สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
สะแลพืชพื้นถิ่น และ เป็นอาหารพื้นเมืองของคนเหนือ ชื่ออาจแปลกหู และหาทานได้เพียงฤดูนี้เท่านั้น แกงสะแลใส่ปลาแห้ง หรือ เนื้อ เชื่อว่าทานแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และเจริญอาหาร ฟื้นไข้ ช่วงนี้หากเดินตามตลาดสด (เช้า – แล้ง)ก็จะเห็นลูกผักสีเขียววางกองในกระด้งขายรวมกับผักอื่นๆ นั้นเหละคือลูกสะแล
สะแลเป็นไม้เลื้อย กึ่งยืนต้น มีอายุหลายปี ไม่พบในป่าโดยทั่วไป พบแต่บริเวณชุมชนชนบทที่มีคนอาศัย แสดงว่ามีการขยายพันธุ์และปลูกไว้กินเท่านั้น ว่าไปแล้วสะแลเป็นญาติว่านเครือกับหมอน หากสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าลูกสะแลมีลักษณะคล้ายกับลูกหม่อน แต่ส่วนที่ใช้ทานคือลูกดิบสีเขียว หากสุกจะมีสีเหลือง รสชาติหวาน-ขม เลี่ยน ติดปากติดคอ ไม่นิยมทาน
สะแลมีสองประเภท ชนิดที่มีลูกยาว เรียก สะแลสร้อย อีกชนิดลูกกลม เรียกสะแลป้อม ที่นิยมรับประทานคือ สะแลป้อม
สะแลป้อมก็แบ่งเป็นอีก 2 ประเภทอีกเช่นกัน คือ ชนิดที่ออกตามฤดู ช่วงเดือน ม.ค-มี.ค และชนิดที่อกก่อนฤดู ต.ค-ธ.ค ซึ่งเรียกว่าสะแลดอ(สะแลทวาย) ความน่าสนใจอยู่ที่สะแลดอซึ่งออกต้นฤดู และมีราคาแพงมาก คือ กิโลกรัมละกว่า 200-350 บาทเลยทีเดียว(ราคาส่ง) แต่สะแลพันธุ์ดอนี้ก็หายาก เจ้าของสวนก็หวงพันธุ์มิใช่น้อย
สะแลขยายพันธุ์โดยการปักชำกิ่ง ที่นิยมคือการขดหลุม และปักชำกิ่งสะแลลงในดินใต้ต้นไม้ยืนต้นโดยตรงในฤดูฝน สะแลจะแตกกิ่งก้านรวดเร็วและเลื่อยเกาะเกี่ยวไม้ใหญ่และทอดกิ่งบนเรือนยอดไม้ใหญ่ แต่เนื่องจากกิ่งใบไม่หนาทึบ สะแลเลยไม่รบกวนการเจริญของไม้ต้นนั้น เพียงแต่อาศัยยึดเกาะเท่านั้น
การเก็บสะแลใช้วิธีตัดกิ่งสะแล ที่มีลูกเขียว แก่จัด แต่ไม่สุก นำมาริบออกด้วยมือ สะแลจะแตกกิ่งใหม่ได้รวดเร็วและพร้อมเป็นดอกในปีต่อไป แต่หากไม่ตัดกิ่งสะแลทิ้ง สะแลกิ่งแก่มักไม่ติดดอกอกผลดีเท่าที่ควร คล้ายกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ต้องมีการตัดแต่งกิ่งทุกปี
สะแล หนึ่งต้นที่แล้ว อายุ 3-4 ปี ขึ้นไป จะเก็บผลได้ 5-10 กก.ต่อต้น จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เกษตรกรที่ปลูกสะแลไว้ในบ้าน หรือ หัวไร่ปลายนา คนละ 20-30 ต้น จะได้เงินนับแสน บาทในแต่ละปี บางปีได้เงินจากสะแล มากกว่าลำไย หรือ มะม่วง ที่เป็นผลผลิตหลักเสียอีก
ปัจจุบันร้านอาหารพื้นเมืองมีผู้สนใจต่างถิ่นเริ่มสนใจชิมแกงสะแลมากขึ้น นอกจากอาหารเหนือที่ชื่อคุ้นเคย สะแลก็ยังมีคนนิยมรับประทานอยู่มาก สะแลจึงเป็นพืชที่ไม่ควรมองข้ามทีเลยเดียว
ปกติใส่ปลาสด หรือ ซีโครงหมูก็ได้ แต่นันท์ชอบใส่ปลาที่ทอดแล้ว
