วินัยของพระภิกษุสงฆ์ ที่ประชาชนควรทราบ
พุทธศาสนิกชนฝ่ายคฤหัสถ์ควรรู้จักพระวินัยบางข้อของพระภิกษุสงฆ์ไว้ด้วย เพราะว่าพระภิกษุสงฆ์มีหน้าที่อันสำคัญที่สุดคือ รักษาตัวอย่าให้มีโทษทางพระวินัย จึงจะสมเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระบรมศาสดาและจะได้สมเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในฐานะเป็นนาบุญของชาวโลก ไม่บริโภคจตุปัจจัยของเขาให้เปลืองเปล่า
ด้วยเหตุนี้ เพื่อที่จะให้คฤหัสถ์ บุรุษ-สตรีทั้งหลายช่วยกันรักษาภิกษุสงฆ์ให้บริสุทธิ์เป็นนาบุญอย่างดีจะได้เพิ่มปริมาณผลแห่งพืชบุญที่บริจาคหว่านลงไปให้มากยิ่งๆ ขึ้น
จึงได้รวบรวมพระวินัยบางข้อที่คฤหัสถ์ทั้งบุรุษและสตรีควรทราบนำมาเรียบเรียงเป็นข้อๆพอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและปฏิบัติสำหรับคฤหัสถ์
เปรียบเหมือนอย่างพื้นนาอันปราศจากวัชพืชคือหญ้าที่เป็นโทษ ย่อมจะอำนวยให้ข้าวที่ชาวนาหว่านลงเจริญงอกงามมีผลเต็มเมล็ดเต็มรวง แต่หากว่านารกไปด้วยวัชพืช ข้าวที่หว่านลงก็มีผลไม่เต็มที่ ข้อนี้ฉันใด พระภิกษุหรือสามเณร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถ้าศีลไม่ขาด ไม่มีโทษทางพระวินัย ก็เท่ากับนาที่ไม่รก พืชบุญที่หว่านลงก็ย่อมมีผลมาก มีกำไรมาก แต่ถ้าศีลขาดมากมีโทษทางพระวินัยมาก ก็เท่ากับที่นารก พืชบุญที่ชาวโลกหว่านลงก็มีผลน้อยมีกำไรน้อย ด้วยเหตุนี้พระภิกษุสามเณรผู้ตระหนักในหน้าที่ของตน
จึงพยายามรักษาตัวมิให้เป็นนาที่รกด้วยวัชพืช
ก็ในการรักษาตัวนั้น พระภิกษุสามเณรบางรูปบางครั้งบางคราวไม่สามารถจะให้บริสุทธิ์เท่าที่ควรได้ เพราะคฤหัสถ์หรือบุรุษ สตรีหรือทายกทายิกาผู้ไม่รู้วินัยของพระ และมีธุระเกี่ยวข้องกับพระในวาระต่างๆ เช่นในคราวทำบุญ แต่ทำไม่ถูกต้องพระวินัย
ภิกษุเกรงใจคฤหัสถ์บางทีคฤหัสถ์เกรงใจภิกษุ จึงทำให้พระต้องอาบัติ
คือต้องโทษทางพระวินัย อย่างนี้คฤหัสถ์ได้บุญก็จริง แต่ได้น้อยเพราะขณะเดียวกันนั้นพระได้บาปต้องโทษไม่บริสุทธิ์ เหมือนนาที่รกเสียแล้ว
อนึ่ง บางทีบางรูปไม่รู้วินัยของตนเองดีพอ หรือบางรูปรู้วินัยดีแล้ว
แต่ไม่เอื้อเฟื้อในวินัยก็ย่อมเกี่ยวข้องกับคฤหัสถ์ในทางที่ผิดๆ
และคฤหัสถ์ก็ไม่รู้วินัยของพระจึงพากันปฏิบัติผิดร่วมกันอย่างนี้
จึงรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับพุทธศาสนิกชนเลย
๑. สุภาพสตรี อย่าถูกต้องภิกษุสามเณร
(สังฆาทิเสส ข้อ ๒)
๒. สุภาพบุรุษ หรือสุภาพสตรี
ไม่ควรวานให้พระชักสื่อชายหญิงให้เป็นสามีภรรยากัน แม้ชั่วครั้งชั่วคราว
(สังฆาทิเสส ข้อ ๕)
๓. สุภาพสตรี ไม่มีบุรุษผู้รู้เดียงสาไปด้วย
ไม่ควรเข้าไปหาพระในที่ลับตาหรือลับหู เพราะอาจจะทำให้พระถูกโจทด้วยอาบัติต่างๆหรือเป็นทางให้เกิดความเสียหายมาก
(อนิยต ข้อ ๑-๒)
