ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน หนี้สินรุงรัง สุดท้ายต้องขายแผ่นดินเกิด
ปู่ย่าตายายของเรามีอาชีพเกษตร ทำนามาตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบันผมวัยกลางคน ปู่ย่าตายายตายไปหมดแล้ว ชาวนาในประเทศไทยก็ยังยากจน (ทั้งที่บางคนขยันทำนามากกว่า 1 หน /ปี) จนบางคนขายที่นาแผ่นดินไม่มีจะอยู่เพื่อนๆ มองว่าเป็นเพราะเหตุใดหรือมีทางออกใดที่จะช่วยเกษตรกรชาวนาให้ยังคงอยู่ได้ในประเทศไทย และยังคงทำนาให้เรากินต่อไป ก่อนอาชีพชาวนาจะสูญพันธ์ไปจากประเทศไทย
- อ่าน 3669 ครั้ง

ธนนันท์
1 ธันวาคม, 2011 - 22:31
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
คงจะจนเป็นบางคน อาจจะไม่ได้จนเพราะทำนา อาจจะจนเพราะอุปนิสัยส่วนตัว คงไม่ได้เกี่ยวกับท้องนาค่ะ กระทู้นี้ลึกมาก ส่องดูไม่ถึงค่ะต้องหย่อนเชือกลงไปดู..ก้นบึ้งของปัญหาที่แท้จริง เป็นรายบุคคล
อติสัย
2 ธันวาคม, 2011 - 21:04
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ผม คิดอยู่นาน ตัดสินใจ Copy ธนนันท์เลยนะ ผมคิดเหมือนกัน มันลึกมาก..
วัชรินทร์
1 ธันวาคม, 2011 - 22:35
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ตราบใดถ้าชาวนายังคิดที่จะทำนาเพื่อการค้าขาย(ขายข้าวเปลือกแล้วซื้อข้าวสารกิน)มีแต่รังจะเป็นหนี้ข้าวเปลือกตันละ5-6000 เป็นข้าวสารกระสอบป่านละ1700แถมยังมีหลากหลายข้าวสารหลากหลายราคา ถ้าหันมาคิดใหม่ทำเพื่อมีกินตลอดปีส่วนที่เหลือรวมตัวเป็นสหกรณ์แล้วขายจะทำให้ไม่เป็นหนี้แล้วมีข้าวกินถึงไม่มีกับข้าวสวยคลุกน้ำปลาก็สุดยอดแล้ว
Meena Nam
2 ธันวาคม, 2011 - 03:45
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ตัวอย่างพ่อที่บ้านนะคะเป็นหนี้ค่าปุ๋ยทุกปี พอทำนาขายข้าวเสร็จก็จ่ายค่าปุ๋ยหมด เหลือข้าวไว้กินนิดหน่อย บอกไม่ฟัง ซังข้าวก็เผาบอกว่ามันขว้างเวลาทำนาครั้งต่อไป :sweating: :sweating:
RUT2518
2 ธันวาคม, 2011 - 05:48
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ต้องหาทางให้หลุดพ้นครับ
แก้วกลางใจ
2 ธันวาคม, 2011 - 08:22
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ลองศึกษาการทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน (แปลงต้นแบบอยู่ที่ จ.ขอนแก่น) ดูซิคะ แล้วลองปรับเปลี่ยนดู ตอนนี้กำลังส่งเสริมให้เกษตรกรในตำบลอยู่ค่ะ
เสิน
2 ธันวาคม, 2011 - 08:49
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ปัญหาใหญ่ คิดไปก็.....ถ้าไม่ได้อยู่บนความพอเพียง
..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..
