ถามหาความทรงจำที่ราชบุรี

หมวดหมู่ของบล็อก: 

อ้อยหวานลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เพราะนอนหลับไม่เต็มที่ ความคิดแวบแรกที่เข้ามา คือ ถึงแล้วเหรอ ถึงแน่นะ  พนักงานรถไฟมาปลุกเราให้ลุกขึ้นเตรียมตัว และช่วยยกสองล้อทั้งสองคันมาไว้ตรงประตู อ้อยหวานกระซิบถามคุณผู้ชายว่ากี่โมงเนี๋ยฟ้ายังมืดมิดอยู่เลย แล้วต้องร้อง ‘โอ้มายก็อด’ อยู่ในใจ เมื่อได้ยินคำตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ รฟท ตรงต่อเวลา เกิดอะไรขึ้น

เมื่อโบกมืออำลาขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง นาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือชานชาลา สถานีราชบุรี บอกเวลา 3.05 น. ตรงกับเวลาที่ระบุไว้บนตั๋วพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน ก็ต้องร้องว้าวอีกครั้ง รฟท เปลี่ยนไป!!!

เราหันรีหันขวาง ยืนงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจกันว่า ตีสามก็ตีสาม เราปั่นออกไปยังที่พักที่จองไว้ แล้วค่อยคิดกันว่าจะทำไรดีในวันนี้ แล้วมารู้ทีหลังว่าได้พลาดกับ คนไปรอรับแบบเซอร์ไพรส์ ที่ไม่รู้ว่า รฟท เปลี่ยนไป!!! เลยสวนทางกัน โอกาสหน้ายังมีหวังว่าเราคงจะได้พบกันนะค่ะ จากแผนการแรกที่วางไว้ว่าจะปั่นไปดำเนินสะดวก แต่เพราะนอนไม่พอ เราสองคนไม่อยู่ในสภาพพร้อมปั่นทางไกลไปกลับ 40 กว่ากิโลได้ เลยต้องทิ้งสองล้อไว้ที่โรงแรม แล้วนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปแทน เมื่อไม่ปั่นจักรยานไปเองก็เหมือนกับผูกขาดการเดินทางของเราไว้กับคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่ทางโรงแรมจัดให้ สนนราคาค่อนข้างแพงทีเดียว เพราะโรงแรมอยู่ห่างจากตลาดมาพอสมควร เราไม่สามารถไปเดินออกไปหารถได้เอง จึงต้องจำยอมเป็นหมูขึ้นเขียง

 

ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเมื่อ 28 ปีก่อน ที่ประทับใจเราไม่รู้เลือน คือภาพตลาดที่มีชีวิต มีลมหายใจอยู่จริง พ่อค้าแม่ค้าที่สัญจรไปมาก็ของจริง เราล่องเรือผ่านร่องสวน ได้ขึ้นไปชมสวนเขียวขจี ชาวสวนใจดีเก็บผลไม้ยื่นให้เราชิม คนขับเรือชี้ชวนให้ดูผัก ผลไม้ และข้าวของต่างๆ ในเรือที่พายอยู่ข้างๆ

 

ตี่นเถิดอ้อยหวาน..เธอฝันเฟื่องเกินไป เพราะภาพข้างหน้า ตลาดน้ำดำเนินสะดวกในวันนี้ กลับตรงกันข้ามจากความทรงจำอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวกในวันนี้เป็นการสร้างฉากขึ้นเพื่อหลอกเอาเงินนักท่องเที่ยว

กิจกรรมการนั่งเรือพาย กลายมาเป็นการชมร้านค้าเรือนสังกะสีที่ตั้งเรียงรายสองฝั่งคลอง ส่วนใหญ่จะขายของที่ระลึก ราคา 600 บาทในเวลาไม่ถึง 20 นาที อ้อยหวานเอ่ยปากถามลุงคนพายเรือว่าเท่านี้หรือ คำตอบคือ เท่านี้ละครับ

 

