มาอร่อย กับ อาหารจานคัน! ... กันต่อ .. ?
วันนี้ว่ากันต่อด้วยเมนูที่ สี่ และ ห้า คือ
เมนูที่สี่ “บุก”
ก่อนอื่น ขอสารภาพความจริงก่อนว่า ข้าพเจ้ารู้จัก “บุก” น้อยจริง ๆ อีกทั้งมี สมช. บางท่านได้เขียนไว้บ้างแล้ว แต่ที่ยังบังอาจเขียนบันทึกนี้ขึ้นมาก็เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่ยังพำนักอยู่ปักษ์ใต้ และขีดวงอยู่เฉพาะเรื่อง “บุกป่าในเมนูอาหาร” เท่านั้น
ในสมัยที่ข้าพเจ้ายังไม่สูงวัยขนาดนี้ .... อันว่า “บุก” เขาหามาต้ม ปนกับรำข้าว ให้หมูเพื่อเพิ่มน้ำหนักก่อนขายสักประมาณ 30 - 45 วัน ส่วนที่นำมาต้ม คือทั้งต้น และหัว หากมีมันสำปะหลัง และหยวก ก็ต้มปน ๆ ลงไปด้วย .... หมูชอบ... เอ๊ะ ! ... รู้ได้ไงนี่ ... รึเราเป็นหมู?
ไม่ได้การล่ะ .... ว่าจะเขียนเมนูบุก สำหรับคน ไหง? .... มั่วไปออกเมนูบุกสำหรับหมูไปได้ก็ไม่รุ คงเสียสติไปชั่วครู่ .... แต่ขออนุญาตไม่ลบทิ้งนะครับ
เอ้า ... ที่นี้ว่าถึง เมนูบุก สำหรับคน บ้าง ..... ก่อนอื่น สำหรับท่าน สมช. ที่ยังไม่เคยเห็นบุก ก็มาเห็นซะ
นี่ไง .... ต้นบุก ต้นที่มีพุ่มลักษณะนี้ กำลังเหมาะที่จะนำไปเข้าเมนู เลยครับ หากใบแผ่กลมกว่านี้ ก็ชรามากเกินไปครับ ... ฮุๆๆๆ
และนี่ ดอกบุก ที่เพิ่งโผล่จากพื้นดิน ครับ เป็นดอกตูม ....
เป็นดอกแบบโดดเดี่ยวครับ ไม่มีต้นเป็นพี่เลี้ยง
แล้วนี่ .... ดอกบาน ... นะจ๊ะ!
....แต่ยังไม่บานเต็มที่ .... หากบาน “เต็ม” และ”ได้ที่” ก็จะมีของแถม .... อันดับแรก ของแถมที่ไม่อยากได้ แต่ก็ต้องเอา คือกลิ่น
.... โอ้ย ขจรขจายไกลเหลือหลาย จะเทียบกับกลิ่นช้างตายทั้งตัวได้ไหม ก็ไม่ทราบ
... ที่แถมมาอีกอย่าง อันนี้ ชอบ ... ฉอบ ....ก็ ตัว “จู้จี้” ไงครับ ....!
พอได้ได้กลิ่นบุปผาบุก (เหอ ๆ ๆ ๆ...) เราก็รีบวิ่งกลับบ้าน หาถังใส่น้ำ โรยเกลือประมาณ 1 หยิบมือ คว้าเสียม กลับมาที่เก่า เดินตามกลิ่น จนเจอต้นตอแห่งกลิ่น ... ทนเหม็น ก้มมองลงไปในซอกดอก พอเห็นตัว จู้จี้ ก็ .... เงื้อเสียม กดสวบลงที่โคนดอกลึกลงไปในดิน ดึงออกมามาทั้งดอก คว่ำลงถัง เคาะ ... มอง .. เคาะ ... มอง ๆ ๆ ๆ... จนหมดตัวที่ต้องการ โยนดอกทิ้ง รีบเดินหนีออกมา นำตัวที่ได้ ไปล้างอีกครั้ง ก่อนนำลงกระทะ โรยด้วยเกลือเล็กน้อย พรือครับ ... ร่อย ม้าย .... เหอ ๆ ๆ ... เอ้า หยุดเรื่องจู้จี้กะดอกบุกไว้ก่อน มาว่า เรื่องเมนูต้นบุกกันต่อ
เจอต้นที่เหมาะ ตัดปลายทิ้งเยอะหน่อย .... อย่าเสียดาย
ตัดส่วนโคนต้น เกือบถึงดิน เพราะส่วนนี้ เนื้อแน่น อาา.. หย่อย ... มาก
ปอกเปลือก ขอย้ำ ... เปลือก นะครับ ไม่ใช่ผิว และต้องปอกหนา ๆ หน่อย อย่าขี้เหนียวเด็ดขาด (รูปนี้ ใช้น้องสาวเป็น Presenter แฮะๆๆๆ)
ได้ “แก่นบุก” ออกมา อวบ ขาวอมชมพู ฉะนี้แล ....