น่าทานไหมค่ะ
ปลาช่อนตัวนี้ตัวใหญ่แถมให้ชมอีกหนึ่ง เมนูเลยค่ะ
ปลาช่อนทอดกรอบผัดขิงกับใบครึ่งฉ่าย
เสร็จแล้วค่ะ
น่าทานไหมค่ะ
ขอบขอบคุณเวบบ้านสวนพอเพียง.ไฉไลกว่าเดิม.และผู้ใหญ่โสทรประธานแจ้วและเพื่อนๆสมชทุกๆท่านที่เข้าชมหรือเข้ามาให้กำลังใจ.ขอบคุณค่ะ
- บล็อกของ ศิรินันท์
- อ่าน 26058 ครั้ง
ความเห็น
ศิรินันท์
17 มกราคม, 2013 - 13:43
Permalink
Re: สแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
ได้ค่ะ รอก่อน นะค่ะนันท์ชำสำเร็จ แล้วจัดส่งไปให้นะค่ะ
https://www.facebook.com/Sirinanpraewa
BeeFuu
17 มกราคม, 2013 - 14:38
Permalink
Re: สแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
อยากเห็นต้นด้วยค่ะ ถ่ายรูปต้นให้ดูหน่อยได้ป่าวคะ แบบว่าไม่เคยเห็นอ่ะค่ะ
"ความสุขของชีวิตในวันนี้ คือทำตามวิถีพอเพียงของพ่อ"
ศิรินันท์
17 มกราคม, 2013 - 16:22
Permalink
Re: สแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
เดี่ยว ว่างๆถ่ายมาให้ บล๊อกหน้า บล๊อก ส่งการบ้าน
https://www.facebook.com/Sirinanpraewa
Mitta
17 มกราคม, 2013 - 14:01
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
เคยได้แต่กิน ไม่รู้ที่มาที่ไปเท่าไร รู้อย่างเดี่ยวว่าอร่อย นานๆได้กินครั้ง ตอนนี้เข้าใจขึ้นเยอะเลยเพราะเจ้าแม่ทางอาหารมาบอก ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
ศิรินันท์
17 มกราคม, 2013 - 16:21
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
ขอคุณค่ะ ที่แวะเข้ามาคุยกัน 1ปีมีหนเดียวด้วยนะค่ะ
https://www.facebook.com/Sirinanpraewa
tuu
17 มกราคม, 2013 - 14:10
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
อาหารน่ารับประทานมากค่ะคุณนันท์
..ตู่/สะใภ้เมืองชาละวัน..
ศิรินันท์
17 มกราคม, 2013 - 16:23
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
ขอบคุณมากค่ะ คุณ ตู่ ที่เข้ามาให้กำลังใจกัน
https://www.facebook.com/Sirinanpraewa
เจ้โส
17 มกราคม, 2013 - 14:12
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
รู้จัก สะแล อีกอย่างแระ วันหน้าวันหลังเดินไปเจอจะได้ไม่ งง
garden_art1139@hotmail.com
ศิรินันท์
17 มกราคม, 2013 - 16:31
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
ค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่มาให้กำลังใจ
https://www.facebook.com/Sirinanpraewa
ทราย
17 มกราคม, 2013 - 14:14
Permalink
Re: สะแล ไม่แลไม่ได้แล้ว.เข้ามาอาจ อดใจไม่ไหว.
เคยเห็นกองขายที่ตลาดวโรรส เชียงใหม่ แต่ไม่รู้จักค่ะ
หน้า