ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนปราสาทแห่งเทพนิยายกับเมืองในฝัน
จงเชื่อมั่นในความฝันที่เธอมี ..แล้วสักวันหนึ่ง
เส้นทางสายรุ้งจะทอดผ่านมา ให้เธอได้เดินข้าม
ไม่ว่าใจเธอจะโศกเศร้าเพียงใด
ตราบใดที่มีความเชื่อมั่น สักวันหนึ่ง ฝันที่เธอปรารถนาไว้จะเป็นจริง
Have faith in your dreams and someday
Your rainbow will come smiling through
No matter how your heart is grieving
If you keep on believing
The dream that you wish will come true
Walt Disney
อ้อยหวานมีความเชื่อว่า ทุกผู้ทุกคนย่อมมีความใฝ่ฝันเป็นของตัวเอง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ใจปรารถนา แต่จะมีใครสักกี่คนที่เชื่อมั่นในความฝันของตน ปีแล้ว ปีเล่า ผ่านความยากลำบาก ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ บางครั้งก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า แต่เมื่อความฝันของเขาเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาในสักวันหนึ่ง ผู้คนที่เคยปรามาสดูถูก กลับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก ผู้คนทั่วไปในเวลาต่อมาก็ยกย่องสรรเสริญ
อ้อยหวานขอกล่าวถึงสองบุรุษที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ เป็นสองบุรุษต่างช่วงเวลา อยู่ห่างกันคนละทวีป แต่ทั้งสองได้พกพาเอาความฝันติดตัวกันคนละมากมาย
บุรุษแรกเจ้าของคำคมข้างบน วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) คงจะไม่ต้องกล่าวแนะนำมาก เพราะอ้อยหวานคิดว่า ไม่ว่าใครก็คงจะรู้จัก วอลท์ ดิสนีย์ ผู้สร้าง มิ๊กกี้ เม้าส หนูที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และ ดิสนีย์แลนด์ สวนสนุกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก สองที่สุดของโลกนี้มาจากความฝันที่เชื่อมั่นของวอลท์ ดิสนีย์
บุรุษที่สองที่ขอกล่าวถึงก็ไม่ยิ่งหย่อนในเรื่องความเชื่อมั่นในความฝันของตน จนมีคนกล่าวหาว่าพระองค์เป็นบ้า สติ สตัง ไม่ดี กษัตริย์ลุควิคที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย (Ludwig II of Bavaria) หรือ ชื่อที่บางคนตั้งให้ The Fairy Tale King กษัตริย์แห่งเทพนิยาย (และเขาเหล่านั้นอาจจะหมายถึง กษัตริย์ฝันเฟื่อง) ผู้สร้างสามปราสาทสุดสวยแห่งบาวาเรีย และหนึ่งในสามนั้นก็คือ ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein) ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
ทั้งสองบุรุษเกี่ยวเนื่องกันที่จุดๆ หนึ่ง กษัตริย์ลุควิคที่ 2 ทรงสร้างปราสาทแห่งเทพนิยายของจริง ปราสาทหลังใหญ่ที่ยืนเด่นบนไหล่เขาของเทือกเขาแอลป์ ส่วนวอลท์ ดิสนีย์ ก็สร้างปราสาทซินเดอเรลล่า ปราสาทแห่งโลกจำลองในดิสนีย์แลนด์ทั่วโลก และในหนังการ์ตูนหลายเรื่อง โดยใช้ปราสาทของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 เป็นต้นแบบ
….ความฝันของคนผู้หนึ่งสามารถจุดประกายความฝันให้ผู้คนมากมาย
