อาหารเช้าแบบพัฟพัฟ (Puff Pastry)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สวัสดีตอนเช้าจากอริโซนา สหรัฐอเมริกาครับ ขณะที่เขียนบล็อกอยู่นี้ก็ตอนเช้าของวันเสาร์ครับ วันนี้ตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยอยากตื่นนักเพราะเป็นวันหยุด แต่แสงแดดที่อริโซนาจ้าซะเหลือเกิน เมื่อตื่นแล้วก็หิว ก็เลยเป็นเมนูอาหารเช้าที่จะนำเสนอนะครับ ชื่อว่า อาหารเช้าแบบพัฟพัฟ และเทคนิคที่จะแนะนำคือ การทำพัฟพาสตรี้ (Puff Pastry) ลองติดตามดูนะครับ

การทำขนมปังพัฟค่อนข้างจะใช้เวลาในการเตรียมแป้งนะครับ แต่ถ้าทำแป้งแล้วทุกอยากก็จะง่ายขึ้น เอามาทำเป็นอาหารเช้า อาหารว่างได้ นะครับ 


เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากที่ทำงาน ก็เตรียมแป้งเอาไว้เพราะจะทำขนมปังพัฟทานในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เริ่มด้วยการเอาเนยมาสองก้อนตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง

เนยที่ใช้จะเป็นแบบจืด และไม่มีคลอเลสเตอรอล (Cholesterol) เอาออกมาจากตู้เย็น แล้วตั้งทิ้งไว้ประมาณสิบนาที

จากนั้นก็เตรียมแป้ง โดยมีแป้งสาลี 2 ถ้วย ตามเคยนะครับ เกลือครึ่งข้อนชา


แป้งกับเกลือ ใส่ในถ้วยใบใหญ่ (คุณเล็กออนชอ ชอบเรียกว่า โคม) แล้วเติมน้ำลงไปสักหน่อยนึง แล้วก็เริ่มนวด ใช้มือนวดแรงๆให้เข้ากัน ดูตามรูปนะครับ

 

มือขวาใช้นวด มือซ้ายไว้ถ่ายรูป งานหนักมากเลย กว่าจะทำบล็อกนี้เสร็จ

 

หลังจากนวดแป้งเป็นก้อนแล้วก็เอาผ้าสะอาดๆบางๆไปคลุมไว้แล้วเอาเข้าตู้เย็นเพื่อปรับอุณหภูมิสัก ห้านาที

 

จากนั้นก็เอามานวด โดยใช้ไม้นวดแป้ง (Rolling Pin) แล้วนวดให้ได้ขนาดสัก 2-3 ฝ่ามือ

 

จากนั้นก็หั่นเนยเป็นท่อนๆ แว่นๆ มาวางตรงกลางของแป้ง

 

แล้วก็ใช้แป้งห่อเนยเอาไว้ รีบทำเร็วๆนะครับอย่าให้เนยละลายเสียก่อน จากนั้นเอาเข้าตู้เย็นไว้ สักห้านาที

 

จากนั้นเอาออกมาจากตู้เย็นก็เอามานวดเป็นแผ่นยาวสักฟุตครึ่ง แล้วพับเป็นสามท่อน แล้วเก็บเข้าแช่เย็นอีกสักสิบนาที

 

แช่เย็นพักไว้ทุกๆสิบนาที หลังจากนวดและพับไว้แต่ละครั้ง

 

อาแป้งมานวด พับสามท่อน แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นทุกๆ สิบนาที หรือนานกว่านี้ก็ได้ครับ ให้ได้สักห้าถึงหกเที่ยว ถ้าให้จำได้ก็ทำเครื่องหมายจุดๆ ตามจำนวนเที่ยวไว้ที่มุมขวาอย่างที่เห็นในภาพนะครับ

จุดประสงค์ที่ต้องเอาเข้าๆออกๆตู้เย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เนยละลาย และเวลานวดแป้งแล้วพับไว้ก็จะเป็นการเพิ่มจำนวนชั้น ระหว่าง แป้ง-เนย-แป้ง ไปเริ่อยๆครับ เพราะเวลาอบแล้วจะเกิดการพองตัวของแป้งให้เกิดช่องโปร่ง (Air pocket) ในชั้นที่เป็นเนย แล้วแป้งก็จะกรอบล่อนๆเป็นชั้นๆ หรือ พัฟ (Puff) จากนั้นเอาผ้าห่อแป้งเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณสามวันครับ เวลาจะใช้ก็เอามานวดบางๆทำขนมปัง ผมทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ก็เอามาใช้ได้