เราเดินออกมาจากภาพจัดฉากอย่างผิดหวัง แล้วค่อยๆ เดินเลาะเลียบคลองไปตามทางเดินและสะพานที่เชื่อมถึงกันไปเรื่อยๆ แล้วเราก็มาพบกับตลาดน้ำเล็กๆ อีกแห่งที่ดูเหมือนเวลาได้หยุดอยู่กับที่ ทางเดินและร้านค้าไม้ที่ดูเรียบๆ และเก่าแก่ แม้ร้านรวงยังปิดประตูกันเงียบเชียบ แต่ในคลองมีเรือขายของอยู่หลายลำ เรือขนมหวาน เรือผลไม้ ไม่ใช่เรือขายของฝากราคาถูก แล้วอ้อยหวานก็หันไปบอกคุณผู้ชาย ฤานี่คือตลาดน้ำในความทรงจำ ตลาดแห่งนี้มีชื่อว่า ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก หรือตลาดน้ำปากคลองลัดพลี

 

เมื่อกลับมาหาอ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ทก็แน่ใจว่านี่แหละใช่เลย! ตลาดน้ำในความทรงจำของอ้อยหวาน

ตลาดน้ำจีน "เหล่าตั๊กลั๊ก" เป็นชุมชนชาวจีนตั้งแต่ครั้งเมื่อเริ่มขุดคลองดำเนินสะดวก ประมาณปี พ.ศ. 2409-2411 โดยชาวจีนซึ่งเป็นแรงงานหลักในการขุดคลองในครั้งนั้น ได้ตั้งรกรากอยู่ริมสองฝั่งคลอง จวบจนเมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้นำภาพของ "ตลาดน้ำปากคลองลัดพลี" ออกเผยแพร่แก่สายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2510 ตลาดน้ำปากคลองลัดพลี ในฐานะของ "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก" จึงได้มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน

ตลาดน้ำที่ปากคลองลัดพลี เป็นตลาดน้ำชุมชนไทยจีน หรือที่เคยเรียกกันว่าตลาดน้ำ "เหล่าตั๊กลั๊ก" ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า "ตลาดน้ำเก่า" เนื่องจากตลาดน้ำ "เหล่าตั๊กลั๊ก" เป็นตลาดน้ำดำเนินสะดวกดั้งเดิม ก่อนที่จะมีขยายตัวไปพื้นที่ "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก" ในปัจจุบัน ซึ่งหลังจาก ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ได้ย้ายจากสถานที่เดิมบริเวณปากคลองลัดพลี ไปอยู่ในสถานที่ใหม่ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาท่องเที่ยวอย่างหนาแน่นในทุก ๆ วัน ทำให้ ตลาดน้ำเก่า หรือเรียกเป็นภาษาจีนท้องถิ่นแต้จิ๋วว่า "เหล่าตั๊กลั๊ก" เงียบเหงาลงไปอย่างถนัดตา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเก่า หรือ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก หรือ ตลาดน้ำปากคลองลัดพลี ได้ ที่นี่ และ ที่นี่ ขอบคุณค่ะ

 

เราซื้อไอศครีมกะทิสดจากแม่ค้าในเรือลำเล็ก นั่งทานกันเงียบๆ บนระเบียงไม้ริมน้ำ รอบๆ ดูเงียบเหงา แต่เราก็รู้ว่าไม่ใช่การจัดฉาก ร่องรอยก่อนเก่ายังไม่เลือนหาย มีให้เห็นตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อย เดินชมอีกนิดแล้วก็ถึงเวลาโบกมืออำลา ในใจก็มีคำถามขึ้นมา อนาคตข้างหน้าจะมีสถานที่ที่มีบรรยากาศเก่าๆ แท้ๆ หลงเหลือให้ลูกหลานได้ชมหรอกหรือ?

 

แม้ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก หรือ ตลาดน้ำปากคลองลัดพลี จะเงียบเหงากว่ามาก แต่นี่แหละคือ ตลาดน้ำในความทรงจำของอ้อยหวาน

 