9att
2 ธันวาคม, 2011 - 09:10
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ประเด็นตอนนี้ เกษตรกรเราเป็นหนี้อยู่ แล้วทำอย่างไรหล่ะ ที่จะปลดหนี้ ไปพร้อม ๆ กับการหาเลี้ยงชีวิตของตัวเองและครอบครัวในสภาวะที่มีสิ่งล่อใจและความเจริญทางด้านวัตถุนิยมมากขึ้น ต้องหาทางออกให้กับตัวเองให้ได้ เป็นเป้าหมายที่ตั้ง
... หยุดความอยากของตัวเองและคนในครอบครัวให้ได้ อยากมี อยากได้ อยากเหมือนคนอื่น ทั้งที่เราไม่มีกำลังพอ
... หยุดอบายมุข เหล้า การพนัน หวยใต้ดิน หวยบนดิน หวยหุ้น ชนไก่ ฯลฯ
... ขยันทำมาหากิน (หาได้ เก็บเป็น ใช้เป็น)
... ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี ในอดีตค่ารักษาพยาบาลนี่ต้องขายที่นามาใช้มาให้กับร.พ. เลยบางทีต้องไปหยิบยืมผู้มีอันจะกิน ปัจจุบันสวัสดิการรัฐดีขึ้น แต่ยังเสียค่ารักษาโรคบางชนิดอยู่บ้าง
... มุ่งเส้นทางเกษตรอินทรีย์ หยุดสารเคมี หยุดปุ๋ยเคมี เพื่อชีวิตที่พอเพียง
... หาความรู้เพิ่มเติม อย่าไปเชื่อโฆษณามาก
ขอบคุณที่ตั้งประเด็นทำให้ผมได้คิดสิ่งที่น่าจะทำ อาจจะพอมีแสงเริ่มมาบ้างน่ะครับ (แต่ผมยังมีกิเลสเยอะ :uhuhuh: )
... "้เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาซิของจริง" ...
teerapan
2 ธันวาคม, 2011 - 09:24
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
ชีวิตเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง ถ้าเน้นไม่ทำเพื่อขายก็จะอยู่ได้ ทำให้หลายๆ อย่างกระจายความเสี่ยง ลดความเสี่ยงจากราคาพืชผลด้วยการปลูกสิ่งที่ตนเองกินให้มากที่สุด (ถ้าราคาแพงเรามีกินไม่เดือนร้อนเพราะไม่ต้องซื้อ ที่เหลือกินก็ขายได้ ถ้าราคาถูกเราก็กินของถูก เอาของราคาแพงไปขาย) และ/หรือ สัตว์เลี้ยงกิน (ถ้าราคาถูกเราก็เอาส่วนที่เหลือกินยกให้หมู เป็ด ไก่ กิน เพราะบางครั้งค่าขนส่งไม่คุ้มกับการขนไปขาย ถ้าราคาแพงเราก็เอาไปขาย เอาของราคาถูกให้พวกสัตว์กินแทน) ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมด้วยกันขุดคูน้ำรอบแปลง และยกคันให้สูงและกว้าง ลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้วยการขุดสระประมาณ 30% ของพื้นที่ คิดไปคิดมา ในหลวงท่านก็ทรงสอนพวกเราอยู่แล้วในเกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 นั่นเอง (แล้วยังมีขั้นสูงขึ้นอีก แต่แค่ทำขั้น 1 ก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว) ในหลวงทรงให้จัดทำแปลงสาธิตตั้งแต่ปี 2531 (เมื่อ 23 ปีที่แล้ว) แต่เป็นที่น่าแปลกใจมากที่เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิธีการทำการเกษตรแบบเดิมๆ คำถามน่าจะเป็นว่ามีทางออกแล้วทำไมเกษตรกรยังไม่เดินตาม? :confused:
“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison
patthalaw
2 ธันวาคม, 2011 - 10:18
Permalink
Re: ระดมสมองแบกบาล ทำไมเกษตรกรชาวนา ยิ่งทำยิ่งจน ...