การทำใส้ขนมปังพัฟ

ใช้อะไรทำใส้ก็ได้นะครับ ตามใจชอบ เช้านี้ผมทำสองอย่าง แบบคาวกับแบบหวาน

ใช้สตรอเบอรี่ที่เหลือจากบล็อกที่แล้ว มาทำใส้ แค่หั่นเป็นชิ้นๆ

 

ใส้ไข่คน ก็ตั้งกระทะให้ร้อนหน่อยนึง เอาน้ำมันพืชหรือเนยใส่นิดเดียว ใส่หอมใหญ่ ใส้กรอกแฮม แล้วใข่คนเข้ากัน แล้วตั้งใว้ให้เย็น

 

แล้วก็ห่อด้วยแป้งเป็นแบบต่างๆตามที่ชอบ

 

จากนั้นก็เอาใส่ถาดเข้าแช่เย็นไว้สักห้านาที แล้วนำไปอบในตู้อบที่อุณหภูมิ 350 ฟาเรนไฮต์ เป็นเวลา 10 นาที (ที่อเมริกาใช้หน่วยวัดอุณหภมิเป็นองศาฟาเรนไฮต์ครับ)

 

 

อบมาแล้วใส่จานทานเป็นอาหารเช้า จิ้มซอสมะเขือเทศนิดหน่อย


ข้างในเป็นอย่างนี้นะครับ มีแป้งกรอบๆเป็นชั้นๆหุ้มอยู่

 

นี่ก็เป็นใส้สตรอเบอรี่ที่ทำนะครับ แล้วก็มีมินิครัวซอง (Croissant) แบบกรอบๆ ไว้ทานเป็นของว่างของวันนี้

 

ข้างในเป็นอย่างนี้นะครับ อร่อยมาก

 

ขอบคุณมากนะครับที่ติดตามอ่านบล็อกของลุงแอ้ดตลอด เป็นอาหารที่ทำไม่ยาก ทานง่าย ได้ทุกเวลา ประยุกต์ ประหยัด พอเพียง

 

หากท่านเข้ามาอ่านแล้ว ขอความกรุณาให้ความเห็นด้วยนะครับ ถ้าทำที่เมืองไทยตามท้องถิ่นต่างๆ เราควรใช้พืชผัก ผลไม้อะไรทำใส้ขนมปังพัฟดีครับ ผมอยากเอาไปต่อยอดทำเป็นโครงการอาหารเช้าให้กับโรงเรียนตามชนบทนะครับ กำลังหาทุนทำโครงการอยู่นะครับ จะซื้อตู้อบแจกโรงเรียน แล้วสอนครูหรือนักเรียนให้ช่วยกันทำ อย่างน้อยเด็กๆจะได้มีอาหารเช้าทาน ที่ไม่ยุ่งยาก ทำกันเองที่โรงเรียนได้ อาหารเช้าสำคัญมากครับ ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า เพราะมีชีวิตครอบครัวที่เร่งรีบ ตื่นเช้าจริงแต่ต้องนั่งรถไปเรียนในเมือง ได้ทานมื้อแรกของวันก็ตอนเที่ยงแล้ว ตอนเที่ยงทานมากตอนบ่ายก็จะหลับ เรียนไม่รู้เรื่องอีก ก็เลยคิดว่าถ้าทานอาหารเช้าให้เพียงพอแล้ว ตอนเที่ยงทานไม่ต้องมากก็ได้ เป็นหนึ่งในโครงการที่คิดจะทำตอนกลับไปอยู่เมืองไทย อีกสิบแปดเดือนข้างหน้าครับ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังนะครับว่าโครงการที่คิดไว้เป็นอย่างไร ในโอกาสต่อไปนะครับ


ด้วยรักและปรารถนาดี

จากลุงแอ้ด บ้านสวนพอเพียง

ความเห็น

มื้อค่ำแล้วผมก็ยังวนเวียนอยู่ในครัวครับ นี่คืออาหารมื้อค่ำแบบพัฟๆ ของผมครับ

เอาไข่ต้มมาทำครับ

 

ก่อนอบครับ


มีพัฟไข่กับใส้กรอกครับ

 

แล้วก็ทานกับตำถั่วสูตรคนไกลบ้าน อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อครับ

 

bon appetit

ผู้ชายทำอาหารกินเอง แถมเบเกอรี่อีกต่างหาก รอชมเมนูถัดไปค่ะลุงแอ้ด

_________________________  

Our way is not soft grass, it’s a mountain path with lots of rocks. But it goes upward, forward, toward the sun. – Ruth Westheimer

ขอบคุณครับคุณบอสตัน เพราะอยู่คนเดียวเลยต้องทำเองครับ

หน้าตาน่าทานมากเลยค่ะ ตอนอ๊อดมาอเมกาใหม่ๆก็เห่อทำเหมือนกัน สะสมทุก recipes เลยค่ะ เจอที่ใหนเป็นต้องตัดเก็บไส่แฟ้ม แล้วเอามาหัดทำ แต่ตอนนี้เริ่มขี้เกียจแล้วค่ะ สาเหตุก็เพราะขี้เกียจนวดแป้งนี่ล่ะค่ะ