หั่นท่อนพองาม ผ่าเป็นชิ้นโตหน่อย ผ่านความร้อนแล้วจะยุบ อีกครับ หากชิ้นเล็ก สุกแล้ว จะเละหมด
เตรียมเสร็จสรรพ .... ก็มีหน้าตาอย่างนี้ ....
ข้อต้องจำ : ทุกขั้นตอน จนถึงขั้นตอนนี้ “ห้ามล้างน้ำเด็ดขาด” คันนะจ๊ะ ... คัน
ขั้นต่อไป นำไปเข้าเมนู ตามแต่ ... รัดดวง ใคร รัดดวงมัน ... เช่น
.... หั้นชิ้นเล็ก ๆ ยำสด จะให้สมรสกับ กุ้งสด หมึกลวก ก็ไม่ผิดกติกา
.... เจียวกระเทียมให้หอม ใส่กะปิลงผัดให้หอม ใส่บุกลงผัด จนยุบ เปื่อย ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ้วขาว ตามชอบ
แกงส้ม (แกงเหลือง) ... หรือ แกงกะทิ ... สูตรใคร ก็ สูตรมันครับ
เอ้า .... จบเมนูบุก ต่อด้วย จานคัน เมนูต่อไป
...... เมนูที่ห้า “อุตพิด”
เริ่มด้วย ... ภาพต้น อุตพิด
.... ตามด้วย ทั้งต้น ... ทั้งดอก .... (ไม่ใช่ทบต้น ทบดอกนะครับ)
ส่วนที่จะ นำมาเข้าเมนู มีเพียงก้านใบส่วนเดียว .... ส่วนอื่นอย่าแหยม นะครับ เลือดอาจกลบปากได้ได้ครับ...
...... เลือกเอาก้านใบอ่อน ๆ .... ลอกผิวออกทิ้ง นำส่วนเนื้อใน ไปปรุง ...
เมนูที่ข้าพเจ้าเคยบริโภค คือ
... หั่นซอย แล้วยำ ให้แก่เปรี้ยว รสจัดหน่อย ....
... ลวก แล้ว จิ้มน้ำพริกกะปิ รสเผ็ด เปรี้ยว
ครับ วันนี้พอก่อนนะครับ แค่นี้ก็ .... คันในช่องปากเย่อ แล้วละ
ย้ำอีกครั้ง ....
คันปากนะครับ ...ม่าย ช่ายยยยย ... ปากคัน
เหอ ๆๆๆๆ......
