ตัดสินใจ ... “บ้า ! ว่ะ”

หมวดหมู่ของบล็อก: 

     3 – 4 วันมานี่ ... มีบ่อยครั้งที่ ข้าพเจ้า เข้าสู่ภาวะ ตริ ใคร่ครวญ .... ว่า ...

               “ควร ... บ้าไหม ?”

     หลังจาก ... นำบริบท ของตนเอง & สังคม เข้าสู่กระบวนการคิดแล้ว ... ตัดสินใจว่า ...

            “บ้า ... ก็ ... บ้า ว่ะ!

     แล้ว ไหน ๆ จะบ้า ทั้งที ... บ้าคนเดียวทำไม ... หาคนช่วยบ้าดีกว่า ... ท่านจะร่วมบ้ากับข้าพเจ้าไหมเอ่ย

     เรื่อง ของเรื่อง ... ก็สืบเนื่องมาจาก  บล็อก หลาย ๆ บล็อก ที่ข้าพเจ้า ได้ อัพโหลดไปแล้วนั้น มีสมาชิกจำนวนไม่น้อย  ได้แสดงความคิดเห็น ต่อกรณีย์ บริบทสังคม ด้านพฤติกรรมมนุษย์ ยุคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนไป จากอดีต ...

     ปัจจัยที่เปลี่ยนไป มีหลายด้าน รึจะอนุโลมเรียกว่า “หลายมุม” ก็คงไม่ผิด ...

     ข้าพเจ้า ซึ่งมีสภานะภาพเป็นสมาชิกแห่งสังคม เฉกเช่นกับท่าน ... ก็จำต้องมีปฏิสัมพันธ์ ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่

     จึงจำเป็น ที่ข้าพเจ้า ... ต้องกำหนด “สติ” เมื่อมอง ไปกระทบด้านใด ด้านหนึ่ง แล้วต้องใช้ “สัมมาทิฐิ” เป็นแว่นขยาย เพื่อจะได้ ไม่ผิด หลง ออกนอกวิถีพัฒนาตนเองให้เป็นมนุษย์

     “ปลาเป็น ไม่ลอยตามกระแสน้ำ” ... เป็นประโยคเตือนใจ ที่ไพเราะ ... แต่จะใช่นัยว่า ...  “ปลาเป็นต้องว่ายทวนกระแสนำขึ้นไป” กระนั้น ฤๅ ... เป็นประเด็นที่ ข้าพเจ้ายกมาให้ตัวเองขบ

      ... การจะกระโจนลงไปในกระแส ... แล้วว่ายทวนกระแสนั้น มันก็เหนื่อยแรง อักโขอยู่นะ ... ท้ายสุด ถ้าหมดแรงกลางกระแสล่ะ ... เคยถามตัวเองไหม ว่า ... “แล้วจะทำไง ?”

     ถ้ายังไม่เคยถาม ณ บัดเดี๋ยวนี้ ... ต้องถามแล้วล่ะ ... ถามตัวเองนี่แหละ ...

        แล้วให้ “สัมมาทิฐิ” ในตัวเรานี่แหละเป็นผู้ตอบ

     โอ ... งั่น .... “ลอยตามกระแส”  ดีกว่าเนาะ ! ....

         ก็ไม่รู้ซี ! … แล้วจุดหมายปลายทางของชีวิต เราอยู่ที่ไหนล่ะ ... ได้กำหนดไว้รึเปล่า ... หากกำหนดไว้ ... แล้ว

     การปล่อยให้กระแสพัดพาไป .... ยังจะสู่จุดหมายชีวิต ที่ตั้งไว้ได้รึ ... ก็

       ต้องถาม ตัวเอง และให้ สัมมาทิฐิ ตอบอีกนั่นแหละ

     ท่ามกลาง “กระแสที่ผันผวน” ... ข้าพเจ้า จึงต้องพยายามตั้งสติ คัดกรอง มองว่า

          กระแสใด ส่งเสริม อารมณ์ที่ก่อเกิดจาก สัญชาติญาณดิบ ... กัดกร่อน หิริ – โอตตัปปะ เป็นต้นเหตุแหงความ หย่อนยาน ... ปล่อยปละละเลย ต่อการรู้จักควบคุมอารมณ์ อันมีบ่อเกิดจาก “สัญชาติญาณดิบ” ... ก่อเกิดความถดถอย ต่อคุณสมบัติอันบ่งชี้ ความเป็นมนุษย์ ... โน้มน้าว ชักจูง ให้เดินกลับไปสู่ อนารยะ ... กระแสนี้ แม้ข้าพเจ้า จำต้องลงไป ว่าย วน อยู่ด้วย ... ก็ ควรระมัด ระวัง ! อย่าให้ปนเปื้อน เข้าสู่ ทวาร ใด ๆ ... เพราะ “มิควรแก่การนำมาเป็นเครื่อง อุปโภค บริโภค

       กระแสใด มีอำนาจ กัดกร่อน ขัดเกลา ถลุงแยกเอา “สัญชาติญาณดิบ” ทิ้งไป ... สร้างคุณค่าใหม่ ให้มีพัฒนาเป็นค่าบวก รู้จักควบคุมอารมณ์ ที่ผุดจาก สัญชาติญาณดิบ ... เพื่อเพิ่มคุณสมบัติ อันบ่งชี้ ความเป็น “อารยะ” ของมนุษย์ ... กระแสนี้นี่เล่า ที่ควรค่าแก่การ อุปโภค บริโภค

ก็รู้อยู่ ว่าไม่ปกติ ...

แทนที่ จะมอง และพัฒนาตัวเอง ...

กลับแส่มองออกนอก ... “แล้วอยาก” ... อย่างนี้ ท่านว่า ...

“ข้าพเจ้า ... บ้าไหม ?”

ฮึ ๆ ๆ ๆ ... เอ้า ... บ้า ... ก็บ้า ว่ะ

 

ความเห็น

  ขอบคุณครับ จะพยายามนำเสนอ โดยมิให้ล่วงสิทธิ์ และความรู้สึกของใครอื่นครับ

บางครั้งลอยตามกระแส บางครั้งว่ายทวนกระแส และบางครั้งไม่ทำอะไรเลย ยืนดูเฉย แต่มี สติ อยู่ตลอดเวลา

 

กลับมาอ่านใหม่ เมื่อวานอ่านด้วยทำงานด้วยแล้วรีบไปงานศพญาติ ใจจึงไม่สงบยังไม่ค่อยเข้าใจ วันนี้อ่านซ้ำ และอ่านความคิดเห็นแต่ละท่านแล้ว ได้แง่คิดดี ๆ กลับไปมากมาย ขอบคุณทุกท่านค่ะ

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

อืม..สัญชาติญาณดิบผู้กัดกร่อน หิริ โอตปะ หากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องส่องดูด้วยแว่นขยายยี่ห้อ สัมมาทิฐิ เมื่อมองเห็นความชัดเจนแล้วต้องนำมาขัดเกลา เพื่อความเป็น อาระยะ ก่อนนำมาบริโภค ก่อนหรือหลังอาหาร เช้า สาย บ่าย เย็น .......โอ้ย.บ้าก็บ้าด้วยคนนะครับลุงพาโล

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

  ฮุ ๆ ๆ ... ดีใจ ที่ได้เพื่อน

หน้า