๔. สุภาพบุรุษหรือสตรี
เมื่อศรัทธาจะถวายเงินทองแก่พระภิกษุหรือสามเณรต้องมอบให้แก่ไวยาจักร
(ผู้ที่รับทำกิจของท่าน) และแจ้งให้ท่านทราบ อย่ามอบให้ในมือหรือในย่าม
หรือในบาตรของท่าน เป็นต้น
(จีวรวรรค ข้อ ๑๐-โกสิยวรรค ข้อ ๘)
๕. บุรุษผู้เป็นไวยาจักร
เมื่อรับเงินทองของพระรูปใดไว้เท่าไร ต้องจัดสิ่งของที่พระต้องการถวายพระรูปนั้น ในราคาเท่าเงินทองที่ตนรับไว้นั้น ในเวลาที่ท่านขอ ถ้าเงินทองมากพระขอของน้อย ก็จ่ายเท่าที่ท่านต้องการ เก็บส่วนที่เหลือไว้จ่ายคราวต่อไป
(จีวรวรรค ข้อ ๑๐)
๖. บุรุษ-สตรี ผู้เป็นพ่อค้า-แม่ค้า
ไม่ควรขายของแก่พระภิกษุ หรือสามเณรผู้ที่จับต้องเงิน (ธนบัตร-เหรียญบาทเป็นต้น) มาซื้อด้วยตนเอง
(โกสิยวรรค ข้อ ๙)
๗. บุรุษ-สตรี
ไม่ควรเอาสิ่งของของตนแลกกับสิ่งของของพระ-ของสามเณร
(โกสิยวรรค ข้อ ๑๐)
๘. บุรุษ-สตรี
ไม่ควรเอาผ้าอาบน้ำฝนถวายพระก่อนเข้าพรรษามากกว่า ๑ เดือน แม้พระขอก็ไม่ต้องถวาย เว้นไว้แต่พระที่เป็นญาติ และพระที่ตนปวารณาไว้
(ปัตตวรรค ข้อ ๔)
๙. บุรุษ-สตรี เมื่อเตรียมสิ่งของจะถวายแก่สงฆ์
(ไม่เฉพาะบุคคล) ถ้าพระแนะนำให้ถวายเฉพาะตัวท่านเอง หรือให้ถวายเฉพาะพระรูปใดๆก็ตาม ไม่ต้องถวายตามคำแนะนำนั้น
(ปัตตวรรค ข้อ ๑๐-สหธรรมิกวรรค ข้อ ๑๒)
๑๐. บุรุษ-สตรี เมื่อเรียนธรรมกับพระ
อย่าออกเสียงบทพระธรรมพร้อมกับพระ
(มุสาวาทวรรค ข้อ ๔)
๑๑. บุรุษ เมื่อนอนในที่มุง ที่บัง อันเดียวกับพระครบ ๓ คืนแล้ว
ต้องเว้นเสีย ๑ คืน ต่อไปจึงนอนได้อีก
(มุสาวาทวรรค ข้อ ๕)
๑๒. สตรี ห้ามนอนในที่มุง ที่บัง อันเดียวกับพระแม้ในคืนแรก
(มุสาวาทวรรค ข้อ ๖)
๑๓. บุรุษ-สตรี ถ้าพระใช้ให้ขุดดินเหนียวล้วนหรือดินร่วนล้วน
ไม่ควรขุด แต่ถ้าพระแสดงความประสงค์ว่าต้องการหลุมหรือคูเป็นต้น
หรือว่าต้องการขุดดินให้สูงเท่านั้นเท่านี้เป็นต้น ก็ควรจัดการให้ตามประสงค์
(มุสาวาทวรรค ข้อ ๑๐)
๑๔. บุรุษ-สตรี ถ้าพระใช้ให้ตัดต้นไม้
หรือดายหญ้าที่เกิดอยู่กับดิน หรือให้รื้อถอนผักหญ้าต่างๆ ที่เกิดอยู่ในน้ำ ไม่ควร
ตัด-ดาย-รื้อถอน แต่ถ้าพระบอกว่า เราต้องการไม้-หญ้า-ผัก
หรือว่าเราต้องการทำความสะอาดในที่ซึ่งเกะกะรุงรัง
ด้วยต้นไม้หรือผักหญ้าดังนี้เป็นต้น จึงทำให้
(ภูตคามวรรค ข้อ ๑)
๑๕. บุรุษ-สตรี นิมนต์พระให้ฉันอาหารอย่าออกชื่อโภชนะ ๕ คือ
ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ ควรใช้กัปปิยโวหารหรือคำพูดที่สมควร เช่น พูดว่า “ขอนิมนต์ฉันเช้า” หรือว่า “ขอนิมนต์ฉันเพล”
และต้องบอกวัน เวลาสถานที่ให้ชัดเจน ทั้งบอกให้พระทราบด้วยว่าให้ไปกันเอง
หรือจะมารับ อนึ่งการที่นิมนต์พระให้ฉันนั้นปรารภเรื่องอะไรก็ควรบอกให้ทราบด้วย
(โภชนวรรค ข้อ ๒)
๑๖. บุรุษ-สตรี เมื่อเลยเวลาเพลแล้ว
คือตั้งแต่เที่ยงวันไปจนถึงวันใหม่ อย่านำอาหารไปประเคนพระ
