กุหลาบคู่กับหนามที่แหลมคม

กุหลาบกับหนาม ความเศร้าโศกกับความยินดี เหล่านี้เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

The rose and the thorn, and sorrow and gladness are linked together."

~ Saadi

บล็อกนี้อ้อยหวานขอเอากุหลาบมาเป็นนางเอกอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอควงคู่มากับพระเอกข้างตัวคือหนามอันแหลมคม หากปราศจากหนามแล้วไซร้ก็หาใช่กุหลาบไม่

คำคมจากกุหลาบข้างบน เป็นคำคมของท่าน Saadi หรือชื่อเต็มยศ Abū-Muhammad Muslih al-Dīn bin Abdallāh Shīrāzī ชื่อ Saadi เป็นนามปากกาของท่าน กวีชาวเปอร์เซียที่ชื่อเสียงโด่งดังในยุคกลาง

กุหลาบกับหนาม ความเศร้าโศกกับความยินดี เหล่านี้เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน..

อ้อยหวานเอามาลองตรองดูให้ลึกซึ้งลงไปอีกสักนิด

กุหลาบกับหนาม คงจะเปรียบได้กับความรัก ไม่ว่าเป็นความรักแบบไหน ก็จัดว่าเป็น ‘กุหลาบกับหนาม’ ทั้งนั้น รักระหว่างหนุ่มสาวจะดูได้ง่ายที่สุด ความหอมหวานนั้นมีหนามแหลมซ่อนตัวอยู่ มีรัก แล้วมีหวง หึง งอน เดี๋ยวหอม เดี๋ยวเหม็น สลับกันไป

จึงมีคำคมจากกุหลาบอีกอัน

หากรักกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ก็ต้องยอมรับหนามที่แหลมคม

If you enjoy the fragrance of a rose, you must accept the thorns which it bears."

- Isaac Hayes

Isaac Hayes เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน

หากคิดจะมีความรัก แรกสุดคือเราต้องรู้ว่ามันมีหนาม แล้วต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับหนาม ต้องมีการประณีประนอม ประคบประหงม ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เช่นนั้นก็โดนหนามทิ่มตำให้เจ็บปวดน้ำตาเล็ดอยู่ร่ำไป บางคนถือมีดคมกริบตั้งหน้าตั้งตาริดหนามความรัก ผลที่ได้คือ มือไม้เกรอะกรังและกุหลาบปริดกลีบกระจัดกระจาย

แล้วก็มีคำคมจากกุหลาบอันนี้ จากบุคคลนรินาม

ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักก็ต้องมีหนามบ้างเป็นธรรมดา แต่ชีวิตที่ว่างจากความรักหามีดอกกุหลาบไม่

A life filled with love, must have some thorns, but a life empty of love will have no roses

คำคมอันนี้ไม่ต้องวิเคราะห์มาก เพราะตรงๆ เข้าใจได้ง่าย แต่อ้อยหวานขอต่อมาอีกนิดว่า ความรักแบบดอกกุหลาบนั้นบางคนอาจจะไม่ต้องการ เขาเหล่านั้นอาจจะไม่มีดอกกุหลาบ แต่เขาอาจจะมีดอกบัวซึ่งหมายถึงความสงบสุข หรืออาจจะดอกมะลิซึ่งหมายถึงแม่พระที่บ้าน

ส่วนคำคมอันนี้กลับมีมุขอีกแบบหนึ่ง

คนบางคนชอบบ่นว่าดอกกุหลาบมีหนาม ฉันกลับรู้สึกขอบคุณที่หนามมีดอกกุหลาบ

“Some people grumble that roses have thorns; I am grateful that thorns have roses.”