ชาติที่แล้วคงติดหนี้คนขับรถตุ๊กตุ๊กไว้มาก นอกจากจะโดนโขกค่ารถที่แสนแพงแล้ว เรายังถูกหลอกอีกด้วย อ้อยหวานบอกสถานที่ต่อไปกับคนขับรถว่า เราต้องการไปชมโรงทำโอ่งของราชบุรีมีชื่อภาษาจีนที่จำได้ยากมาก คุณคนขับรถกลับพาไปที่นี่ พอลงจากรถอ้อยหวานก็ท้วงว่า ใช่หรือ ทำไมไม่ใช่ชื่อจีน คนขับรถก็ยังยืนยันว่าใช่ ไม่รู้ว่าได้ค่านายหน้าเท่าไร ‘เอาเถอะ’ อ้อยหวานบอกกับคุณผู้ชาย ขี้เกียจสู้รบตบมือ เพราะเหนื่อยเหลือเกิน

นี่คืออีกเหตุผลหนื่งที่ทำให้อ้อยหวานรักการปั่นจักรยานเที่ยวเป็นหนักหนา ไปด้วยกำลังขาของตัวเอง เห็นท่าไม่ดี เช่น คนเยอะ สถานที่ไม่ดี ไม่ถูกใจโก๋ ก็ปั่นหนีเข้าป่าไปเลย ไม่ต้องง้อใคร

 

บ่นมาเสียยาว ไหนๆ ก็ไปถึงโรงโอ่งแล้ว ก็เข้าไปชมกันหน่อย ถึงที่นี่จะไม่ใช่ชื่อจีนอย่าง โรงงาน “ เถ้า ฮง ไถ่” โรงงานกลับมีชื่อไทยแท้ว่า "โรงโอ่งรัตนโกสินทร์" อ้อยหวานคิดว่าราชบุรีคงมีโรงงานทำโอ่งแบบนี้มากมาย แค่โรงโอ่งรัตนโกสินทร์ก็มี 1-4 แห่ง อ่านประวัติดูแล้วก็รู้ว่าแต่ละโรงงานแตกหน่อมาจากโรงงานเถ้าเซ่งหลี โรงงานเก่าแก่ดั้งเดิมกันเกือบทั้งนั้น

 

กว่าจะมาเป็นโอ่ง

ขั้นตอนการทำโอ่งมังกรแบบคร่าวๆ

ขั้นตอนที่  1 การเตรียมดิน นำดินมาหมักไว้ในบ่อดิน  แช่น้ำทิ้งไว้  ๑  สัปดาห์ เพื่อให้น้ำซึมเข้าในเนื้อดินให้ดินอ่อนตัวทั่วถึงกันและเป็นการทำความสะอาดดินไปในตัวด้วย  หลังจากนั้นตักดินขึ้นมากองไว้  แทงหรือตักดินด้วยเหล็กลวดให้เป็นก้อน  นำเข้าเครื่องโม่หรือเครื่องนวดเพื่อให้เนื้อดินเข้ากัน  

 

ขั้นตอนที่  2 การขึ้นรูปหรือการปั้น  แบ่งออกเป็นสามส่วน  คือ

ส่วนขาหรือส่วนก้น ส่วนลำตัว และส่วนปากโอ่ง

ขั้นตอนที่  3 การเขียนลาย ต่อจากนั้นก็นำไปเคลือบและเผา

อ่านฉบับเต็มๆ ได้ที่ โอ่งราชบุรีทำไมต้องเขียนลายมังกร

ขอบคุณค่ะ

 

การปั้นส่วนลำตัว เป็นงานที่ต้องใช้กล้ามแขนจริงๆ

 

โอ่งที่ปั้นเสร็จ รอการเขียนลาย แล้วนำไปเผา

 

ในปัจจุบันนี้โรงงานโอ่งของราชบุรีไม่ได้ทำแต่เฉพาะโอ่งแล้ว แต่ละโรงงานต่างก้าวเท้าให้ทันโลก มีการทำถ้วยโถ โอชาม กระโถนกระถาง ของแต่งบ้าน ของที่ระลึก ไปจนถึงมนุษย์ต่างดาว แต่ที่โรงโอ่งรัตนโกสินทร์ นี้ไม่มีมนุษย์ต่างดาวให้ดูนะ ต้องไปดูที่ โรงงาน “ เถ้า ฮง ไถ่” ที่อ้อยหวานไม่ได้ไปชม

 

ไม่มีมนุษย์ต่างดาว แต่มีมนุษย์โยคะ

 

โอ่งสีสวย

โชคดีจัง!! ที่เที่ยวกับจักรยาน และบ้านอยู่ไกล ไม่งั้นต้องมีเสียตังส์ เพราะได้ยินคนที่มาด้วยบอกว่าชอบหมดเลย

