บทเรียนจาก...กิ้งกือ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

บทเรียนจากกิ้งกือ


        เริ่มเข้าหน้าฝนทั้งกบ ทั้งคางคก จิ้งเหลน หอยทาก กิ้งกือ รวมตัวกันจำนวนมากขึ้นทุกที เดินเพ่นพ่านทั่วบ้าน จนเกือบเป็นบ้านของดอกเตอร์ดูลิตเติ้ล เรื่องสั้นในชั้นเรียนสมัยยังเด็ก  ...บางทีเผลอเหยียบทั้งที่ไม่อยากให้เกิด เวลาก้าวเท้าครั้งใดแล้วได้ยินเสียง “แประ”

คล้ายอะไรที่กรอบแตกแล้ว ให้รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ระวัง บ่อยครั้งที่เป็นเจ้าหอยทากผู้โชคร้ายที่ติดเละแบน ใต้เท้าที่ย่ำลงไป พอยกเท้าขึ้น ยังเห็นเนื้ออ่อนที่เละคล้ายขยับตัวนิดๆอยู่ เป็นความเศร้าปนโกรธตัวเอง แม้จะใช้ไม้กวาด กวาดให้ห่างๆแล้วก็ตาม  ล่าสุดเปลี่ยนแผนส่งข้ามรั้วหลังบ้านที่มีพุ่มไม้ติดคูน้ำ สมมุติว่าให้เขาไปอยู่อเมริกาโน่น  ไปเปิดโลกกว้างภายนอกเสียหน่อย หยิบเขาใส่ถุงก๊อบแก๊บ ใช้เชือกผูกหูแล้วค่อยๆหย่อนข้ามรั้ว จนกะว่าถึงพื้นแล้วผูกปลายเชือกอีกข้างเข้าไว้ ให้ติดกิ่งเชอรี่สเปนหลังบ้าน พรุ่งนี้ก็กระตุกเชือกพร้อมถุงเปล่ากลับมาใช้งานได้อีก พอจะลดจำนวนสัตว์น้อยๆเหล่านี้ได้บ้าง แต่ที่น่าปวดหัว คือ หลายครั้งที่เจ้าหอยฉลาดๆบางตัวก็ไต่กระดึ๊บพาตัวเองข้ามกำแพงมาอยู่ในบ้านเหมือนเดิมอีกจนได้


     เช้าวันหนึ่งของเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา  ปฏิบัติภารกิจ กำลังจะส่งพวกเขาพาข้ามรั้วบ้านไปอเมริกา เหลือบตาเห็นกิ้งกือตัวใหญ่อยู่สองสามตัว ก็แถมใส่ถุงเดียวกัน แนบติดไปด้วย แล้วกวาดใบไม้ในลานบ้านต่อ 


 


     เช้าวันต่อมา กวาดพื้นลานบ้านเสร็จแล้ว ตักน้ำราดทำความสะอาดอีกนิด เห็นกิ้งกือตัวหนึ่ง พยายามลอดผ่านตะแกรงกั้นน้ำข้างรั้วเข้ามาให้ได้ หัวมุดผ่านช่องตะแกรงที่มีรูเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง พอดีเป๊ะกับลำตัว


กิ้งกือน้อยฟันฝ่าอุปสรรค


 ขาเป็นร้อยพยายามตะเกียกตะกายยันตัวเองให้ไปข้างหน้า


ตะเกียกตะกายเพื่อให้พ้นเคราะห์กรรม


 


เพื่อพาให้ลำตัวเคลื่อนพ้นช่องวงกลมให้ได้  


 


   ...เกิดความฉงนว่าจะใช่ตัวเดียวกับที่เราส่งข้ามรั้วไปหรือเปล่านะ หรือว่าเป็นกิ้งกือเจ้าของที่เมื่อชาติปางก่อน จึงยอมไม่ได้ ที่จะพรากจากฝืนดินที่เป็นเจ้าของ  สู้อุตส่าห์ลอดตะแกรงเข้ามาเกินครึ่งตัวอย่างทุลักทุเล...เพื่อคืนถิ่นตัวเอง


