ตัวดูดน้ำ
เคยเขียนเกี่ยวกับ สารดูดน้ำ เก็บความชื้นให้กับต้นไม้มาหลายครั้งหลายหน แต่ไม่ได้พูดกันให้เป็นเรื่องเป็นราว ช่วงนี้ ผมกำลัง สร้างสวนป่า ถึงแม้ว่าปีนี้ฝนจะตกชุก แต่บางครั้งจะทิ้งช่วงไปนาน ผมก็กลัวว่าต้นไม้ที่ผมปลูกยอดจะเหี่ยว หรือตาย เลยต้องหาตัวช่วย (ทางภาคใต้ปลูกยางพารา แม้ฝนทิ้งช่วง ต้นตอตายางที่เอามาปลูกก็จะแตกกิ่งออกได้ตามปกติ
นอกจากว่าจะแล้งนานเป็นเดือน จึงจะมีปัญหา แต่ต้นกล้าไม้ที่ผมเอามาปลูกนั้น เป็นกล้าปีนี้ เพาะจากเมล็ด อายุไม่กี่เดือน ถ้าปล่อยไว้ตามธรรมชาติ ก็คงกลับไปหาธรรมชาติอีก)
ตัวช่วยที่จะเอามาใช้นี้ เป็นสารดูดน้ำ ที่มีความสามารถดูดน้ำเข้าไว้ในตัวเขาได้ หลายเท่า ว่ากันตามที่เขาโฆษณา ก็ราว 100 กว่าเท่า การปลูกสร้างสวนป่าในภาคอีสาน จะใช้สารนี้กันมาก สองปีก่อน ผมเคยเอาไปใช้กับการปลูกป่าอีกแปลงหนึ่ง ซึ่งเป็นดินทรายจัด ทรายลึกลงไปเป็นเมตร หากไม่ม่ตัวดูดน้ำนี้ช่วยไว้ ต้นไม้ที่ผมปลูกก็คงไม่รอด
ตัวดูดน้ำนี้ เขาทำมาขายนานแล้ว เข้ามาเมืองไทยแรกๆก็ใช้ปลูกต้นไม้ ปลูกป่า แต่ก็มีคนหัวใส(กว่าผม) แทนที่จะแช่ในน้ำใส ก็กลับไปแช่ในน้ำสี ผลที่ได้ก็จะมีสีในสารนั้น คงจะรู้จักกันดีในชื่อ ดินวิทยาศาสตร์ ใส่ถุงขายถุงละ 5 บาท 10 บาท ซื้อมา 1 กก. ทำขายได้หลายพันบาท
ต่อมา เขาก็เอาไปใช้ในการทำผ้าอนามัย และต่อมาอีกก็เอาไปใช้ในการทำผ้าอ้อมเด็ก ทำให้ดูดซับน้ำและสิ่งต่างๆได้ดี
แช่ในน้ำสีแดง
ตักใส่ถุงพลาสติก
ดูขนาดของจริง
ถังนี้แช่ในน้ำสีเขียว ใช้ถุงกระเทียม เป็นตัวแยกน้ำส่วนเกิน
ตักออกมาจากถัง เตรียมใส่หลุม หลุมละ 1 กระบวย
หลุมไม่ใหญ่ เพราะขุดเอง (ตอนปลูกจริงใช้สว่านเจาะหลุม)
ปริมาณ 1 กระบวยต่อหลุม เทลงไปก้นหลุม
เอาต้นไม้ที่จะปลูกวางลงไป แล้วเอาดินกลบ หลุมนี้จะปลูกแบบกะลา หงาย
โตโต้ หลานชายคนกรีดยาง กำลังออกลีลา ไมเคิล แจกสั้น
ต่อไปเป็นหมายเหตุ
ที่ต้องมีหมาย เพราะมีเหตุ ก็คือว่า เดี๋ยวจะสงสัยกันว่า ทำไมผมไปเขียนเรื่องที่ใช้สารเคมี (ตัวโพลีเมอร์นี้เป็นสารเคมีแน่นอน) จะผิดวัตถุประสงค์ของเวปหรือเปล่า ผมก็ขอชี้แจงออกตัวไว้ก่อนว่า สารตัวนี้สลายตัวได้ตามธรรมชาติ (เพราะในแปลงที่ผมปลูกเมื่อสองปีก่อน โพลีเม่อร์ หาไม่เจอแล้ว) ต้นไม้ที่ผมปลูกเป็นไม้ยืนต้นไม่ได้นำมารับประทาน กว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็อีก 20 - 30 ปี (คือคนปลูกคงไม่ได้ใช้แน่นอน แม้ว่าจะขอสัก 6 แผ่นก็คงไม่ทัน)