หากเป็นของที่เก็บค้างคืนได้ ไม่บูด ไม่เสีย เช่น ข้าวสาร ปลาดิบ เนื้อดิบ
อาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง เป็นต้น ก็มอบไว้แก่ไวยาวัจกรของท่านได้
(โภชนวรรค ข้อ ๗)
๑๗. บุรุษ-สตรี ถ้าพระที่มิใช่ญาติและตนไม่ได้ปวารณาไว้
ไม่เป็นไข้ ขอโภชนะอันประณีต คือข้าวสุกที่ระคนด้วยเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ปลา เนื้อ นมสด นมส้ม แม้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ควรถวาย
แต่ถ้าขอเพื่อผู้เป็นไข้ควรถวายโดยแท้
(โภชนวรรค ข้อ ๙)
๑๘. บุรุษ-สตรี เมื่อประเคนอาหารหรือยาเป็นต้น
ทุกอย่างที่พระจะต้องกลืนกิน (ฉัน) ต้องประเคนให้ถูกวิธี ดังนี้
ก. ภาชนะหรือห่อของนั้น
ไม่ใหญ่หรือหนักจนเกินไป ยกคนเดียวได้อย่างพอดี
ข. เข้าอยู่ในหัตถบาสของพระ
ห่างจากพระประมาณ ๑ ศอก เป็นส่วนสุดของสิ่งของหรือของบุคคลผู้ประเคน
ค. น้อมกายถวายด้วยความเคารพ
ง. กิริยาที่ถวายนั้น
ถวายด้วยมือหรือของที่เนื่องด้วยมือ เช่นช้อน-ภาชนะก็ได้
จ. พระรับด้วยมือ
หรือของที่เนื่องด้วยมือ เช่น บาตร-ผ้าก็ได้
(โภชนวรรค ข้อ ๑๐)
๑๙. สตรีไม่มีบุรุษผู้รู้เดียงสาอยู่เป็นเพื่อน
ต้องไม่นั่ง ไม่นอน ไม่ยืน ไม่เดิน ในห้องกับพระ แม้จะมีสตรีหลายคนก็ไม่ได้
(อเจลกวรรค ข้อ ๔)
๒๐. สตรีต้องไม่นั่ง ไม่นอนในที่แจ้งกับพระ หนึ่งต่อหนึ่ง
ถ้าสตรีหลายคนนั่งได้ แต่การนอนนั่นไม่ควร แม้การยืน การเดินกับพระ หนึ่งต่อหนึ่งด้วยอาการซ่อนเร้นก็ไม่ควร
(อเจลกวรรค ข้อ ๕)
๒๑. บุรุษ-สตรี ที่ไม่ใช่ญาติของพระ แม้จะเป็นเขย สะใภ้
หรือภรรยาเก่าของพระ (ปุราณทุติยิกา) หากมิได้เกี่ยวข้องทางสายโลหิต
ก็ชื่อว่ามิใช่ญาติ ถ้ามีศรัทธาจะให้พระขอปัจจัย ๔ หรือสิ่งของต่างๆ จากตนได้
ก็ต้องปวารณา คือเปิดโอกาสให้พระขอได้โดยลักษณะ ๔ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
ก. กำหนดปัจจัยหรือสิ่งของ
เช่น จีวร บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่ง ยา หนังสือ สมุด ปากกา ฯลฯ
ข. กำหนดเวลา
คือให้ขอได้ตลอดเท่านั้นวัน เท่านั้นเดือน เท่านั้นปี ตั้งแต่วันที่เท่าไรถึงเท่าไร
ค. กำหนดทั้งปัจจัย-สิ่งของ
และเวลา
ง. ไม่กำหนดทั้งปัจจัย
สิ่งของและเวลา ถ้าจะให้ขอได้เป็นนิตย์ ต้องบอกว่า นิมนต์ขอได้ตลอดกาลเป็นนิตย์
เมื่อปวารณาแล้ว ถ้าพระขอเกินกำหนดหรือเกิน ๔ เดือน ไม่ควรถวาย
เว้นไว้แต่ตนปวารณาอีก หรือปวารณาเป็นนิตย์
(อเจลกวรรค ข้อ ๗)
หมายเหตุ :- คำว่า ญาติ
ได้แก่คนที่เกี่ยวเนื่องกัน ๗ ชั้น คือ ๑. ทวด ๒. ปู่ย่าตายาย ๓. พ่อแม่ ๔. พี่น้อง
๕. ลูก ๖. หลาน ๗. เหลน
๒๒. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาของเสพติดให้โทษ เช่น สุราเมรัย
ฝิ่น เฮโรอีน กัญชาถวายพระ
(สุราปานวรรค ข้อ ๑)
๒๓. บุรุษ-สตรี