จากเมือง ‘เอาก์สบูร์ก’ (Augsburg) กึ่งกลางของเส้นทางสายโรแมนติก (the Romantic Road Cycle route) ไปสู่เมืองฟุสเซ่น (Fussen) ที่เป็นเมืองจุดปลายทาง เราใช้เวลาป้่นสามวัน เส้นทางเลาะเลียบแม่น้ำเลคช์ (Lech) ผ่านป่าเขา ลำเนาไพร ซึ่งอ้อยหวานขอยกย่องเลยว่าเยอรมันเป็นจ้าวแห่งโลกสีเขียวจริงๆ ทุกๆ วันจะต้องมีป่าทึบให้ได้ปั่นเข้าไปชื่นชม สูดดมกลิ่นหอมและอากาศพลังเขียว นึกถึงทีไร สุขใจอยู่ร่ำไป และขอบอกว่าเส้นทางสายนี้และหลายๆ สายในป่า อนุญาติเฉพาะเดินเท้าและจักรยานเท่านั้น
เส้นทางผ่านเมืองเล็กๆ และหมู่บ้านอันเงียบสงบมากมาย เงียบจริงๆ ไม่มีแม้แต่เสียงเห่าหอนของสัตว์เลี้ยงสี่ขา
หนึ่งในสองเมืองที่เราแวะค้างคืนในระหว่างทาง เมืองลันส์แบร์ก อัม เลคช์ (Landsberg am Lech) แปลตรงตัวว่า เมืองลันส์แบร์กแห่งแม่น้ำเลคช์ เมืองเล็กๆ ที่สวยโรแมนติค อาคารเก่าแก่แต่ละหลังถูกชุบชีวิตใหม่ด้วยสีสันสดสวย หลากสีแต่ก็เข้ากันมากๆ เก้าอี้โซฟาตรงกลางลานนั้นเป็นงานศิลป์สมัยใหม่ ตั้งไว้ให้เป็นจุดถ่ายรูป เด็กๆ ชอบกันมาก
เจอกันอีกแล้วเทือกเขาแอลป์เพื่อนเก่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็มีเข็นครกขึ้นเขากันหลายยก แต่วิวสวยสุดคุ้ม บางจุดทีเราผ่านนั้น วิวสวยมากมายดูราวกับภาพฝัน หรือเมืองในเทพนิยายเลยทีเดียว
เนินเขาและทุ่งหญ้าเขียวขจี ภาพที่เป็นตราสัญลักษณ์ หรือซิกเนเจอร์ของเทือกเขาแอลป์
อ้อยหวานคิดว่า เราได้ปีนเขาขึ้นมาสูงมากแล้วนะ แต่แหนคอขึ้นไปเจอภาพนี้ น้องวัวลอยฟ้า! ช่างเป็นชีวิตวัวที่ดีที่สุดในโลก แล้วก็เป็นวัวนักปีนเขากันด้วย เพราะตรงที่ฝูงวัวยืนกินหญ้ากันอยู่นั้น เป็นเนินเขาที่ชันมากๆ เกือบจะตั้งฉากเลยละ วิวบนนั้นคงจะงามเลิศ
พนักงานต้อนรับแห่งเทือกเขาแอลป์ มายืนต้อนรับกันอย่างอบอุ่น น่าเสียดายที่กลุ่มนี้ไม่มีระฆังแขวนคอ ไม่อย่างนั้นคงได้ฟังก๋องเก๊งเพราะๆ น้องวัวคงจะคุ้นเคยกับจักรยาน เพราะเส้นทางสายนี้ฮิตติดอันดับความดัง เราพบกับนักปั่นเที่ยวมากมาย
เมืองฟุสเซ่น (Fussen) เมืองจุดปลายทางของเส้นทางสายโรแมนติก เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีตึกรามบ้านช่อง อาคารเก่าแก่มากมาย แต่ละหลังทาสีกันสวยดุจเทพนิยายจริงๆ
ฟุสเซ่น เป็นเมืองเก่าแก่ ก่อตั้งขึ้นนับย้อนหลังไปถึงสมัยโรมัน นอกจากจะเป็นจุดปลายทางของเส้นทางสายโรแมนติกแล้ว เมืองฟุสเซ่นยังตั้งอยู่บนถนนสายที่เก่าแก่มากๆ ของอาณาจักรโรมันคือ ถนน Via Claudia Augusta ถนนสายการค้าสำคัญในสมัยโบราณ
ทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้โดดเด่นยังกะดาวจรัสแสง มีบ้านสวยๆ ปราสาทงามๆ โบสถ์น้อยใหญ่
รูปข้างบนคือ St. Mang Basilica อายุกว่า 1100 ปี เป็นทั้งโบสถ์ และพระราชวังของพระผู้ใหญ่ในสมัยก่อน
แต่ที่ทำให้เมืองฟุสเซ่นโด่งดังทะลุฟ้าก็คือ ปราสาทนอยชวานชไตน์ ของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย
ขอบคุณภาพจาก https://wall.alphacoders.com
อ้อยหวานเก็บรูปของปราสาทมามากมาย แต่มีเฉพาะรูปที่ถ่ายจากข้างล่างขึ้นไป รูปข้างบนคงจะถ่ายจากบนภูเขาลงมา สวยมากมายใช่ไหม?
