บล๊อกน้ำแห้ง
ที่เขียนว่าเป็นบล๊อกน้ำแห้งเพราะไม่มีภาพประกอบ แต่ขอเป็นว่า ให้ใช้จินตนาการเอาเถิด
บ้านสวนเรา น่าจะมีสมาชิกที่เคยกินน้ำหวากใต้โคนโหนดมาบ้าง นี่เป็นวิถีท้องถิ่นใต้ของ
เรามาแต่โบราณเหมือนกัน เป็นความรื่นรมณ์ยามเย็น กับธรรมชาติ และ เมรัยพื้นบ้าน หลายวัน
ก่อนโน้น ผมกับขวัญข้าวสำรวจท้องทุ่ง ไปจนถึงทุ่งนาฝั่งฟากหนึ่งของหมู่บ้านช่วงต่อแดนตำบล
พอตะวันพลบโพล้เพล้เต็มที่ ผ่านต้นตาลเดี่ยว ริมคันนา ที่มีไทรม่านย้อย ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งนั่ง
ตะคุ่มกวักมืออยู่ไหวๆ ครั้นพอเข้าไปก็พบน้าๆลุงๆกลุ่มหนึ่ง นั่งวนพลก(กะลา)น้ำหวากกันอยู่
พอลงม้า ปล่อยขวัญข้าวเล็มหญ้าลงไปนั่งทักทาย ลุงแกยืนพลกน้ำหวากหอมๆส่งมา แหม..นานๆ
ถึงจะได้ร่ำเมรัยบ้านทุ่ง รสชาติดีเหลือหลายไม่ปร่าไม่ขมหอมเข้มกลมกล่อม หวากนี่หนอคู่ของย่าง
ของแห้ง ประเภทเนื้อย่างแห้งๆ เด็ดนัก
นับวันหนอ วิถีพื้นบ้าน และ สังคมจะถูกทำลาย สูญหายไปเพราะวิกฤติทุนนิยมนี่แล
ก่อนจบ ขอทายปัญหาน้าแผน หน่อย ... แค้นใจอยู่คราวก่อนที่ตอบปัญหาน้าแผนผิด ถามว่า
น้ำลดตอผุด พริกหลุดจากขั้ว ลงน้ำดำหัว เรือรั่วอุดชัน อะไรเอ่ย ( คำถามนี้ เป็นคำถามแรก
ในวงการอะไรเอ่ย เพราะผมเพิ่งคิดขึ้นมาเมื่อตะกี้ ตอบให้ถูกนะ ใครตอบถูกรับรางวัลที่ผุ้ใหญ่บ้าน)
- บล็อกของ นายวิษณุ พรมอินทร์
- อ่าน 5543 ครั้ง
ความเห็น
แผน รณรงค์
26 พฤษภาคม, 2010 - 15:17
Permalink
หวางอี้เล็งปลาจ่องหมอ๊ง ลืม
หวางอี้เล็งปลาจ่องหมอ๊ง ลืม น้ำจิ้มส้มจาก กับหยวกกล้วย หรอยจริงยืนยัน
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
แผน รณรงค์
23 พฤษภาคม, 2010 - 15:10
Permalink
ใช่แล้วบรรยากาศแบบนี้
ใช่แล้วบรรยากาศแบบนี้ ไม่ได้พบเห็นนานแล้ว ความจริง บรรยากาศ แบบนี้ หากมองๆ ไปรอบๆ หมู่บ้านของของเลสาบ สงขลา ก็จะเห็นภาพแบบนี้ได้ไม่อยากนัก เมื่อ หลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีนายทุนโรงน้ำเมา คิดตั้งโรงงานผลิตเบียร์ ของพวกเขา ชาวบ้านเราก็พลอยเดือดร้อนตามไปด้วย หวากหรือ น้ำตาล ก็ถูกกล่าวหา ยัดเยียด ข้อหาให้เป็น ของเถื่อนขึ้นบัญชีดำ ให้ตำรวจซึ่งเป็นลูกชาวบ้านเหมือนกัน มาวิ่งไล่จับ กันเองรับใช้นายทุน มาวันหนึ่งตอนนี้ ดูเหมือน