Flood 5 … วิกรม ... ที่ไม่ผ่านวิกฤต = สุนัขตัวนั้น

หมวดหมู่ของบล็อก: 

    ก่อนอื่น ... ต้องขออำภัยทุก ๆ ท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมบล็อกของข้าพเจ้าในช่วงนี้ เพราะดูไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าที่ควร ไม่ว่าการ อัพบล็อก การปฏิสันถาร ระหว่างกัน เนื่องจาก คอมฯ คงติดใจในแม่พระคงคา เลย ตามไปด้วยซะดื้อ ๆ งั้นแหละ ... จะใช้ที ได้บ้าง! … ไม่ได้บ้าง! .... ที่ได้ก็แสนอืดดดด ....

    ที่กล่าวไว้ข้างต้น ... นอกเรื่องนะขอรับ ... ต่อไปนี้ จึงจะเข้าเนื้อหา ... เอ้า ...เชิญคราาา....บ!

    ข้าพเจ้าคะเนเอาเองว่า ... คงมีหลายท่าน ได้ชม “คลิป สุนัขหลับใน” ที่มีการนำเสนอ ทั้งทางสื่อสาธารณะ และสื่อสายตรงส่วนตัว  .... ท่านที่ได้ชม คงรู้สึกแตกต่าง หลากหลายกันไป ตามปัจจัยปรุง

    ที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอในบล็อกนี้ ... ก็สุนัขที่อยู่ในภาวะอาการเดียวกันกับสุนัขตัวนั้น ... แต่เป็นสุนัขคนละตัว ลักษณะสถานที่เกิดเหตุ ก็ต่างกัน ... แม้ทั้งสองตัวจะอยู่ในอาการ “ง่วง! .. สุด ๆ ... เอาไม่อยู่” เหมือนกันก็ตาม ...

    แต่ข้าพเจ้าคาดเดาเอาจากอาการที่ผ่านทางจักขุประสาท ว่า ... ทั้งสองตัว “คิดต่าง ...

    มาถึงตรงนี้ หลาย ๆ ท่าน ส่วนใหญ่ คงหัวเราะ หรืออย่างน้อย ก็ ... ยิ้ม ๆ ล่ะเอา ... พร้อม ตั้งคำถามลับหลังข้าพเจ้า (แต่ต่อหน้าบล็อก) ว่า ...

       “แล้ว! ... ลุงเป็นหมา ... เรอะ? ... จึงได้รู้ว่าหมาคิดไง

    เอ้า ... แล้วจะให้เป็นไหมล่ะ? ... อยากให้เป็นก็จะเป็น .... เพราะอย่างน้อย ๆ .... ในห้วงเวลาที่ลุงเห็นสภาพ - และเข้าจัดการเพื่อช่วย เจ้าสุนัขตัวที่เอามาเล่านี้ ณ เวลานั้น! ... ภพนั้น! .... ชาตะ แห่งลุง = หมา แน่ ๆ ...

        เพราะลุงผุดอารมณ์ร่วมกะเขา แม้เขาจากไป บ้าน ....

    เอาละขะรับ ... เสียเวลามาตั้งไกลแล้ว เริ่มเล่าเรื่องได้ซะที .... เรื่องมีอยู่ว่า ....

    สอง - สาม วันแรกที่น้ำโจมจู่ ... เข้าหมู่บ้าน .... เสียง เห่า และ คราง (แฮะ ๆ ๆ ... แยกฟังเสียงออกด้วย) ของสุนัข จากบ้านท้ายซอย ที่อยู่ห่างจากบ้านข้าพเจ้าไป 4 - 5 หลัง ... แว่วมากระทบโสต ของผู้ที่ไม่ออกไปอาศัยศูนย์พักพิงชั่วคราว (จริง ๆ แล้ว เหลืออยู่เพียง 2 ครอบครัวเท่านั้น) เป็นระยะ ๆ ทั้งกลางวัน กลางคืน ... ซึ่งบ้านหลังนี้ เจ้าของทิ้งไปตั้งแต่แม่พระคงคาเริ่มปรากฏโฉม ... แล้วอาจลืมสุนัขที่เลี้ยงไว้โดยไม่ตั้งใจ

    อีก 5 - 6 วัน หลังน้ำเริ่มท่วม ... เสียง สุนัขที่ว่า ก็เงียบไป ... และ ข้าพเจ้าก็ลืมแล้วว่ามีเหตุดังกล่าว ประหนึ่งสัมภเวสีวิญญาณ ที่ผ่านมา แล้วก็จากไป ด้วยที่ไม่ได้ติดใจเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ...

