เล่าสู่กันฟัง
เมื่อวานท้องฟ้าแจ่มใสเลยเข้าสวนไปตัดหญ้าและเก็บผลไม้ในสวน มาตุนไว้ในตู้เย็น พร้อมนำเสนอข้อมูลแนวทางการปฏิบัติตน เพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บจากการรับประธานอาหารต่างๆ เป็นเนื้อหาที่เน้นในเรื่องการกิน การอยู่กับธรรมชาติ ดูเหมือนจะตรงกับวัตถุประสงค์ “ บ้านสวนพอเพียง “ ยาวไปหน่อยขอสุมาครับ
หลายวันก่อนเข้าไปค้นเรื่องต่างๆที่อยากรู้ในเน็ต เน้นในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพร ไว้รับประทานเอง ไปเจอข้อมูลจาก พุทธวิธีบริหาร Buddhist Style in Management “ รักษาโรควิถีธรรมชาติบำบัดแบบหมอเขียว ” เขียนโดย คุณ สมหวัง วิทยาปัญญานนท์ ดังนี้
1. บทนำ
เวลาไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็ไปหาหมอแผนปัจจุบัน หากเกิดจากเชื้อโรค บาดเจ็บ อย่างนี้หมอแผนปัจจุบันถนัด แต่หากเป็นโรคที่เกิดจากตัวเอง เรื้อรัง เหตุมักมาจากการกินอาหาร สังคมแย่อยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ดี อารมณ์ตัวเองเครียด ปรับสมดุลตัวเองกับสิ่งแวดล้อมไม่ได้ เช่น เนื้องอก มะเร็ง ปวดหัวไร้สาเหตุ เบาหวาน โรควัยทอง อย่างนี้ไปหาหมอเขียวบำบัดโรคด้วยอาหาร อากาศ และอารมณ์จะดีกว่า พูดสั้นๆ ก็คือ หากรักษาโรคที่ไม่ใช่โรคติดต่อกับหมอแผนปัจจุบันไม่หาย เรื้อรัง ก็ให้แนะนำมาที่หมอเขียวเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งแนวธรรมชาติบำบัดก็มีหลายค่าย แบบระดับคนจน จนถึงระดับมีอันจะกินก็มี แต่แนวที่แนะนำคือ แนวหมอเขียวเพราะราคาถูกแบบชาวบ้านๆ ก็ไปรักษาได้อยู่ที่บ้านสานฝัน จ.อำนาจเจริญ
2. หลัก 8 อ. เพื่อสุขภาพ
8 อ. เพื่อสุขภาพ นำมาใช้ในการเสริมสร้างให้สุขภาพดี แต่ก็มีบางข้อก็เอามาใช้เพื่อทำให้อายุยืน และสุดท้ายนำเอามาใช้รักษาโรคตามแนวธรรมชาติบำบัด มีดังนี้
1) อิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)
2) อารมณ์ (ทำให้จิตสงบ ไม่วิตก ไม่อารมณ์เสีย)
3) อาหาร (กินอาหารที่สมดุล เน้นพืชผักฤทธิร้อน-เย็น ทำสมดุลกับร่างกาย)
4) ออกกำลังกาย (ตามวัย ตามภาวะ อยู่ในชีวิตประจำวัน มีตักน้ำ ซักผ้า)
5) อากาศ (อากาศดีๆ บริสุทธ์ แบบชนบท ต้นไม้ดอกไม้แบบปลูกลงทุนต่ำๆ)
6) เอนกาย (ที่นอนแบบง่ายๆ นอนเพียงพอ)
7) เอาพิษออก (ไล่พิษแบบต่างๆ ให้ออกจากร่างกาย)
8) อาชีวะ (จงทำงาน อย่าทำเป็นคนว่างงาน จะเฉาตาย)
3. พิษภัยจากอาหารรสจัด
จงหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและกินกันเป็นประจำ เพราะจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ มีดังนี้