 


ไม่รู้จะช่วยอย่างไร


สัตว์โลกพยายามเอาชีวิตตัวเองให้รอด


...สงบนิ่ง


แล้วมันก็หยุดพักนิ่งๆเป็นระยะ


ดูท่าอ่อนล้ามาก


หลังจากพยายามตะเกียกตะกาย


เหลือส่วนปลายอีกประมาณนิ้วกว่าจากความยาวตัวโดยประมาณห้านิ้ว


ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงแล้วที่ตะเกียกตะกายอย่างนี้


ไม่รู้ว่า...ตะเกียกตะกายอย่างนี้มานานเท่าใดแล้ว


...ทำไมนะ ก็แต่แรกที่โผล่เข้ามาก็น่าจะกลับลำให้ดี 


รู้ว่าเข้ายาก ก็น่าจะถอยกลับ


หรือเมื่อเดินหน้าแล้วเหมือนขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงจากหลังเสือไม่ได้


ขืนลงจะถูกเสือกิน


 


บางช่วงที่เขานิ่งเงียบไป


อยากช่วยเขาจัง


แอบเอาน้ำหยดเล็กๆหยดแปะบนหัว


เขาขยับนิดหนึ่งแล้วนิ่งต่อ


อ้อ ยังหายใจอยู่ 


 


สองชั่วโมง ให้หลัง ดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้า...


ตกเย็น ฟ้าใกล้มืด


โผล่หน้าเยี่ยมเขาอีกครั้ง


คล้ายหายใจระรวย


ตรงก้นถ่ายมูลดำๆออกมากองใหญ่


...คืนนี้ คงไม่รอด


ไปดีนะ  ขอโทษจริงๆ  ไม่รู้ว่าเธอรัก หวงและอยากกลับมาเฝ้าผืนดินของเธอเหลือเกิน


รู้อย่างนี้ไม่ทำจริงๆ ...ขอโทษนะ...ขอโทษมากๆด้วย...


 


ได้เห็นความพยายามยิ่งยวด


เหลือบตามมองอีกครั้ง


รวบรวมกำลัง ฮึดสู้อีกครั้ง


ดูเหมือนพยายามรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย


ที่จะพยายามพาตัวเองข้ามวิบากกรงเหล็กนี้ให้ได้


 


ชีวิตแต่ละชีวิต ต่างล้วนมีวิบากของตัว


วันนี้เราสร้างกรรมอะไรไว้ กรรมย่อมเป็นอันทำ เราเป็นเจ้าของกรรม


แต่ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความต่อเนื่องเชื่อมโยงขึ้นกับเจ้ากิ้งกือตัวน้อยนี้เลย


เศร้าใจจัง จะฉุดจะดึงออกมาจากวงกลมนี้ก็ไม่ได้


 


พระท่านว่าแต่ละชีวิตมีวิบากเป็นของตัวเอง


ก็ถ้างูกำลังจะกินกบ


กบมีวิบากของเขาที่ต้องชดใช้


แต่ถ้าเราเข้าไปช่วยกบ งูก็จองอาฆาตพยาบาทเรา


 


เราเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะช่วยให้เขาลอดบ่วงวงกลมนี้ได้


เขาอาจจะขาดกลางตัว


ตกใจและทรมานหนักกว่าเก่า


...ลำตัวที่เป็นปล้อง มีน้ำใสๆไหลซึม  เลือดของเขาหรือเปล่าไม่รู้ ไม่เคยเห็นเลือดกิ้งกือสักที


 


ค่ำคืนนี้หลับให้สบายและฝันดี


พรุ่งนี้ แผ่นดินนี้ที่เธอรักและหวงเธอจะได้ครอบครองเช่นเดิม


เราจะไม่ส่งเธอข้ามรั้วไปอีก


หลับให้สบายนะ


  