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราเอามาแนะนำให้ทำใช้กันในเวปนี้ ก็ยังมีพวกสารเคมีอีกหลายชนิด เช่น น้ำยาล้างจาน สบู่เหลว (ตอนนี้ผมเลิกใช้สบู่เหลว มาใช้สบู่ก้อน ที่ทำจากน้ำมันและโซดาไฟ(ก็สารเคมีอีกนั่นแหละ)
- บล็อกของ ลุงพูน
- อ่าน 13942 ครั้ง
ความเห็น
lekonshore
5 กรกฎาคม, 2011 - 16:21
Permalink
แล้วจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ค่ะลุงพูน
จะสลายหายไปกับดินหรือค่ะ......:confused:
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
ลุงพูน
5 กรกฎาคม, 2011 - 21:16
Permalink
คุณเล็ก
สองปีก่อนที่ผมใช้อีกแปลงนึง พอครบปีขุดลงไปดูก็ไม่เห็นอะไรแล้วครับ แต่คุณแก้วบอกว่ายังอยู่ในดินอีกหลายปีครับ
TANTITA
5 กรกฎาคม, 2011 - 18:02
Permalink
ใช้เหมือนกันค่ะ
ก็ซื้อมาใช้เหมือนกันค่ะ กก.ละ400บาท (สั่งซื้อทาง net) มันสามารถขยายตัวได้ประมาณ200เท่า มีของอังกฤษและจีน ของจีนถูกกว่าแต่อายุการใช้งานแค่6เดือน ของอังกฤษเกิน1ปี มันเป็นสารสกัดจากธรรมชาติค่ะ(สารสังเคราะห์ก็มี) กำลังทดลองใช้อยู่ พอดีที่ดินตัวเองมันไม่มีน้ำ ปีที่แล้วต้นไม้ตายเกือบหมด ปีนี้ใช้ไปแล้ว1/2กก ปลูกไป 20 ต้น ลองดูนะคะ
ลุงพูน
5 กรกฎาคม, 2011 - 21:19
Permalink
คุณ ธัญธิตา ทั่งทอง
เห็นคุณตุ้ยบอกว่า ที่ออสเตรเลีย เขาก็มีผลิตภัณฑ์นี้ ที่เป็นสารอินทรีย์ แต่ที่ผมเอามาใช้นี่ ยังไม่แน่ใจว่า เป็นสารอินทรีย์ หรืออนินทรีย์ ครับ ปกติเวลาใช้ผสมดินปลูกจะใช้ไม่มาก ผมใช้แค่ 1 กระบวย ต่อหลุมปลูก
ตั้ม
5 กรกฎาคม, 2011 - 18:47
Permalink
อยู่ได้นานเท่าไร..ซือเฮีย
ผมยังสงสัยนะอยากรู้ต่ออะ
1.ใส่ครั้งนึง ใช้ได้ยาวนานขนาดไหนและไม่ต้องรดน้ำเลยหรือ
2. ถ้าฝนตกหรือน้ำขังมีผลอะไรมั๊ย ทั้งต่อดินและต้นไม้
3. ควรใส่ปริมาณเท่าไร
4. ใช้กับพืชที่นำมาเป็นอาหารได้มั๊ย
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
ลุงพูน
5 กรกฎาคม, 2011 - 21:33
Permalink
ซือตี๋
เท่าที่เคยใช้มา
1. ผมผสมดินในหลุมปลูกที่เป็นสวนป่า เลยไม่ต้องรดน้ำ แต่ถ้าเอามาผสมดินปลูกไม้ในกระถาง ก็ต้องรดน้ำเหมือนกัน เพราะน้ำที่เกาะอยู่ จะถูกรากพืชดูดไปใช้ น้ำก็จะลดลงๆ เรื่อยๆ จนหมดน้ำ ต้นไม้จะเหี่ยว เพราะฉนั้น ก็ต้องดูต้นไม้เป็นตัวชี้วัด (ปกติเราจะรดน้ำต้นไม้เมื่อต้นไม้เริ่มขาดน้ำ ไม่ใช่รดทุกวัน และต้นไม้บางชนิด ไม่ต้องการน้ำขัง ก็ไม่ควรรดน้ำมาก)
2. ถ้าฝนตก น้ำขัง ในกรณีของผมในสวน ปริมาณน้ำจะมากเกินความต้องการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้ ว่า ทนต่การขาดอากาศหายใจได้นานแค่ไหน (อึดหรือไม่) เช่น มะละกอ ทุเรียน น้ำท่วมรากจะตายก่อนพืชอื่นๆ กระถินณรงค์ ยูคา น้ำท่วมเป็นเดือนก็ไม่ตายง่ายๆ