รสฝาดจัด >>> เกิดนิ่วได้ง่าย
รสขมจัด >>> มีอัคคาลอยมาก มีผลต่อหัวใจ
รสหวานจัด >>> ตับอ่อนทำงานหนัก ทำให้ตับอ่อนเสื่อมง่าย เกิดเบาหวาน
รสเผ็ดจัด >>> เกิดระคายเคืองต่ออวัยวะ มีกระเพาะ ลำไส้ ทวาร
รสมันจัด >>> มีไลเปรส มีผลต่อตับ
รสเค็มจัด >>> มีผลต่อ ไต
รสเปรี้ยวจัด >>> กัดทำลายผิวตามผนังเนื้อเยื้อ คอฟัน
- หลักสุขภาพของหมอเขียว (ใจเพชร มีทรัพย์)
“กินเนื้อไม่ติดมัน กินผักมากขึ้น ลดอาหารรสจัด”
“กินอาหารเสริม วิตามิน อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ”
“อาหารรสจัดเป็นภัยต่อสุขภาพ (ร่างกาย)
หากเรามีบาดแผล ลองเอาผักรสจืดตำมาโป๊ะแผล เราจะรู้สึกเฉยๆ แต่หากเอาผักรสเผ็ดร้อน มาโป๊ะ เราก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน
ผู้ป่วยมะเร็ง ร่างกายอยู่ในสภาพร้อนเป็นแผลเนื้อร้าย หากกินอาหาร พริกไท ข่าแก่ ที่มีฤทธิ์ร้อนหรือสาหร่ายฤทธิ์เค็ม ร่างกายจะทรุดทันทีอย่างเห็นได้ชัด แต่หากเรากินจืดก็ไม่เป็นไร กินพวกรสร้อนจะไม่ดี หากกินรสจืดติดต่อกันหลายวันร่างกายก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อาหารจืดๆ แต่กินมากเกินไปก็ไม่ดีจะไม่สบาย อึดอัด หากกินรสจัดเต็มที่มีน้ำตาล (หวานไป) น้ำส้ม (เปรี้ยวไป) ก็ไม่ดี จะไม่สบาย อึดอัด หากกินรสจัดเต็มที่มีน้ำตาล (หวานไป) น้ำเสีย (เปรี้ยวไป) ก็ไม่ดี
กินวิตามินและอาหารเสริม ไม่ได้เอาแบบธรรมชาติต้องมาสกัดให้เข็มข้นเต็มที่เพื่อให้ได้ดูดซึมได้ดีได้มากๆ ให้พลังงานสูงมาก อย่างนี้ก็ไม่ดีเข้มข้นไป จัดไป ไม่ดี
4. แนวทางรักษาโรค
โรคที่รักษา ต้องไม่เป็นโรคจากเชื้อโรคติดต่อ แต่เป็นเรื้อรัง มี มะเร็ง เนื้องอกในสมอง ปวดหัว เครียด ความดันโลหิตสูง โรคอารมณ์ (ทางใจ) โรควัยทอง (ร้อนวูบาบ) โรคสะเก็ดเงิน
แนวทางรักษาโรค
- ใช้สถานที่อากาศดี อยู่ในชนบท
- ใช้อาหารผักรสจืดตลอด
- ออกกำลังกายตามวิถีชีวิต เช่นตักน้ำ ซักผ้า หุงข้าว
- รักษาอารมณ์จิตใจ โดยการต้อนรับดีและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ดอกไม้ใบไม้ใบหญ้า
การรักษา 3 วัน ก็เริ่มเห็นผลความแตกต่าง ดีขึ้น สบายโล่ง เบา
5. เป็นเนื้องอกในสมอง
- จัดสถานที่นอนแบบเรียบง่าย อยู่ในสวน นอนเห็นต้นไม้
- สังคมดีต้อนรับให้ผักผ่อนตามสบายประทับใจ
- อบรมให้ทราบวิธีการรักษาก่อนการรักษา
- ใช้อาหารล้วนๆ ไม่มีการใช้ยาใดๆ
- ใช้วิธีปรับสมดุลอาหารฤทธิ์ร้อน-ฤทธิ์เย็น เหมือนเครื่องยนต์ (ร้อน) ต่อโยงกับ หม้อน้ำ (เย็น)
- กินอาหารรสจืด ใส่เกลือได้เล็กน้อยใ ห้ได้รับรสธรรมชาติจากอาหารแท้ๆ