 

ตกเย็นของวันนี้เรามีนัดทานข้าวเย็นกับเจ้าถิ่น  หลังจากกลับมานอนเอาแรงในช่วงบ่าย น้องตุ๊กกับน้องเบิร์ดก็มารับเราสองคนที่โรงแรม มาพาไปพบกับเซอร์ไพรส์อีกกลุ่มใหญ่ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาพบกัน ซึ้งใจเลย โดยเฉพาะน้องๆ ที่ต้องขับรถมาไกลจากกรุงเทพ ขอบคุณจริงๆ

 

หลังอาหารเย็นยังได้ไปเม้าท์กันต่อที่บ้านน้องผิงผิง บ้านติดโคมไฟสวยมาก ขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำโซดามะนาวที่เย็นชื่นใจ

วันรุ่งขึ้นเราทำเมินกับอาหารเช้าที่โรงแรม เก็บข้าวของแล้วลาจากราชบุรีไปก่อนตะวันยอแสง คงมีสักวันที่จะได้กลับมาถามหาความทรงจำอีกครั้งนะราชบุรี โดยเฉพาะที่ดำเนินสะดวก เพราะระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก อ้อยหวานสุดเสียดายที่ไม่ได้มากับจักรยาน บรรยากาศที่ดำเนินสะดวกน่าปั่นจักรยานเที่ยวจริงๆ

 

โปรดติดตามปั่นเที่ยวไทยกับอ้อยหวานในตอนต่อไป

อ่านปั่นเที่ยวไทยตอนที่แล้วได้ที่นี่

รางวัลแด่คนช่างฝัน

ปั่นจักรยานทัวร์ริ่ง มันปิ้ง ปิ้ง จริงๆ นะ

หอมกลิ่นไอฝน ยลความงามสีเขียว ณ.เชิงเขานครศรีธรรมราช

 

ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข

 

ขอบคุณค่ะ

 

อ้อยหวาน

ความเห็น

ยินดีมากๆค่ะ ที่ได้เจอ พี่อ้อยกับคุณผู้ชาย......ความทรงจำ ที่ตลาดน้ำ ดำเนินสะดวก ทิ้งไปเลยค่ะ พี่อ้อย ...ถ้านักท่องเที่ยวเจอแบบนี้ บ่อยๆ อีกหน่อย ก็คงไม่มีคนไปเที่ยว ค่ะ บัวคนหนึ่งละ ที่เจอมา ไม่ประทับใจ เหมือนกัน .....พี่วัชรินทร์ ไปรับพี่อ้อยที่สถานีรถไฟ ค่ะ ...แต่การรถไฟ เขา พัฒนา แล้ววววว..พี่เค้าก็เสียดายมาก....พวกเรายินดีต้อนรับ พี่อ้อย ตลอดเวลา นะคะ ...ประทับใจ กันทุกคน รู้สึกดีจริงๆ...

เพิ่มเติมข้อมูลนะครับพี่อ้อยหวาน

 "เหล่าตั๊กลั๊ก" สำเนียงแต้จิ่ว ตอนเด็กบอกพ่อไปตลาดต้องบอก "คือตั๊กลั๊ก" 

เหล่า = เก่า แก่

ตั๊กลั๊ก = ตลาด     รวมกันคือ ตลาดเก่า 

ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข

ทุกอย่างไม่เที่ยง ยินดีด้วยกับทุกคนที่ได้พบกัน

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ยินดีมากคะที่ได้เจอพี่อ้อยหวานกับพี่ทอม ได้รับข้อความว่าจะแวะมาเลี้ยงข้าวน้อง  น้องก็สุดแสนจะดีใจ    ยินดีต้อนรับเสมอคะ

ความสะดวกสบายมีขาย แต่ความสุขเงินซื้อไม่ได้ เพราะความสุขมิใช่เงิน

เคยไปตลาดน้ำดำเนิน คิดว่ายังดีกว่าตลาดน้ำอัมพวา  มาเจอ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก คงต้องหาโอกาสไปเที่ยว

“นานุวัฒน์ ทำเกษตรให้สนุกและมีความสุข”