โครงการน่าสนใจมากเลยค่ะ "อาหารเช้าสำหรับเด็ก" เพราะตอนเป็นเด็ก ก็ไม่เคยได้ทานอาหารเช้าเลย กว่าจะได้ทานก็มื้อเที่ยงทุกวันเลย เพราะการเร่งรีบของทุกคน พ่อกับแม่ก็รีบไปทำงาน เราก็ไม่มีเวลากิน เพราะตื่นแต่เช้าแล้วก็ปั่นจักรยานไปจอดไว้ที่ค่ายทหารแล้วก็นั่งรถโดยสารไปเรียนในเมืองอีกต่อนึง ไปถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติพอดี ไม่มีเวลากินค่ะ ช่วง 9-10 โมงเช้า ช่วงนี้หิวจนไส้กิ่ว แต่ก็ต้องอดทนรอจนกว่าจะเที่ยง พอเที่ยงมาก้ทานเร็วๆ รีบๆ ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด แล้วลำไส้ต้องทำงานหนักพยายามย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียในตอนบ่าย ง่วงนอนค่ะ เรียนไม่รู้เรื่องเลย ครูก็โหด ใจร้าย อะไรนิดหน่อยก็ทุบหลัง ตียังกะขี้ข้าม้าคอก ไม่เหมือนครูสมัยนี้ ใจดี น่ารัก ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กเหมือนเดิม 

ขอบคุณครับคุณอ๊อด เป็นโครงการอาหารเช้าที่ไม่ต้องมาล้างถ้วยล้างชาม เด็กก็จะสนุกไปด้วย

 

เมื่อก่อนผมก็สาหัสเหมือนกัน นั่งรถสองแถว และก็ทั้งเดินไปโรงเรียน ที่แย่ที่สุดก็ตอนอยู่ประถม โดนครูตีเกือบทุกวันเพราะมาโรงเรียนสาย ตอนอยู่มหาลัยก็ต้องนั่งรถเมล์สงขลา-หาดใหญ่ แล้วก็ต่อรถสองแถวอีก ลำบากเหมือนกัน แต่ต้องตื่นแต่เช้ามากไปช่วยแม่ขายข้าวแกงก่อน แล้วก็ได้ทานข้าวเช้าที่โรงอาหารที่แม่ขายข้าวแกงอยู่ แล้วถึงได้ตังค์ไปเรียนหนังสือ

มันจะเทียบเคียงกับแป้งอะไรในเขตร้อน บ้างคะ แป้งสาคูมันเหนียวและเคยผสมแป้งข้าวสังหยดทำเส้นหมี่ เส้นสีสวยแต่พอนำมาลวกมันเปื่อยยุ่ย

น่าจะใกล้เคียงกับแป้งหมี่ครับพี่หยอย

เอาไส้ลูกตาลอ่อน มะพร้าวอ่อน  สัปรสหรือยานัด ป่าบอนก็ออกมาเยะมากๆทุกปี หน้านี้แหละ เนื้อปลาทูต้มเค็มแบบแห้ง  

ใช่ครับพี่หยอย ถ้าเด็กได้ทานอาหารเช้า ผมว่าสติปัญญาดีขึ้น ตอนเที่ยงทานอะไรเบาๆก็พอเพราะตอนเย็นก็ต้องทานหนักที่บ้าน ถ้าอย่างนั้นอาหารตอนเช้าต้องเป็นอะไรที่ให้พลังงานสูง เช่นแป้ง หรือข้าว แล้วใครจะตื่นมาทำกับข้าวเลี้ยงเด็กทุกวันละครับ ผมว่าอาหารเบเกอรี่นี่น่าจะเหมาะแต่ต้องใช้วัตถุดิบที่หาง่าย แรงงานน้อยด้วย ที่สำคัญไม่ต้องล้างจาน หยิบกินได้ ร่วมกับโครงการนมโรงเรียน พี่ลองดูนะครับ หาโรงเรียนนำร่องให้หน่อย ผมจะหาเงินซื้ออุปกรณ์ให้โรงเรียน แล้วให้ครูคหกรรมทำอาหารให้เด็กและสอนเด็ก 

ช่วยได้สบายมาก กระบวนการเรียนรู้ต้องมาก่อน เตาอบมาประยุกต์ที่เมืองไทยได้มั้ย หรือมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมอื่นๆเป็นทางเลือก หรือเปล่า เรื่องเครื่องมืออุปกรณ์นำเข้า เห็นปัญหามาเยอะ

หน้า