- คั่นน้ำโคโลฟิลดื่ม มีใบหญ้านาง ใบเตย หญ้าปักกิ่ง
- ทานผลไม้สด
- ทานผักมี ส้มตำ มะละกอ มะเขือเทศ
- ผักสดรสจืด ฤทธิ์เย็นดับร้อนในร่างกาย
- ข้าวซ้อมมือ สีเหลือง ฤทธิ์เย็น
- ผักต้ม ฤทธิ์เย็น
- หากไปทดลองกินยาสมุนไพรรักษาโรคไม่หายก็มาลองทานอาหารรสจืดได้
- โรคสะเกิดเงินก็หาย (ภูมิแพ้ของตัวเอง) หลังจากกินอาหารผักภายใน 5 วัน ก็หาย
- จัดบ้านที่อยู่ให้มีต้นไม้ ดอกไม้ แบบโปรยๆ ตามธรรมชาติ
- คอเคล็ด หงุดหงิด เจ็บทรมาน ใช้ช้อนขูดที่คอจะหายเป็นวิธีกัวซา
- วิชากัวซา เป็นวิธีเอาพิษออกจากร่างกายทางผิวหนัง ใช้ขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น (ยาหม่องเสลดพังพอน) ใช้ช้อนหรือเหรียญสิบบาทขูดตามบริเวณที่เคล็ด เจ็บตรงไหนก็ขูดตรงนั้นจนผิวหนังแดง
- ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เบาหวาน เนื้องอก มะเร็งระยะสุดท้าย ตับแข็ง ไขมันตันเส้นเลือดแค่ทาน 3 วัน รู้สึกดีขึ้นก็แสดงว่ามาถูกทาง x-ray ดูเนื้องอกจะเล็กลง ร่างกายกระฉับกระเฉงลงแปลงผักได้ พูดจาดีขึ้น สมองโปร่งโล่งขึ้น
- หลังจากหายแล้วก็ไม่ควรหวนกลับไปกินอาหารรสอร่อยๆ รสจัดๆ อีก
- โรคไขมันพอกในตับลองดื่มน้ำใบหญ้านางคั้น
- กินอาหารปลอดสารพิษ อย่าใช้เทคโนโลยีมาก ให้กลับมาพึ่งวิถีธรรมชาติ
- วิธีการรักษาแบบนี้ราคาถูกมาก หากเป็นหมอโรงพยาบาลครั้งละ 3-5 หมื่นบาท
- การรักษาโรคแบบวิถีธรรมชาติหรือโภชนาบำบัดนี้มีหมอหลายค่ายแพงๆทั้งนั้น คนจนก็เลยหมดโอกาส
- อย่าคิดว่าโรคนี้รักษาไม่หาย จงมาหาโอกาสอยู่บ้านดิน ท่ามกลางดอกไม้ ไม่ต้องกินยากินแต่อาหารบำบัด
6. เป็นมะเร็งที่คอ
- ไปศึกษาจากหนังสือถอดรหัสอาหาร ไปศึกษาดู
- เป็นมะเร็งที่คอระยะ 2 บวมเท่าลูกปิงปองมีอาการเจ็บคอเหมือนเป็นหวัด
- หมอเขียวติดดินโทรมาหาคนไข้ชวนให้มารักษาที่บ้านสานฝัน
- หาหมอแผนปัจจุบันมีแต่ฉายแสงรังสี
- อยู่แบบธรรมชาติ
- ใช้วิตามินซี มีฝรั่งปั่น ข้าวกล้อง ผักหลายชนิดมาต้มรวมกันเอาน้ำผักมาทำอาหารต่อแต่อาการไม่ดีขึ้นเพราะเหตุใด แม้เป็นผักก็ผิดทางเพราะเป็นฤทธิ์ร้อนหมด ต้องหาผักฤทธิ์เย็นจึงจะถูกต้อง
- มะเร็งเป็นฤทธิ์ร้อนต้องเอาผักฤทธิ์เย็นมาปราบ
- กินอาหารผัก 5 วัน อยู่กับหมอเขียว คอบวมเท้าลูกปิงปองเหลือเท้าลูกแก้ว
- อาหารเสริมมีว่านหางจระเข้ ขวดละพันบาท มักถูกอ้างว่าเป็นยาขับออกฤทธิ์จะบวมมากขึ้น
7. ปวดหัวบ่อย
- หากกินขนมจะไม่หาย
- ปวดหัว ปวดท้อง น้อยลง กินอาหารรสจืดจะดี
- ทำ detox ด้วย
- ตื่นเช้าตี 4 ทำวัตร กายบริหารกดจุดลมปราณ จากนั้นทำเกษตร เช้า 2 ชม. เย็น 1 ชม.