    ตอนเช้าของวันหนึ่ง หลังน้ำท่วมมาแล้วประมาณ กว่าสัปดาห์ (จำเวลาแน่นอนไม่ได้) ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับน้ำท่วมเกือบสูงที่สุดแล้ว .... เสียงสุนัขจากบ้านหลังดังกล่าว ดังมาอีกหน ครานี้ เป็นเสียงเห่ากรรโชก มีเสียงหอนแทรกเป็นช่วง ๆ ฟัง ๆ ไป ... ไม่เสนาะโสตอะไรหรอก ก็ เสี่ยงหมาหอน น่ะ ... ไม่ใช่เสียงดนตรีที่ไหน ... และเขาส่งเสียงอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ทั้งคืน มีหยุดบ้างเป็นช่วง ๆ (ไม่งั้นกลายเป็นมุสา ไปซะอีก)

    เช้าวันถัดมา เสียงเงียบไปพักใหญ่ ๆ แล้วกลับดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ ตำแหน่งเสียงย้ายข้ามมาที่บ้านอีกหลัง ซึ่งติดกัน ... ฟังดูคล้ายจะมีสองตัว กำลังขู่กันอยู่ .... เป็นอยู่อย่างนั้น จนบ่ายอ่อน ๆ .... มีเสียงดิ้นในน้ำ ปนเสียงตะกายรั้ว (เป็นรั้วลูกกรงเหล็ก) ...

    ความสนใจก่อตัวขึ้นในจิตข้าพเจ้า ... เคลื่อนตัวผ่านประตู ... ก้าวสู่ระเบียง สอดสายตาผ่านพุ่มมะม่วงเบา ....

    ภาพที่ปรากฏ ... สุนัขตัวหนึ่ง ดิ้นคาช่องกรงรั้วบ้านเยื้อง ๆ กัน ... เขาดิ้นอยู่ไม่นาน ก็ได้อิสระจากกรง ... ลงมาลอยคอในน้ำนอกรั้ว ... แล้วเริ่มว่าย ผ่านหน้าบ้านเรา ... สู่ ... ถนนหลัก

     “เออ ๆ ๆ ... รีบว่าย ลูก .. รีบว่าย ...” เสียงเชียร์ จากลูกสาวข้าพเจ้า ซึ่งไม่ทราบออกมาตอนไหน เพราะข้าพเจ้าจดจ่ออยู่กับเหตุสุนัข “ไปซ้าย ลูก ... ไปซ้าย .... เออ ๆ ... ทางนั้นแหละ” เสียงแสดงความพึงใจของลูกสาว ต่อพฤติกรรมสุนัขตัวนั้น ที่ว่ายไปทางที่เขาต้องการ เพราะมีที่ดอนให้ปีนพักได้

        “มันจะรู้เรื่องเรอะ ... พูดภาษาหมาซี” ข้าเจ้าสรรพยอก ... ลูกสาวหัวเราะ หันมามองข้าพเจ้า ... แล้ว

            “พ่อสอนหน่อยซี”

    ข้าพเจ้าหัวเราะ ... แล้วบอก “รอน้ำลดก่อนนะ ... ตอนนี้ไม่ว่าง”

    ระหว่างหยอกล้อกัน ... เสียงสุนัขอีกตัว ร้อง และดิ้นอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน กับที่ตัวเมื่อกี้ หลุดออกมาได้

      “ยังมีอีตัว” ลูกสาวบอก

         ข้าพเจ้าพยักหน้า เดินเข้าห้อง ... ลูกสาวเลยเดินตาม

    ... ตกกลางคืน ... ประมาณ 4 ทุ่ม .... เสียงครางของสุนัข และ เสียงดิ้นอยู่ในน้ำ ดังมาเป็นระยะ ๆ จากบ้านที่รั้วติดกันกับบ้านข้าพเจ้า ... จนข้าพเจ้าหลับไปในท่าเอกเขนก

    เช้า ... เสียงกระทุ่มน้ำหน้าบ้าน ... โผล่เฉลียง ... ชะโงกดู ....