― จากหนังสือ A Tour Round My Garden ของ Alphonse Karr

อ่านคำคม ‘กุหลาบกับหนาม’ มุขนี้แล้วทำให้ยิ้ม ลองนึกตามดู.. บางคนไม่เคยมีความรู้สึกซาบซึ้งใจหรือรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่มีอยู่และในสิ่งที่มันเป็น ยกตัวอย่างเช่น มีบ้านหลังเล็กๆ ก็บ่นเกลียดมันนัก เล็กเท่ารังหนู เดินก็คิดเกลียด นั่งก็เกลียด นอนยิ่งเครียดหนัก ไม่มีความสุขเอาเสียเลย เขาจะมีความสุขกว่าไหมถ้าเขารู้สึกขอบคุณที่เจ้าหนามกอนั้นมีดอกกุหลาบ ขอบคุณที่มีบ้านไว้คุ้มกันจากลมฝน ทำบ้านน้อยให้น่าอยู่

ความรู้สึกซาบซึ้งใจหรือรู้สึกขอบคุณในสิ่งต่างจะทำให้ชีวิตของคนเรามีความสมบูรณ์ขึ้น มันเปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ชอบมายอมรับมัน มันเปลี่ยนความอยากได้มาเป็นพอใจในสิ่งที่มีอยู่

ถ้าเราต้องการที่จะเบ่งบานเหมือนดอกกุหลาบในสวนสวย เราก็ควรเรียนรู้ศิลปะของการปรับตัวให้เข้ากับหนาม

If we desire to blossom like a rose in the garden, Then we must learn the art of adjusting with the thorns…

บางคนเปรียบชิวิตที่สุขสบายเหมือนเดินอยู่บนกลีบกุหลาบ แต่ถ้าคิดกันลึกๆ หน่อย กว่าแต่ละคนจะได้เดินบนกลีบกุหลาบกัน ต้องผ่านหนามแหลมคมมาไม่มากก็น้อย เราชอบดูแต่ดอกกุหลาบสุดสวยตรงปลายกิ่งก้านเท่านั้น

สังเกตดอกกุหลาบให้ดีอีกที ลำต้นที่เต็มไปด้วยหนามเพื่อปกป้องกิ่ง ใบ และสุดท้ายคือดอก ดอกกุหลาบที่เฉิดฉาย สุดสวย ละเอียดอ่อน และมีกลิ่นหอม กุหลาบต้องผ่านการต่อสู้มาเช่นกัน

จงเป็นดอกกุหลาบที่เบ่งบานเฉิดฉาย มาพร้อมกับหนามที่แหลมคม

คำคมอันนี้ดีมากสำหรับสาวๆ สวยได้ และกัดได้เช่นกัน ดุจกุหลาบที่สร้างหนามแหลมคมเพื่อความอยู่รอด และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่สุดสวย ในขณะเดียวกันก็แข็งแกร่งอีกด้วย

ทีนี้อ้อยหวานขอกลับไปที่คำคมจากกุหลาบอันแรก

กุหลาบกับหนาม ความเศร้าโศกกับความยินดี เหล่านี้เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

มันเหมือนกับเครื่องเตือนใจเราว่าชีวิตของมนุยษ์นี้ มักจะเต็มไปด้วยสองอารมณ์ที่ตรงข้ามกัน ความสุขและความเศร้า ดีใจเสียใจ เดี๋ยวกุหลาบ เดี๋ยวหนาม บางครั้งดีใจ บางครั้งเศร้า ถ้าเขียนจดลงบนกระดาษ หมดวันกลับมาอ่าน คงต้องคิดว่าเราถ้าจะบ้า!!

คำคมจากกุหลาบที่เขียนโดยลูกผู้ชายหลายคน

ในชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่งอาจจะมีดอกไม้อยู่มากมาย แต่จะมีกุหลาบอยู่เพียงดอกเดียว

There may be many flowers in a man's life, but there is only one rose.

คำคมจากกุหลาบสุดท้ายโดยนักเขียนและนักพูดชาวอเมริกัน

สิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าที่สุดที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ คือการที่เราทุกคนชอบใช้ชีวิตแบบผัดวันประกันพรุ่ง เราทุกคนต่างใฝ่ฝันถึงสวนกุหลาบในแดนมหัศจรรย์เหนือเส้นขอบฟ้า แทนที่จะชื่นชมกับดอกกุหลาบที่บานอยู่นอกหน้าต่างในวันนี้

One of the most tragic things I know about human nature is that all of us tend to put off living. We are all dreaming of some magical rose garden over the horizon instead of enjoying the roses that are blooming outside our windows today."

- Dale Carnegie

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

ขอบคุณค่ะ

อ้อยหวาน