- บล็อกของ paloo
- อ่าน 17785 ครั้ง
ความเห็น
RUT2518
27 พฤษภาคม, 2011 - 14:18
Permalink
ขอบคุณมากครับ
สำหรับข้อมูลดีๆ บุก
paloo
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:05
Permalink
ยินดีครับ
บ้านสวน แบ่งปัน กันตามอัตภาพ ครับ
คนแก่ อยากอวดรู้นะครับ ... ฮึๆๆๆๆ
แจ้ว
27 พฤษภาคม, 2011 - 14:18
Permalink
มาแล้ว
ลุงขา ได้เมนูบุกแล้ว.... พร้อมภาพประกอบด้วย อาหารพื้นบ้าน....ที่ไม่ต้องซื้อหา ปลอดสารพิษแน่นอน แต่จะคันไม่คันแล้วแต่รัดดวงเหมือนกัน บางคนอาจจะอุปทานมากไป ก็จะเกิดอาการคัน.... (อิอิ เป็นบ่อย) สรุปว่าบุกนี้มีนามว่ากระไรเจ้าคะ
paloo
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:15
Permalink
ไม่แน่ใจว่าเรียกเหมือนกันไหม
ไม่ทราบที่อิ่นเรียกอย่างไร บ้านลุง "บุกป่า" ก็เรียก "บุกคางคก" ก็เรียก เพราะ เขาขึ้นในป่า และต้นเป็นปุ่มขรุขระ คล้ายหนังคางคก
แต่ เมนูยำ กับ ผัดเคย น้ำขลุกฃลิก สุดยอดไปบ้านเรา (ไม่ถึงเลย ...แฮะๆๆ) กินกับข้าว กินเอาจริงเปล่า ๆ เหม็ดเป็นโคม ๆ
เหอๆๆๆๆๆ
Thanawit
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:07
Permalink
เห็นอุตพิด แล้ว ที่บอกว่า
เห็นอุตพิด แล้ว ที่บอกว่า "ส่วนอื่นอย่าแหยม นะครับ เลือดอาจกลบปากได้ได้ครับ" ผมยังจำขึ้นใจเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่บ้าน ย่า จะมีอุตพิด ขึ้นเต็มไปหมด ไปขุดหัวมาเล่น นึกว่า มันแกว ....เอาเข้าปาก เคี้ยวไปเต็มกราม ..ไม่ต้องพูดถึง เลยครับ ว่ามันคัน ขนาดไหน มันคันแบบเจ็บ ๆ ด้วย ........ ยังมีอีกเรื่องครับ เรื่องคัน ๆ นี่ชอบนัก ... ไปกับเพื่อน 2 คนไปยิงนกกันครับ เดินลัดเลาะเข้าป่า ลำห้วย ไปเรื่อย .... ไปเจอ "เต่าร้าง" ครับ(ตอนนั้นไม่รู้จักหรอก) ออกลูกสุกเต็มต้นเลย น่ากินเชียว ก็เอาสิครับ ไปยืนใต้ต้น กับเพื่อน แล้วช่วยกันใช้ หนังกะติ๊ก ยิงเอา ๆ ๆ ๆ ยิ่งยิง ก็ยิ่งมัน ตกลงมาก็เอากิน สักพัก ยิ่งยิง ก็ไม่ ยิ่งมัน แล้วครับ มันเป็น ยิ่งยิง ยิ่งคัน ครับ คันไปทั้งตัว ในปากก็คัน แม่เจ้าโว้ยยย ....สุดยอดเลยพี่น้องเอ้ยยย ..... ใครอยากรู้ว่าสุดยอดของความคัน ทั้งปากทั้งตัว ลองดูได้ครับ ....:uhuhuh:
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
paloo
1 มิถุนายน, 2011 - 21:48
Permalink
โดนมาแล้วเหรอะ
ลุงไม่โดนเอง แต่น้องโดน ตอนเด็กๆ ขุดมันเทศ แล้วแย่งกันทาน น้องแย่งได้ก่อน ปากได้เลือดเลย
ลูกเต่าร้าง ตัดแช่ในคลอง เหนือท่าอาบน้ำ สุดยอด เกากันทั้งหมู่บ้าน หากจะเอามาทาน เขาจุะเก็บเอามูลมุสัง (อีเห็น) มาล้างสะอาด แล้วจึงทาน เคี้ยวมันดี อาหารเด็กๆ น่ะ ก็คนแกเขาห้ามเล่นเชี่ยน (เคี้ยวหมาก) เราก็เคี้ยวขี้มูสังแทน เหอๆๆๆๆ....
lekonshore
27 พฤษภาคม, 2011 - 14:52
Permalink
ตามมาอ่านค่ะ
รู้วิธีแล้ว มิน่าวันก่อนที่คันเพราะทำไปล้างไป จึงคัน มารู้วิธีทำแบบนี้นี่เอง............... :crying2:
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
paloo
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:25
Permalink
ทีหลังคงเลี่ยงได้
คราวหน้า คงปลอดภัย นะหลาน
แดง อุบล
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:05
Permalink
บุก
บ้านแดง แม่ชอบแกงใส่เห็ดเผาะค่ะ น้ำข้นดี
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
paloo
27 พฤษภาคม, 2011 - 15:27
Permalink
ครับ .... ผม
อาหารไทย พลิกแพลงได้ตาม สถานการณ์ และความชอบแหละครับ
หน้า