อย่าเอาน้ำที่มีตัวสัตว์ไปตั้งไว้ให้พระบริโภค คือ ดื่ม อาบ ล้างเท้า ใช้สอย
(สัปปาณวรรค ข้อ ๒)
๒๔. บุรุษ-สตรี ผู้นำสินค้าหนีภาษี
ไม่ควรเดินทางร่วมกับพระ หรือไม่ควรให้เกี่ยวข้องกับพระ
(สัปปาณวรรค ข้อ ๖)
๒๕. สตรี ไม่ควรชวนพระเดินทางไกล แม้สิ้นระยะบ้านหนึ่ง
แม้นั่งรถ นั่งเรือ ไปเพียงหนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ควร แม้สตรีหลายคน
แต่ไม่มีบุรุษผู้รู้เดียงสานั่งไปด้วย ก็ไม่ควร แม้บุรุษไปด้วย หากสตรีขับรถเรือเอง
ก็ไม่ควร เว้นไว้แต่เรือข้ามฟาก
(สัปปาณวรรค ข้อ ๗)
๒๖. บุรุษ-สตรี
จะถวายอาหารแก่พระผู้อยู่ในป่าอันเป็นที่เปลี่ยว ต้องแจ้งข่าวล่วงหน้าก่อน
(ปาฏิเทสนียะ ข้อ ๔)
๒๗. บุรุษ-สตรี เมื่อพระรับบิณฑบาตเต็มบาตรแล้ว
อย่าเอาอาหารวางบนฝาบาตร หรืออย่าใส่ถุงให้พระหิ้ว
(โภชนะปฏิสังยุตะ ข้อ ๔)
๒๘. บุรุษ-สตรี
เมื่อนิมนต์พระมาฉันในบ้านต้องจัดที่ฉันให้พร้อม เช่นน้ำล้างเท้า ผ้าเช็ดเท้า
น้ำฉัน น้ำใช้ กระโถน ผ้า-กระดาษเช็ดมือ เช็ดปาก ช้อนส้อมและช้อนกลาง
อย่าให้บกพร่อง
(โภชนะปฏิสังยุตะ ข้อ ๓๐)
๒๙. บุรุษ-สตรี เมื่อจัดที่ให้พระสวดหรือแสดงพระธรรมเทศนา
หรือปาฐกถาธรรม ต้องจัดที่ให้พระนั่ง อย่าให้ยืน และต้องไม่ต่ำกว่าที่ของผู้นั่งฟัง
(ธัมมเทสนาปฏิสังยุต ข้อ ๑๓, ๑๔)
๓๐. บุรุษ-สตรี เมื่อฟังธรรมเทศนาหรือฟังปาฐกถาธรรม
ต้องฟังด้วยกิริยาอาการเคารพ แม้ฟังพระสวดในงานมงคลหรืองานศพเป็นต้น
ก็ต้องเคารพเช่นเดียวกัน ไม่ควรนั่งคุยกันเลย จะคุยในเวลาพระหยุดสวดได้
(ธัมมเทสนาปฏิสังยุต ทุกข้อ)
๓๑. บุรุษ-สตรี
จะถวายร่มแก่พระต้องเลือกเอาชนิดที่ไม่สลับสี เช่นร่มผ้าดำล้วน ร่มกระดาษ
ร่มพลาสติก สีน้ำตาล สีดำ สีเหลืองล้วน
(วิ. ๒/๓๕)
๓๒. บุรุษ-สตรี
จะถวายรองเท้าแก่พระต้องเลือกเอาชนิดที่ไม่มีส้นสูง ไม่มีปกส้น ไม่มีปกหลังเท้า
มีแต่สายรัดหลังเท้ากับสายที่คีบด้วยนิ้ว และมีสีหม่นหมอง เช่น สีน้ำตาลแก่
(วิ. ๒/๓๖)
๓๓. บุรุษ-สตรี
เมื่อจะถวายเตียงตั่งแก่พระต้องเลือกเอาแต่ที่มีเท้าสูงไม่เกิน ๘ นิ้วพระสุคต หรือ
๙ นิ้วฟุต เว้นไว้แต่แม่แคร่ และไม่มีรูปสัตว์ร้ายที่เท้า เช่น เตียงจมูกสิงห์
หรือบัลลังก์ และเตียงนั้นต้องไม่ใหญ่ถึงนอนได้ ๒ คน ที่นอนก็ไม่ใหญ่อย่างเตียง
ฟูกเตียง ฟูกตั่ง และที่นั่งที่นอนไม่ยัดนุ่นหรือสำลี
(รตนวรรค ข้อ ๕ และ วิ. ๒/๓๙)
๓๔. บุรุษ-สตรี เมื่อจะถวายหมอนหนุนศีรษะแก่พระ
ต้องให้มีขนาดหนุนได้ศีรษะเดียวไม่ถึง ๒ ศีรษะ หมอนข้างไม่ควรถวาย
(วิ. ๒/๔๐)
๓๕. สตรี ต้องไม่นั่ง บนอาสนะผืนเดียวกัน บนเตียงม้านั่งเดียวกันกับพระ
แม้บนพื้นที่ไม่มีอะไรปูลาดเลย ก็ไม่ควรนั่งเสมอกับพระหรือสูงกว่าพระ
ไปในรถ-เรือมีที่จำกัด จะต้องนั่งที่ม้านั่งเดียวกันกับพระต้องให้มีบุรุษนั่งคั่นไว้เสียก่อน
(วิ. ๒/๗๐)