ในฤดูหนาวก็ยิ่งดูเหมือนกับปราสาทในเทพนิยายมากขึ้น คนที่ชอบต่อภาพจิ๊กซอว์ หรือภาพตัวต่อ อาจจะเคยเห็นภาพปราสาทเช่นนี้มาก่อน
ขอบคุณภาพจาก https://wall.alphacoders.com
ปราสาทตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองฟุสเซ่นไปสี่กิโลเมตร เราปั่นจักรยานออกจากเมืองกันสบายๆ ไม่รีบร้อน ถือโอกาสกินลมชมวิวร้อยล้านโดยที่ไม่มีใครมาแย่ง จะเห็นได้ว่าบนเนินเขามีปราสาทอยู่สองหลัง หลังสีขาวคือปราสาทนอยชวานชไตน์ ส่วนหลังสีน้ำตาลคือปราสาทโฮเอินชวังเกา (Hohenschwangau) ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยพระบิดาของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 และเป็นปราสาทที่พระองค์ใช้ชีวิตเติบโตในวัยเด็ก
ปราสาทโฮเอินชวังเกา (Hohenschwangau)
มองลงมาจากปราสาทโฮเอินชวังเกา จะเห็นได้ว่าที่จอดรถนั้นเต็มไปด้วยรถทัวร์ของนักท่องเที่ยว ที่นี่มีที่จอดรถหลายแห่ง และทุกแห่งก็แน่นขนัด ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีฝูงชนมากมายขนาดไหน
กษัตริย์ลุควิคที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ภาพนี้พระองค์ยืนตระหง่านอยู่ในสวนป่า พื้นที่อันกว้างใหญ่ของทั้งสองปราสาท
อ้อยหวานขอคัดลอกประวัติโดยย่อที่สุดของพระองค์ ดังนี้ พระองค์ขึ้นครองราชบัลลังก์บาวาเรียเมื่อพระชันษาได้เพียง 18 ปึหลังจากที่พระบิดาสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน ทรงขึ้นครองเมื่ออายุยังน้อย และทรงสิ้นพระชนม์เมื่ออายุน้อยเช่นกัน เมื่อพระองค์อายุได้ 40 ปี ทรงสิ้นพระชนม์อย่างลึกลับ หลังจากถูกปลดจากการเป็นกษัตริย์ ในข้อหาว่าพระองค์เสียสติเพียงไม่กี่วัน อีกทั้งพระองค์ก็มีโอกาสอาศัยอยู่ในปราสาทได้เพียงไม่กี่วันเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
ปราสาทนอยชวานชไตน์ ของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 เขามีทัวร์ให้ชมภายในปราสาท แต่คงต้องสำรองที่ล่วงหน้า และเสียค่าเข้าชมแพงๆ อ้อยหวานเห็นคนเข้าแถวรออยู่เต็มลานของปราสาท ก็เริ่มใส่เกียร์หนีแล้ว ดูรูปในเน็ทเอาดีกว่า ไม่ต้องไปเบียดเสียดผู้คน
หนึ่งในหลายๆ ห้องของปราสาท ทุกห้องจะทาสีตกแต่งกันสุดๆ
ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย
หนึ่งในหลายๆ ห้องของปราสาท
ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย
วิวที่มองจากจุดชมวิวหน้าปราสาท
โปรดติดตาม ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ในตอนต่อไป
อ่าน ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนที่แล้วได้ที่นี่
ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์
ตามหาโรมิโอและจูเลียต ที่..เวโรน่า
ท่ามกลางสายฝนสู่เมืองเดอะซาวน์ออฟมิวสิค
เติมความหวานบนเส้นทางสายโรแมนติก
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน
- บล็อกของ อ้อยหวาน
- อ่าน 9573 ครั้ง
ความเห็น
TuayFoo
7 ตุลาคม, 2016 - 09:11
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
Wow! มาถึงแล้วปราสาทในฝัน ผมว่าทุกคนยกมือให้เป็นปราสาทอันดับหนึ่งเลยนะครับ
ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข
kandee
8 ตุลาคม, 2016 - 07:00
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
เหมือนภาพฝัน เป็นภาพสวยงามมีมนต์ขลัง มีเสน่ห์ สวยงามเกินบรรยาย ความฝันก่อเกิดความยิ่งใหญ่ เสมอ ขอบคุณพี่อ้อยนำภาพและเรื่องราวมาแบ่งปันให้ชมค่ะ^^
ความสุข..อยู่ที่ใจ
ริมสวนยาง
10 ตุลาคม, 2016 - 11:12
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
สวยมากๆเลยค่ะ พี่อ้อย ...แต่ละภาพ สบายตา สะอาด ค่ะ...ความฝันของสองท่าน เป็นจริง ...พวกเรา ก็ได้ชื่นชมและสนุกสนาน ไปด้วยกัน
auttaya
10 ตุลาคม, 2016 - 11:17
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
สิ่งหนึ่งที่ป้ายากลัวคือ ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำค่ะ ด้วยบริบทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อ้อยหวานนับเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้ความฝันเป็นจริงได้ และก็ได้มีโอกาสแจกจ่ายสิ่งนั้นให้สมาชิกได้ชม ขอบคุณมากนพค่ะน้องอ้อยหวาน
Ping Ping
10 ตุลาคม, 2016 - 11:17
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
ขอบคุณมากค่ะ พี่อ้อย...ไม่อาจละสายตา...ถูกสะกด ด้วยทุกภาพที่ พี่นำมาฝาก น้องๆค่ะ
ป้าเล็ก..อุบล
17 ตุลาคม, 2016 - 16:20
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์...
สวยมาก ชอบ
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com