เที่ยงคืน ยังตาค้าง...แปลก...ทั้งที่เราไม่เคยมีความผูกพันใดกันมาก่อน


แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้ากิ้งกือบอกคือความพยายาม...มีชีวิตรอด


ที่ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งถึงบทเรียนนี้


ผล็อยหลับไปเวลาไหนไม่รู้


 


เสียงนกเกาะกิ่งไม้ร้องจิ๊บๆออกหากินตามปกติ


โดดพรวดลุกจากที่นอนจ้องไปดูเจ้ากิ้งกือทันที


...อะไรกัน...มีแต่ตะแกรงกั้นที่ว่างเปล่า


เป็นความสุขเสียเหลือเกินกับภาพที่พบเห็น


สุขทุกข์นี้คู่กันเลยนะ เมื่อวานเห็นตะแกรงนี้ยังทุกข์ซะมากมาย


วันนี้เห็นตะแกรงอันเดียวกัน กลับมีความสุข


 


หมายความว่า เจ้ากิ้งกือน้อยน่ะจะรอดชีวิต


ขออนุโมทนาด้วยกับความอุตสาหะวิริยะพากเพียรจนเอาชีวิตรอดได้


บทเรียนจากกิ้งกือนี้สอนให้รู้ว่า


...ถ้าเราไม่งอมืองอเท้า จมดิ่งอยู่กับความทุกข์ที่เผชิญ  เราต้องหลุดพ้นทุกข์ได้


...หากจะให้ดี เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ทำให้เรา"หลง"และ"ดิ่ง"สู่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง


...เราจะถอยหลังกลับหรือเปล่า


...เราจะโดดลงจากหลังเสือไหม


...แต่หากทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่ต้องทำคืออดทนและพากเพียรให้พ้นวิบากนี้


...ให้ได้


....มิฉะนั้น เราต้องอายเจ้ากิ้งกือตัวน้อยนี่...แน่นอน...


ขอบคุณสำหรับบทเรียนนี้


 


หมายเหตุ  ...หลังจากวันนั้น เป็นเวลาหนึ่งเดือน เจอกิ้งกือ ไม่ยุ่งกับเขาเลยค่ะ  และในสายวันเดียวกันนั้น เก็บกวาดใบไม้ใส่ถุงปุ๋ย เจอว่าเขานอนขดตัวหลวมๆราวกับหมดแรง อยู่ซอกพื้นถุงที่แฉะๆ คงซ่อมตัวเอง ขอเป็นกำลังใจให้นะเจ้ากิ้งกือน้อยเจ้าของแผ่นดินนี้...

ความเห็น

ไม่ให้ร้ายแก่ใคร เมตตาแก่ผู้อื่น คิดบวก+++++++ แค่นี้ก็มีความสุขแระ

e-mail. puangpech_@hotmail.com

 

ค่ะ คุณธารนำใส


ชีวิตก็จะเป็นสุข ...


 

ดีใจด้วยจริง ๆ ที่สุดท้ายมันก็รอด ลุ้นแทบแย่


:cheer3:

ลุ้นแทบแย่เหมือนกัน ตอนนั้น ...ทุกวันนี้ยังจำภาพได้ติดตา...เป็นบทเรียนที่ทำให้เรียนรู้ใจตัวเองไปด้วย เห็นใจเขาใจเราไปด้วย

เด็กไทยคิดทฤษฎีการเดินของกิ้งกือมาเป็นโปรแกรมได้นะครับ ความรู้มันมีรอบตัวจริงๆ ขึ้นอยู่ว่าเราจะมองมุมไหน มองเป็นธรรมะก็ยังได้เลย

ถ้าเดินเรื่อยไป ย่อมถึงปลายทาง

โอ๊ยย อ่านไปๆๆ อยากจะเลิกอ่าน เพราะ คิดตาม

แต่เลิกอ่านไม่ได้..เพราะเขียนได้ดี น่าอ่าน

สุดท้าย..ดีใจที่อ่านจนจบ

ขอบคุณค่ะ เขียนดีมากๆๆ

:admire2:

หน้า