๓๖. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาวัตถุอนามาสประเคนพระ
วัตถุอนามาส คือสิ่งที่พระไม่ควรแตะต้อง มี ๖ ประเภท ดังนี้ :-
ก. คนหญิง คนกะเทย เครื่องแต่งกายของคนเหล่านั้น
แต่ที่เขาสละแล้วไม่นับ ตุ๊กตาหญิง สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย
ข. ทอง เงิน มุกดา มณี ไพฑูรย์ ประพาฬ ทับทิม บุษราคัม
สังข์ที่ขัดแล้ว ศิลาชนิดดี เช่น หยก โมรา
ค. ศัสตราวุธต่างชนิด ที่ใช้ทำร้ายชีวิตร่างกาย
ง. เครื่องดักสัตว์บก-น้ำ
จ. เครื่องประโคม
ฉ. ข้าวเปลือกและผลไม้อันเกิดอยู่ในที่
(วิ. ๒/๗๓)
๓๗. สตรี ไม่ควรเกลี้ยกล่อม
ยั่วเย้าพระด้วยการพูดประเล้าประโลม หรือด้วยการแต่งตัวชะเวิกชะวาก
หรือล่อด้วยทรัพย์
(วิ. ๒/๙๑)
๓๘. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาของเด็กเล่น เช่นเรือน้อยๆ
รถน้อยๆ ถวายพระ
(วิ. ๒/๑๑๘)
๓๙. บุรุษ-สตรี ไม่ควรชักชวนพระเล่นการพนัน มีแพ้ มีชนะ
เช่นหมากรุก หมากแยก ฯลฯ
(วิ. ๒/๑๑๘)
๔๐. บุรุษ-สตรี
ไม่ควรเรียนดิรัจฉานวิชาจากพระและไม่ควรบอกดิรัจฉานวิชาแก่พระ
ดิรัจฉานวิชาคือความรู้ในการทำเสน่ห์
ในการใช้ภูตผีปีศาจทำผู้อื่นให้ถึงความวิบัติในทางอวดฤทธิ์เดชต่างๆ
ในทางทำนายทายทักบอกหวยบอกเบอร์ ในทางที่นำให้หลงงมงาย เช่นหุงเงิน
หรือทองแดงให้เป็นทอง
(วิ. ๒/๑๒๐)
๔๑. บุรุษ-สตรี ไม่ควรใช้พระในกิจนอกพระพุทธศาสนา
แต่จะขอให้ช่วยกิจพระพุทธศาสนา เช่นให้ช่วยนิมนต์พระไปในการบำเพ็ญบุญอยู่ได้
(วิ. ๒/๑๒๐)
๔๒. บุรุษ-สตรี ไม่ควรนำสิ่งของอันมีค่าฝากไว้กับพระ
เพราะอาจเกิดอันตรายแก่พระได้ เช่น อันตรายในการเจริญสมณธรรม ถูกปล้น
ถูกเป็นผู้สำนองในเมื่อของนั้นหาย
(วิ. ๒/๑๒๒)
๔๓. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาเนื้อสัตว์ที่ไม่นิยมเป็นอาหารถวายพระ
เนื้อที่ไม่นิยมเป็นอาหาร คือ เนื้อมนุษย์
ช้าง-ม้า-สุนัข-งู-สีห์-เสือโคร่ง-เสือเหลือง-หมี-เสือดาว
(วิ. ๒/๑๓๓)
๔๔. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาเนื้อสัตว์ที่นิยมเป็นอาหารแต่ยังดิบ
ไม่สุกด้วยไฟ เช่น ปูเค็ม กุ้งส้ม หอยเค็ม ปลาเค็ม แหนม กะปิ ลาบเนื้อดิบ
ไข่ลวกไม่สุก ประเคนพระ ควรมอบไว้แก่กัปปิยการก
คือผู้มีหน้าที่ทำให้เป็นของควรแก่พระ
(วิ. ๒/๑๓๓)
๔๕. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาอุทิศมังสะถวายพระ อุทิศมังสะ
คือเนื้อหรือไข่สัตว์ที่เขาฆ่าเจาะจงภิกษุสามเณร
(วิ. ๒/๑๓๓)
๔๖. บุรุษ-สตรี อย่าเอาพีชคาม คือผลไม้มีเมล็ดสุกบางอย่าง
เช่นพริกสุก มะเขือสุก อ้อยที่ยังไม่ได้ปอก ผักบุ้ง ขมิ้น กระชาย กระเทียม หอม
โหระพา กะเพรา ฯลฯ ที่พ้นจากที่เกิดที่อยู่แล้ว แต่ยังปลูกให้งอกได้อีกถวายพระ
ควรทำให้เป็นของที่ไม่อาจปลูกให้งอกได้แล้ว จึงถวายพระ
(วิ. ๒/๑๓๕)
๔๗. บุรุษ-สตรี จะทำน้ำปานะถวายพระ