3. การใช้ มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ ลักษณะของการขาดน้ำ (ความขยันในการรดน้ำของคนปลูก) อย่างไรก็ตาม ดินแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกัน ต้นไม้แต่ละชนิดก็ต้องการน้ำไม่เท่ากัน และทนการแช่น้ำได้ไม่เท่ากัน ทางที่ดี ในการปลูกต้นไม้แต่ละชนิด แต่ละรูปแบบ น่าจะมีการทดลอง สักนิด ก่อนนำไปใช้จริง
4. การใช้กับพืชอาหาร ตามความรู้ คิดว่ายังไม่เจอโทษหรือความเป็นพิษ เพราะสารพวกนี้ไม่ได้เป็นสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช และถ้าเข้าใจไม่ผิด สารพวกนี้ เป็นสารที่นำไปใส่ในผ้าอ้อม กางเกงเด็ก และผ้าอนามัย (แต่คงละเกรดกัน)
ความรู้ผมมีแค่นี้ครับ
ป้าเล็ก..อุบล
5 กรกฎาคม, 2011 - 19:05
Permalink
กำลังเคี้ยวน้ำแข็ง
เห็นอันนี้เหมือนน้ำแข็งเลย กินเข้าไปสักก้อน สงสัยท้องแตกตาย
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
ลุงพูน
5 กรกฎาคม, 2011 - 21:38
Permalink
ป้าเล็ก
สมัยหนึ่ง ป้าเล็กคงเคยเห็น วัตถุลูกกลมๆ สารพัดสี เป็นเม็ดเล็กๆ ขายเป็นของเด็กเล่น เด็กซื้อมาแล้วแช่น้ำในขวด แล้วเทไม่ออก เพราะมันใหญ่กว่าปากขวด ก็เลยอยู่ในขวด แต่บังเอิญเด็กบางคนไม่ได้แช่ในขวด เอามาแช่ในแก้วน้ำ มันก็พองโต รู้สึกว่ามีเด็กกินเข้าไป จนต้องพาไปโรงพยาบาล เพราะมันไปพองต่อในท้อง เหมือเด็กๆกินบะหมี่สำเร็จรูปแบบไม่แช่น้ำให้พองก่อน ยังไงยังงั้น ครับ
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
5 กรกฎาคม, 2011 - 20:09
Permalink
เคยใช้ค่ะ
เคยนำมาใช้ กับการปลูก กล้าอ่อน เหมือนกัน แต่ใช้เมื่อนานมาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวมันยังอยู่ในดินไหม หรือว่าย่อยสลายไปแล้ว
แต่เท่าที่เคยเห็น จากไม้กระถางนะคะ พอมันเสื่อมไม่ทำหน้าที่แล้ว ซากมันจะยังคงอยู่ อีกหลายปี เลยค่ะลุง แต่ฟี่ๆเหี่ยวๆ เหนียวๆ เหมือนซังในใยบวบ ขุดมาดู ตอนนั้น หลังจากใช้ไปประมาณ 4 ปี ยังไม่ย่อยสลายไปเลย แต่ยุบตัวลงเฉยๆ
ลุงพูน
5 กรกฎาคม, 2011 - 21:42
Permalink
คุณแก้ว
ของคุณแก้วน่าจะเป็นพวกที่มีคุณภาพสูงครับ แรกๆ นำเข้าจากญี่ปุ่น เป็นเม็ดเล็กๆ ละเอียด ผมยังเคยเอามาเล่นกล หลอกเด็ก โดยเอาผงโพลีเมอร์ใส่แก้ว แล้วเติมน้ำสีลงไป กวนให้กระจายตัว กะเวลาให้ดูดน้ำเข้าไปจนเต็มที่ แล้วบอกว่า น้ำในแก้วนี้จะไม่หก แล้วก็ยกแก้วคว่ำ ตัวดูดน้ำจะติดที่ก้นแก้วด้านบนครับ
หน้า