- ปกติเหงื่อไม่ออก หลังปรับสมดุลแล้วเหงื่อออกดี
- อาหารมีรสเดียวแต่อร่อย เคยกินรสจัดมาสุขภาพแย่ เพราะชอบทางรสเผ็ดมาก
- ปกติมักสั่งผักสิ้นคิด (ผักกระเพรา) กินพริก เม็ดข้าวดำ เดี๋ยวนี้เลิกหมดแล้ว
- มาสุขกับอาหารจืดดีกว่าเพราะสุขภาพดีขึ้นแข็งแรงเพิ่มขึ้น
- อาหารรสจัดทำให้เกิดโรคมีเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด
- มากินอาหารจืดแค่ 3 วัน จะโล่ง สบาย
- ทางเลือกรักษาโลกมีแบบแพงและแบบถูก แบบถูกๆ นั้น เน้นธรรมชาติมีใช้อาหารบำบัดพึ่งพาตัวเอง หาง่าย ประโยชน์สูงประหยัดสุด
8. เป็นเบาหวาน
- เป็นเบาหวานทั้งที่กินมังสะวิรัด เพราะกินข้าวเหนียวมากไป
- อดของหวาน รักษาเบาหวาน
- เป็นเบาหวานให้หาหมอปัจจุบันได้แค่ยาปัจจุบันห่อใหญ่ กินแล้วบีบหัวใจ ให้ทิ้งไปเลย มากินอาหารจืดดีกว่า
9. บทส่งท้าย
อาหารดี วิตามินดีๆ อาหารเสริมดีๆ เข้มข้นสูงกินเข้าไปก็อันตราย อาหารเสริมดีๆ ดังๆ สกัดมากินมากๆ พวกชงๆ ทั้งหลาย ทรุดเลย เพราะแรงไป
ร่างกายก็ร้อนมากอยู่แล้วมากินก็เลยทรุดลงอีก
รักษามะเร็งกับวิธีกินรสจืด ฟื้นดี ไปหาหมอ ฉีดวิตามิน ปวดแสบปวดร้อน ต้องรีบถอนพิษ โดยการกินผักใบเขียว
วิตามินกินไปไม่รู้ว่าตัวเราขาดหรือมีมากไป กินเข้าไปก็เกินไป ไม่พอดี จะดูจากอะไร
ความลับจากฟ้ามีพึ่งพาตนเองเป็นตัวชี้วัดสุขภาพดี มี
1) เจ็บไข้ป่วยน้อยลง
2) ลำบากกายน้อยลง
3) กระปรี้กระเป่า เบากายใจ
4) อยู่ผาสุข
5) มีกำลังสดชื่น
มีอาหารกิน ครบหรือเปล่าไม่สบายลดลงเขากายมีกำลัง
กินตอนนี้อีก 1-4 ชั่วโมง ออกฤทธิ์แสดงว่าอาหารครบในวันนั้นแล้วตรวจสอบต่ออีก 3 วัน ข้างหน้า
ใครไม่สบายตรวจสอบ 4 ชั่วโมง ถึง 3 วัน ย้อนหลังว่า กินอะไรมา ให้เจาะเลือดตรวจได้
- อาการไม่สบายจากอาหารที่กิน
- หน่อไม้ดอกกินแล้วร้อนไม่ดี
- หัดเป็นหมอ เรียนรู้จากตัวเอง พึ่งพาตนเองได้ อย่าไปกินยาอย่างเดียวไม่ดี
- ต้นเหตุโรค อาหารรสจัด กินมากๆ ไปฝังในเนื้อเยื่อ
- พอกินยา ยากดโรคขับโรคกินเสร็จก็ขับออกได้ เราใส่ต้นเหตุลงในเนื้อเยื่อจากกระแสบริโภคนิยม ในเนื้อเยื่อฝังลึกขับไม่ออก ก็ต้องเพิ่มความแรง เพื่อเอาพิษออก ต้องหายาแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไปงัดออกมา
พากินยาอย่างเดียวก็พายาอื่นๆ มาด้วยก็เกิดโรคอื่นๆ ตามมาอีก
- การไม่เปลี่ยนพฤติกรรมมีแต่เอายาใส่เข้าไป
ภาวะร้อนเกินมีเหมือนมีไฟเผา ปวดหัวตัวร้อนมีฝีหนองผื่นคัน เม็ดแผลในปาก อักเสบ มีจุดดำ เจ็บคอ บวมร้อน
ภาวะเย็นเกินมีโลหิตไหลเวียน มึนชา เย็น หัวตื้อ บวมไม่ออกร้อน
อาหารเย็นทำให้ร้อนลด ชุ่มคอ
อาหารร้อนทำให้ปากคอแห้ง (ของแสลง)
- บล็อกของ sak92