จะปล่อยฟรีให้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุเพราะ อาจไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว เพราะหลายปีผ่านมา นายทุนเหล่านี้ ขายเก็บกำไรเป็นกอบเป็นกำ สามารถผลิตได้ที่ต้นทุนต่ำราคาขายก็ถูก กว่านำเมาพื้นบ้านซะแล้ว ค่านิยมชาวบ้านรุ่นใหม่ก็แทบจะไม่รู้จักภูมิปัญญานี้ อีก ต่อไปแล้ว เฮ้อ พูดไปก็น่าเสียดายของดี ภูมิปัญญาไทย มันถูกย่อยทิ้ง อย่างไม่ใยดีมาโดยตลอด นายวิษณุ ยังดีที่มยังมีโอกาส ได้เห็น แถบได้บรรยากาศและรดชาติ ไปแบบเต็มๆ ว่าแต่ว่า วันนั้น ควบม้ากลับยังไงหรือ ขวัญข้าวเขา ไม่เคืองเอาหรือ ที่ไม่แบ่งให้เขาบ้างนะ ส่วนคำถาม นั้น นึกไม่ออกจริงๆ แต่ถ้าได้หวาก สักสองพลก ไมแน่ ...ว่าจะนึกหรือไม่
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
กระต่ายดำ
23 พฤษภาคม, 2010 - 15:46
Permalink
วิถีชาวบ้าน ที่หายไป เพราะการพัฒนา
โปรดใช้วิจารณญาณครับ วิถีชาวบ้านในการทำน้ำเมาไว้ดื่มกินยามเสร็จจากงาน หรือไว้รับรองแขกในงานต่างๆ ถือว่าเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่สามารถต่อยอดได้ ผมไม่ได้ส่งเสริมให้มีการดื่มกันอย่างแพร่หลายนะครับ อันนี้แล้วแต่ตัวบุคคล เราลองมาดูกันนะครับว่าปีหนึ่งๆ เราสูญเสียเงินตราให้ต่างชาติเท่าไหร่ในการนำเข้า สาเก (ญี่ปุ่น) วอดก้า (รัสเซีย) ตากีล่า (เม็กซิโก) ไวน์ จากหลากหลายแหล่งผลิต และอีกมากมายหลายชนิด ซึ่งก็เป็นเครื่องดื่มที่เขาทำกันเอง ดื่มกันเองในกลุ่มของเขา ทุกวันนี้กลายเป็นที่รู้จัก และนิยมกันไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งวัยร่นไทย ถือเป็นเรื่องโก้เก๋ทีเดียว แล้วทำไมเครื่องดื่มของคนไทย กระแช่ อุ หวาก ซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทย กลับไม่ได้รับการเหลียวแล เห็นเป็นเรื่องเลวร้าย ผิดกฏหมาย แต่หน่วยงานรัฐยอมให้มีการนำเข้าสุราต่างประเทศ หลากหลายชนิดหวังเพียงแค่ต้องการได้ภาษีจากการนำเข้าเท่านั้นหรือ? แต่กลับหลงลืมภูมิปัญญาดั้งเดิม และดูแคลนวิถีพื้นบ้าน ผมหมายรวมถึงภูมิปัญญาด้านอื่น และวิถีชีวิตดั้งเดิมของแต่ละชุมชม ที่ถูกทำลายลงไป จากการพัฒนา จนตั้งคำถามกับตัวเองมานานแล้วว่า การพัฒนาที่รัฐหยิบยื่นให้มันดีจริงอย่างที่เขาว่าหรือ?
พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนๆ จะเครียดเกินไป
จะปลูกต้นไม้ในใจเธอ
แผน รณรงค์
23 พฤษภาคม, 2010 - 16:02
Permalink
เริ่มเครียดแล้วจริง
เริ่มเครียดแล้วจริง สุราเมรัย มีคู่มนุษย์ชนมาอย่างยาวนาน พร้อมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น หลายๆย่างเหมือนภูมิปัญญาในด้านอื่นๆ ที่มีอยู่อย่างมากมายแต่สุดท้ายก็ถูกกลั่นแกล้งขัดขวางโดยทุนสามาลย์ เชื่อผมคอยดูนะ เว็ปนี้ก็ อาจจะถูกเพ่งเล็งจาก ใครบางคนที่สูญเสียหรือกลุ่มที่เสียประโชน์อยูก็ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น ประมาณว่าดีได้แต่อย่าเด่น ต่อมาก็เด่นได้แต่อย่าดัง สุดท้ายก็ดังได้แต่อาจดับนี่แหละครับ ขออภัยที่ออกนอกเรื่องบล็อกน้ำแห้ง ของน้องวิษณุเขา บังเอิญพอดีนึกได้
ตามรอยพ่อคิด ด้วยวิถีชีวิต ที่เพียงพอ
sothorn
24 พฤษภาคม, 2010 - 09:39
Permalink
เห็นด้วยกับพี่แผน
จะเด่น จะดัง จะดับ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันครับพี่แผน
ผมเองทำเวบนี้ไม่เคยคิดขัดขาใคร เพียงตั้งใจเดินตามพ่อหลวงก็เท่านั้น
บุญพา
23 พฤษภาคม, 2010 - 16:11
Permalink
ที่บ้านเรียกน้ำหวาน
ตอนเป็นเด็ก(เคยเป็นเด็กทีนึง)พอเค้าขึ้นน้ำหวานกัน พวกเราเด็กๆก็รอเผื่อได้กินน้ำหวานใส ไม่เมาเด็กกินได้
ที่เมาเพราะเค้าใส่เคี่ยม เป็นเปลือกไม้หรือเปล่าไม่แน่ใจ
ปัญหา มันก็ยังเป็นปัญหา เพราะว่าไม่มีทางออก ตอบไม่ถูก
แจ้ว
23 พฤษภาคม, 2010 - 16:58
Permalink
คิดคำตอบ 3 ชั่วโมง
ใช้เวลานานมาก นั่งนึกนอนนึกก็ยังนึกไม่ออก ขอเดาแบบหว่านแหเหมือนจันทร์เจ้าแล้วกัน
น้ำลดตอผุด = สัจธรรมแห่งชีวิต
พริกหลุดจากขั้ว = เน่า เกิดแก่เจ็บตาย
ลงน้ำดำหัว =
เรือรั่วอุดชัน = สังขาร
อะไรเอ่ย เอาทั้ง 4 มารวมกันกลายเป็น.......... ช่วยคิดกันหน่อยค่ะ
ann
23 พฤษภาคม, 2010 - 17:19
Permalink
มาช่วยพี่แจ้ว
มาช่วยพี่แจ้ว..อ่านของพี่แจ้วยังคิดม่ะออก
..แอนช่วยให้กำลังใจ
....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
ป้าเล็ก..อุบล
23 พฤษภาคม, 2010 - 17:40
Permalink
มาช่วย..เดา
พรหมวิหาร4 อิทธิบาท4 เดาๆเอา
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
จันทร์เจ้า
23 พฤษภาคม, 2010 - 18:17
Permalink
อะไรกันนี่??
ที่ใช้ตะบวยตักนี่ ภาคกลางเรียกน้ำขาวใช่หรือไม่คะ??? ยัง งง งง ค่ะ
ส่วนปัญหา ลึกขนาดนี้จันทร์เจ้าตอบไม่ถูกค่ะ ตื้นๆยังไม่ถูกเลย อิอิ(มีคนแอบคิดถึงเรานะ)
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
หน้า