ควรเลือกเอาผลไม้สุกที่นิยมเป็นอาหาร ชนิดที่ไม่โตกว่าผลมะตูมหรือผลกระเบา
ขนาดเล็กไม่จำกัด เอามาทำความสะอาด คั้นแล้วกรองให้หมดกาก
เจือน้ำจืดที่สะอาดบ้างก็ได้ แต่อย่าใช้น้ำร้อน และอย่าต้มน้ำปานะด้วยไฟ
จะเจือน้ำตาลเกลือบ้างก็ได้ ทำแล้วต้องถวาย ให้พระฉันในวันนั้น
อย่าปล่อยให้ข้ามราตรี
(วิ. ๒/๑๓๙)
๔๘. บุรุษ-สตรี ไม่ควรถือเอามรดกของพระผู้มรณภาพไปแล้ว
ไม่ว่าพระรูปนั้นจะเป็นพ่อ ลูก ญาติ มิตร หรือเกี่ยวข้องกันโดยสถานะไรๆ ก็ตาม
แม้พระได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ ก็ถือเอาไม่ได้ เพราะทางวินัยของสงฆ์มีอยู่ว่า
มรดกของพระผู้มรณะตกเป็นของสงฆ์ทั้งหมด แม้พระได้พูดไว้ด้วยคำอันเป็นอนาคตว่า
“ถ้าฉันตายแล้ว เธอจงเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ไป”
ดังนี้ ก็ถือเอาไม่ได้ แต่สิ่งที่พระมอบให้ด้วยคำเป็นปัจจุบันว่า
“ฉันให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่เธอ”
ก็ถือเอาได้เฉพาะสิ่งที่ระบุถึง หากระบุทั้งหมดก็ถือเอาได้ทั้งหมด
(วิ. ๒/๑๕๔/๑๕๕)
๔๙. บุรุษ-สตรี เมื่อจะถือเอาสิ่งของของพระด้วยวิสาสะ
ต้องให้ครบองค์ ๓ คือ
ก. เคยเห็นกัน เคยคบกัน เคยพูดกันไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง
ข. รู้ว่าถือเอาแล้ว เจ้าของจักพอใจ
ค. เจ้าของยังมีชีวิตอยู่
(วิ. ๒/๑๕๗)
๕๐. บุรุษ-สตรี เมื่อพยาบาลพระผู้เจ็บหนัก
ฉันอาหารไม่ได้ ครั้นถึงเวลาวิกาลหิวจัด
หากมิได้อาหารอาจเป็นอันตราย จะต้มข้าวหรือเนื้อสัตว์ที่นิยมเป็นอาหาร
(เว้นอุทิศมังสะ) ให้เหลว กรองให้หมดกาก เอาแต่น้ำข้าว
น้ำเนื้อที่ใสถวายให้พระดื่มในเวลาวิกาลได้ การที่จะอ้างว่า
แพทย์สั่งให้พระป่วยฉันอาหารในวิกาลได้ แล้วนำอาหารชนิดต่างๆ ไปถวายในวิกาลนั้นไม่ควรเลย หากพระอยากฉันอาหารในวิกาลโดยไม่เอื้อเฟื้อต่อวินัยแล้ว
ควรให้สึกเสียก่อน จึงจัดถวายให้รับประทาน
(วิ. ๒/๑๗๕)
๕๑. สตรีที่เป็นโสเภณี เป็นหม้าย เป็นสาวเทื้อ เป็นชี
และกะเทย ไม่ควรไปมาหาสู่กับพระ โดยไม่เป็นกิจจลักษณะหรือผิดเวลา
(วิ. ๒/๑๘๑)
๕๒. บุรุษ-สตรี ไม่ควรนิมนต์พระเข้านั่งในร้านสุรา
จะเป็นที่ขาย หรือที่กลั่นสุราหรือที่ดองเมรัยก็ตาม
(วิ. ๒/๑๘๑)
บุรุษหรือสตรีก็ตาม เมื่อหวังความเจริญแก่ตนแก่วงศ์สกุลของตน
และแก่พุทธศาสนา ควรศึกษาให้มีความรู้เกี่ยวกับวินัยของภิกษุสงฆ์บางข้อ
ตามที่รวบรวมไว้นี้ และปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็ย่อมจะเหมาะสมแก่ความเป็นพุทธศาสนิกชน
และย่อมช่วยประดับพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองแล
รวบรวมและเรียบเรียงโดย
พระเทพวิสุทธิญาณ
(อุบล นนฺทโก ป.ธ. ๙)
วัดบวรนิเวศวิหาร หนังสือเรื่อง บัดนี้ บุญกุศลใดๆ คณะผู้จัดพิมพ์
“วินัยของพระภิกษุสงฆ์ที่ประชาชนควรทราบ”