จากประสบการณ์กว่า 20 ปีของอาชีพผมเอง คือทนายความ สรุปได้ว่า สาเหตุแห่งความยากจนคือ ความรู้ไม่เท่าทันของคนจนในการก่อหนี้
ไม่รู้ว่าดอกเบี้ย ค่าทวงถาม เป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าการบังคับคดีร้ายแรงขนาดไหน ไม่รู้ว่าคดีมันไม่จบง่ายๆ(อายุความสิบปี เขาก็มาฟ้องปีที่ 9 เพราะดอกเบี้ยมันเดินมาตลอด 9 ปี) ไม่รู้ว่าการถูกฟ้องแล้วไม่เข้าสู้คดีมีความเสียหายขนาดไหน(คดีกู้ยืมสืบพยานกันไม่ถึงนาทีก็มีคำพิพากษาแล้ว)
ทำใมถึงเกิดความรู้ไม่เท่าทัน
เพราะว่าคนให้ความรู้ เป็นฝ่ายทุนนิยม สนับสนุนการกู้ยืม
ฝ่ายพอเพียงไม่มีองค์กรให้ความรู้ ไม่มีองค์กรกลางช่วยเหลือคนยากจน
คิดแบบง่ายๆ ทำใมเกษตรกรต้องมีรถไถกันทุกบ้าน ทำใมต้องมีรถกระบะกันทุกบ้าน ทำให้เป็นหนี้กันทุกบ้าน
วิธีแก้ต้องยืมหลักสหกรณ์มาใช้โดยอนุโลม คือ แต่ละชุมชนรวมตัวกันซัก 20 หลังคาเรือน มีรถกระบะคันเดียว เอาไว้ขนสินค้าไปขาย เวลาซ่อมก็ร่วมกันออกค่าซ่อม หรือเอาช่างประจำหมู่บ้านมาซ่อมฟรี มีแม็คโครคันเดียวใช้ขุดสระ มีรถไถคันเดียว ใช้เกรดดิน มีลานทำปุ๋ยใช้ร่วมกัน หรือร่วมกันซื้อปุ๋ยจากตัวแทนจำหนายได้ราคาถูก ต่อรองได้ ขอเครดิตก็ได้ ส่วนเรื่องส่วนตัวก็ต่างคนต่างมีตามอัตถภาพ
ผมยังคิดเลยเถิดไปถึงขนาดว่า บ้านสิบหลัง เป็นหนี้กันหลังละ 200,000 ต่างคนต่างใช้หนี้ สิบปีก็ใช้ไม่หมด เพราะเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ถ้าสิบหลังนี้ร่วมกันใช้หนี้ 2,000,000 ร่วมกัน เอาผลผลิตมาร่วมกันขาย ได้เงินมาแต่ละปีก็ตัด 70% ไปใช้หนี้ของกลุ่ม ตัด 30% เอาไว้กิน ทำอย่างนี้ไปซัก 5 ปี รับรองหนี้ 2,000,000 ใช้หมดทั้งกลุ่ม ใครเป็นหนี้มากก็ใช้มากตามสัดส่วน ใครเป็นหนี้น้อยเงินที่ตัดไปใช้หนี้ก็กลายเป็นเงินเก็บไปในตัว ครบ 5 ปีทุกคนสบาย บางคนมีเงินเก็บจากการรวมกลุ่มใช้หนี้ จะอาศัยแต่รัฐบาลมาช่วย ชาตินี้คงไม่มีทางสำเร็จ เพราะมีแต่สนับสนุนการกู้เงิน คนแถวบ้านที่เชาชะเมา เป็นหนี้มา 20 กว่าปี ยังใช้ไม่หมด แต่ที่ทยอยหมดคือ ที่ดินของตัวเอง จากเกือบร้อยไร่ ตอนนี้เหลือแค่พออยู่ จะลงมันสำปะหลังยังไม่คุ้มเลย
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป
ชีวิตพอเพียง/ไม้ 5 ชั้น (ใต้ดิน/ผิวดิน/ไม้พุ่ม/ไม้สูง/ไม้น้ำ)
คือคำตอบสุดท้าย
หน้า