- อ่าน 4833 ครั้ง
ความเห็น
guys ka
24 สิงหาคม, 2011 - 10:00
Permalink
ดีจังเลย
ได้ความรู้อีกแล้ว ดีจังเลย ยินดีจ๊าดนักเน้อเจ้า.. :admire2:
.................
วิศิษฐ์
24 สิงหาคม, 2011 - 10:06
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ข้อมูลดีมาก ๆ เลยครับ แต่รูปภาพกับตัวหนังสือเล็กไปหน่อยครับ สว.เยอะครับ..อิอิอิ..โหวต ๆ ครับ
มานี มานะ วีระ ชูใจ
24 สิงหาคม, 2011 - 11:05
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
:waiting:
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
อารีย์_กำแพงเพชร
24 สิงหาคม, 2011 - 11:04
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
คุณลุงศักดิ์คะ ได้เข้าสวนไปกับคุณลุงก็สดชื่นแล้ว ยังได้รับความรู้อีกด้วย ขอบคุณมากค่ะ
แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง
RUT2518
24 สิงหาคม, 2011 - 11:07
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ ครับลุง
สาวภูธร
24 สิงหาคม, 2011 - 12:46
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ขอลอกหน่อย :embarrassed: :embarrassed:
หนุ่มชาวสวน
24 สิงหาคม, 2011 - 12:52
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลครับ
สายพิน
24 สิงหาคม, 2011 - 13:57
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ลุงศักดิ์ โดยความเห็นแล้วการได้ดูแลตัวเองในเรื่องอาหาร การปฏิบัติตัวและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ หากว่าเผลอพลาดหลงลืมมารู้ตัวเอายามป่วยไข้ก็น่าเสียดายเวลาที่ผ่านไป ส่วนตัวเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทัน "เห็น"ถึงสาระสำตัญในจุดนี้ และอาจคิดว่าเข้าใจ แต่เป็นความเข้าใจแต่ภาษา หากว่าปฏิบัติและเข้าถึงได้จากคนหนึ่งสู่คนหนึ่ง และทวีจำนวนไปเรื่อย ๆ ในส่วนนี้จะช่วยลดปัญหาสุขภาพซึ่งในปีหนึ่ง ๆ ต้องหมดไปกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดีย ... หากว่ามีการปลูกพืชที่รับประทานแล้วสุขภาพดี ปลอดภัย ทั้งยังป้องกันโรคได้ด้วย น่าจะเป็นความสมบูรณ์ในวงจรชีวิตหนึ่งวัน ... นับแต่ลงมืออิทธิบาท ออกแรงปลูกผัก เหนื่อยก็ได้หายใจเอาอากาศ ตลอดถึงการปรับอารมณ์ และมีการขับถ่ายของเสียออก ฯลฯ
ขอขอบคุณข้อมูลที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ลุงศักดิ์
ป้าเก๋
24 สิงหาคม, 2011 - 16:10
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะลุง
Goong
24 สิงหาคม, 2011 - 19:22
Permalink
Re: เล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณมากค่ะ
หน้า