นี้ ผู้จัดพิมพ์ได้เคยติดต่อพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิญาณ
ขออนุญาตจัดพิมพ์ขึ้น เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทานมาครั้งหนึ่งแล้ว
ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจัดพิมพ์ได้ตามความประสงค์
ผู้จัดพิมพ์ระลึกถึงคุณของท่านอยู่
จึงกราบเรียนพระเถระในวัดบวรนิเวศวิหาร ขออนุญาตจัดพิมพ์อีกครั้ง
เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลถวายแด่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ
และรักษาเจตนารมณ์เดิมของท่านที่จะเผยแผ่ธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป
ที่เกิดจากการจัดพิมพ์เผยแผ่และเกิดขึ้นโดยมีหนังสือเล่มนี้เป็นมูลเหตุ
ขอจงสำเร็จแด่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณมหารัชมงคลดิลก
และท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิญาณ ทุกประการ
- บล็อกของ ลุงพี
- อ่าน 4500 ครั้ง
ความเห็น
guys ka
16 มิถุนายน, 2011 - 09:14
Permalink
คุณลุงพี
๓๖. บุรุษ-สตรี ไม่ควรเอาวัตถุอนามาสประเคนพระ
วัตถุอนามาส คือสิ่งที่พระไม่ควรแตะต้อง มี ๖ ประเภท ดังนี้ :-
ข. ทอง เงิน มุกดา มณี ไพฑูรย์ ประพาฬ ทับทิม บุษราคัม
สังข์ที่ขัดแล้ว ศิลาชนิดดี เช่น หยก โมรา
คุณลุงพี ทำงัยดี นู๋็กายส์เพิ่งจะถวายทับทิมไป 31 กะรัตถวายให้ท่านมหาไปประดับตาพระนาคปรกเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา อย่างนี้จะเป็นอย่างไรไหมคะ
.................
denjung
16 มิถุนายน, 2011 - 09:51
Permalink
คุณกายส์
ตอบคุณ กายส์ครับ ข้อนี้ ตามวินัยบัญญัติ ท่านเรียกว่า จริยาวัตร ว่าด้วยมารยาทอันควรประพฤติ (เช่น ไม่ทิ้งขยะทางหน้าต่างหรือทิ้งลงนอกฝานอกกำแพง ไม่จับวัตถุอนามาส)
พูดง่ายๆ เป็นมารยาท กรณี ที่ถวายเพื่อประดับศาสนวัตถุภายในวัดไม่เป็นไรครับ เพราะถือว่าเราน้อมถวายเป็นของสงฆ์ ไม่ได้เฉพาะจงเจาะที่พระรูปนั้น ในสมัยพุทธกาลแต่เดิมอุบาสก อุบาสิกาจะเป็นผู้สร้างวัด สร้างเสนาสนะ ถวายแก่พระภิกษุเอง พระภิกษุเพียงแต่คอยอำนวยความสะดวกให้เท่านั้น ยกตัวอย่าง นางวิสาขา สร้างวัดบุพพาราม พระพุทธเจ้าก็มอบหมายให้พระโมคคัลลานะเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง ข้อวินัยที่ลุงพี ยกมา ทางวินัยบัญญัติ ถือว่าเป็นอาบัติเล็กน้อย พระภิกษุปลงอาบัติก็พ้นได้ แต่เป็นโลกวัชชะ โลกติเตียน ชาวบ้านติเตียน ดูไม่งาม อุบาสก อุบาสิกา ก็ควรเรียนรู้ สิกขาบทของพระด้วย จะได้ช่วยท่านอีกทางหนึ่ง
สิ่งไหนที่ยังไม่ทำ อย่าเพิ่งสรุปว่าไม่สำเร็จ
ป้าลัด
16 มิถุนายน, 2011 - 13:06
Permalink
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ สำหรับวินัยของพระภิกษุสงฆ์ที่ควรทราบ :dong:
ป้าเล็ก..อุบล
16 มิถุนายน, 2011 - 14:41
Permalink
ขอบคุณ
เรื่องเงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร ไม่เว้นแม้แต่พระ เอ.....แล้วพระจะเอาเงินที่ไหนเสียค่าไฟวัด โดนตัดไฟแน่ๆ
หลายอย่างรู้แต่หลีกไม่ได้ แต่บางอย่างหลีกเลี่ยงได้ รู้อยู่ว่าผิดอย่างร้านแรง บางคนก็ไม่ยอมหลีกเลี่ยง นี่แหละ เงินทองไม่เข้าใครออกใคร
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
ลุงพี
16 มิถุนายน, 2011 - 20:15
Permalink
เรื่องการถวายปัจจัย
ใช่ครับป้าเล็ก แต่ถ้าเราได้รู้วินัยสงฆ์ก็จะได้ช่วยกันไม่ให้ท่านต้องอาบัติ เวลาจะถวายปัจจัยก็เอาไปใส่ตู้ชำระหนี้สงฆ์หรือตู้บริจาคบำรุงค่าน้ำค่าไฟแทนอย่าใส่ย่ามหรือถวายกับมือท่าน(หลายคนเข้าใจผิดและหลงปลื้มปิติอย่างยิ่งที่ได้ถวายกับมือ) จากนั้นก็ค่อยมาเขียนใบปวารณาให้พระท่านแผ่เมตตาหรือให้พรก็ได้
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
RUT2518
16 มิถุนายน, 2011 - 17:21
Permalink
ลุงพีครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ ที่ควรทราบ
น้อย สวนบุรีรมย์
16 มิถุนายน, 2011 - 17:28
Permalink
วันนี้มีเรื่องพระทำทื่อ
วันนี้มีเรื่องพระทำทื่อ (Planking) ด้วย
ถ้าเป็นเณรน้อยจะไม่สลดหดหู่เลย
สวนเกษตรบุรีรมย์การเกษตรแบบเสาร์เว้นเสาร์ เน้นที่เราปลูกเองกินเอง
บริการจัดทำและดูแลเว็บไซต์ ถูก ดี มีประสิทธิภาพ
ป้าหน่อย
16 มิถุนายน, 2011 - 21:35
Permalink
ขอบพระคุณลุงพีจริงๆค่ะ
ต้องขอบพระคุณลุงพี อย่างยิ่งยวดแล้ว
บางครั้งเราศรัทธา แต่หารู้ไม่ ว่าอาจจะทำ
ให้พระต้องผิดวินัย โดยไม่รู้ตัว
รู้ไว้อย่างนี้แล้ว จะได้ปฏิบัติ ให้ถูกให้ควร
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ลูกอิสานกันดารแท้ แต่บ่อเหี่ยวทางน้ำใจเด้อ
หากแหม่นใหลหลั่งรินปานฝนแต่เมืองฟ้า
มาเด้อพวกพี่น้อง สานสัมพันธ์ให้มันแก่น
ให้ยืนยาวแนบแน่นพอปานปั้นก้อนข้าวเหนียว เด้อพี่น้อง
สาวน้อย
16 มิถุนายน, 2011 - 21:56
Permalink
ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้รับผิดชอบงานของชมรมคุณธรรมและจริยธรรมของที่ทำงาน ซึ่งจัดกิจกรรมตักบาตรทุกเดือน เพื่อให้ผู้่ป่วยที่นอนโรงพยาบาลได้มีโอกาศได้ทำบุญตักบาตรรวมทั้งเจ้าหน้าที่และผู้มารับริการทั่วไป... จะได้นำไปปฏิบัติเวลาต้องไปนิมนต์พระค่ะ...
ชีวืตที่เพียงพอ..
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
17 มิถุนายน, 2011 - 01:16
Permalink
ขอบคุณค่ะลุง
บางอย่างที่รู้ แต่ลืมเลือนไป ก็ได้ความรู้ที่กระจ่างขึ้น
ส่วนที่รู้ใหม่ ก็ได้เป็นแนวทางปฏิบัติ ที่เหมาะควรด้วย ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล. ตาลายนี๊ดส์หน่อย ค่ะลุงพีขา สองบล็ิอกแล้ว ขออนุญาติบอกนะคะ
หน้า