตาม web ต่างๆ เรื่องความฝืดของท่อ แล้วก็ทฤษฎีการไหลอีกบานตะเกียง ที่จะมีผลต่อการไหลของน้ำ ตอนเรียนฟืสิกส์ ก็ตกประจำเลยใช้วิธีช่างเถอะ เลยได้น้ำมาแค่เท่าที่เห็นในรูปครับ
นายลำใย ศรีษะแก้ว
13 มิถุนายน, 2011 - 21:13
Permalink
คุณชายเขื่อน..
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา..กรณีที่ทำไร่บนที่ดินชนิดนี้..ใช้ปุ๋ยคอกหว่านเยอะๆ..(เวลาฝนตกต้องไม่ไหลไปที่คนอื่น)..แกลบก็กองๆท้ิงๆเอาไว้..แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป..พืชที่ปลูกและได้ผลดีไม่ต้องดูแลมากหลังจากโตแล้วคือมะพร้าวน้ำหอม..ผมเดาเอาว่าคุณชายเขื่อนคงปลูกพืชในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง..ไม่เน้นการพานิชย์..จึงขออนุญาตแสดงความคิดเห็น...1.ปลูกพืชทุกชนิดที่ชอบโดยไม่แคร์สื่อ..2..ใช้ปุ๋ยคอกให้มากที่สุดรวมทั้งน้ำหมัก..ปุ๋ยชีวภาพ..แถวโคกตูม..ซอยสิบสองพอมี..ไม่ก็แถวพัฒนานิคม..3..ต้องให้เวลาพืชในสวนมากๆ..4..ต้องมีน้ำเพียงพอบริการต้นไม้แม้แต่หน้าฝนห่างสักอาทิตย์ดินแบบนี้ก็จะแห้งแล้ว...ผมเคยทำและสำเร็จมาแล้วในพื้นที่ 7 ไร่..ใช้เวลา 4 ปี..และไม่เคยใช้จอบใช้อีเตอร์เลยครับ(ขนาดอีเตอร์ด้ามยังหัก)..อาจจะตอนนั้นยังหนุ่มๆแรงดี..ถ้ายังไงขี้หมูก็ใช้ได้แต่ขี้ไก่ไม่แนะนำครับ..ถ้าไร่รกมากจะมีงูกะปะ.เยอะมาก.(ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า)..ต้องระวัง..แต่ถ้าไม่รกแนะนำให้.."ถอดเกิบ"..เลยครับ
ชายเขื่อน
14 มิถุนายน, 2011 - 13:43
Permalink
ขอบคุณมากครับ
ข้าง ๆ ไร่ลุงแกปลูกมะพร้าว น้ำไม่หอมก็โตดีอยู่ ตอนนี้สูงสักตึก 4 ชั้นแล้ว ตอนนี้ที่ผมปลูกก็หาเอาทั่วไป ขอเพื่อนมั่ง ซื้อมั่ง ไถเขามั่ง ดะไปหมด แล้วไม่มีสื่อต้องแคร์ด้วยซิ ยังไม่ได้เชิญ 3 5 7 9 รวมทั้งช่องอื่น ๆ ไปทำข่าวเลย เลยไม่เป็นไรไม่แคร์สื่อ ปลูก ๆ ไปก่อน ตอนนี้ก็มีหนักไปทางไม้ยืนต้น ซะเป็นส่วนใหญ่ มี สัก(เสาชิงช้า ไม่รู้จริงหรือเปล่า)ราวๆ 100 นึง (ตอนปลูกมี 200 สูญหายไม่รอดเกือบ 100) สัตบรรณราว ๆ 30 เหลืองปรีดียาธร ราว ๆ 30 ประดู่ 30 ยางนา ซัก 10 มะนาว 12 หม่อน 30 ชมพู่ 5 มะตาด 1 ที่เหลือเป็นอัญชันป่าซัก ครึ่งไร่ (ครึ่งนึงของเนื้อที่ทั้งหมด ขึ้นเองโดยไม่ได้รับเชิญ) กำลังเพาะเม็ดผักหวานราว 2 กิโล ไม่รู้จะรอดไปลงดินซักเท่าไร กับกำลังชำมะนาวอีก 15 ยอด (ทดสอบ) แล้วก็อิแหละเขละขละ ไปตามเรื่อง อ้อมีตาลอีก 2 ต้น กับสะเดาผู้น่าสงสารด้วยว่าลมพัดแตกไปครึ่งต้น กับที่เหลือรอวันล้ม หาทางช่วยไม่ได้ ส่วนปุ๋ยคอกหาไม่ค่อยได้เลยแถวนี้ มีแต่ไร่อ้อย หาขี้วัวได้บ้างแต่ไม่เยอะ แล้วก็พยายามทำปุ๋ยชีวภาพอยู่ครับ เพิ่งเริ่มเลยยังไม่ได้มีอะไรสำเร็จซักอย่าง ส่วนงู ยังไม่เคยเจอนะ แต่อย่ามีเลยไม่ค่อยถูกกัน ขออุทิศส่วนกุศลให้ไปไกล ๆ ก็แล้วกัน อย่าได้พบเจอกันเลย อาเมน
นายลำใย ศรีษะแก้ว
14 มิถุนายน, 2011 - 14:02
Permalink
คุณชายเขื่อน..
แถวๆท่าวุ้ง..บ้านหมี่..ท่าโขลง..น่าจะมีฟางข้าวพอได้อยู่เอาไปทำปุ๋ยคลุมโคนต้นไม้ได้..ลองไปดูขี้วัว..แถวๆซอย 19 ซอย 21..น่าจะพอมีเหลืออยู่นะครับ..เอาใจช่วยสู้ๆ..เต็มที่ไปเลย..ปลูกไปโลด..ผมกลับลพบุรีจะแวะไปชม..พอดีเพือนทำงานอยู่เขื่อนป่าสักครับ..
หน้า