    ใช่สุนัข ดังนึก ... ยืนแช่น้ำอยู่ระหว่างช่องรั้ว ... มันชั่งใจเรื่องใดสุดเดา ได้แต่ยืนลุ้น

    พักใหญ่ ๆ ... มันดึงตัวหลุดพ้นช่องรั้วออกมา ... ว่ายน้ำมาปีนขึ้นยืนบน Terrace ด้านท้าย “เจ้าคมเข้ม”(ชื่อมอเตอร์ไซค์ คันที่ข้าพเจ้าขับขึ้นมาจากนคร) โดยต้องแช่อยู่ในน้ำประมาณครึ่งเท้ามันเอง ขณะนั้นข้าพเจ้ามองภาพรวม ๆ ไม่ได้สังเกตอะไรละเอียดนัก

    เห็นมันยืนนิ่ง .... หันหน้า  เหม่อจ้องไปที่ถนน ... ดุจจะรออะไรสักอย่าง ....

       แล้ว .... ความอยากเห็นยุติลง .... ความรู้สึกสงสาร แทรกเข้ามาแทน .... ข้าพเจ้าละสายตาจากมัน และมองตามไปทางที่มันกำลังมองบ้าง ... แล้ว ...

    ตูม! ... เสียงวัตถุตกน้ำ ตรงตำแหน่งที่ข้าพเจ้าเพิ่งละสายตามา  ... ก้มมองซ้ำโดยอัตโนมัติ

       ‘อ้อ ... เจ้าสุนัขตัวนี้นี่เอง … มันจะไปไหนต่อของมันนะ’ ... ปรารภในใจ ....

    แล้วก็ได้คำตอบ ณ บัดเดี๋ยวนั้น ... เห็นมันหมุนตัวกลับมา ... ใช้เท้าหน้าตะเกียกตะกาย เพื่อกลับขึ้นมาที่เดิม ....  ข้าพเจ้าเพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้เอง ... ส่วนล่างของเท้าหน้าเกือบครึ่งหนึ่ง ... ไร้ขนแล้ว ... แถมดูเหมือนกำลังเปื่อย และหนังบางส่วนเน่าหลุด จนเกิดแผล จึงสันนิษฐานว่า เท้าหลังก็คงอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก

          .... เลยผุดข้อสงสัยใหม่ว่า ....

    ‘มันลงไปหาอะไรของมันวะ รึหิว ลงจับปลากิน’ แล้วก็ละความสนใจอีกหน .... กลับเข้าห้อง ... เสียงตกน้ำ เกิดซ้ำ 3 - 4 หน

      และแล้ว .... EQ ของข้าพเจ้าก็สะบั้นลง .... ตัดสินใจ ณ บัดดล ... เฝ้าดูให้รู้แล้ว รู้แรดไปที ...

    อ้ออออ .... แล้วปัญหา ก็ได้รับการวิสัชนา  ... เมื่อเห็น ...

       อาการยืนสับหงกของมัน .... หน้ามันค่อย ๆ โน้มต่ำลง .... ลำตัวค่อย ๆ เอนโย้ไปข้างหน้า ... มากขึ้น ...  มากขึ้น ...และ ... มากขึ้น ... ที่สุด!

         ตูม! ... หัวทิ่ม ... อีกแล้วครับท่าน! .... แล้วความตื่นตัวของมัน ... ก็ถูกกระตุกกลับมา ในอาการตกใจ .... รีบตะเกียกตะกาย ขึ้นมายืนที่เดิม อีก

    ความรู้สึก ... ที่บรรยายไม่ถูก เล่นวูบมากระทบจิต ... ที่แน่ ๆ ไม่มีตลก หรือ ขำขัน ติดมาแม้กระผีก

    ตามมาด้วยคำถาม ‘เจ้านายไปไหน? .... ทำไมไม่เอาไปด้วย หรือไม่มารับออกไป? .... เจ้านายห่วงบ้างไหมว่า ไม่ความหิว ก็ความหนาว จะเป็นฆาตกร ที่จะทำการฆาตกรรมมัน ... ฯลฯ

       สะดุ้ง ... จากภวังค์  ... ‘เกิดเป็นหมาแล้วซีเรา’ เลยสะบัดหลุดจากความคิดทั้งปวงที่กำลังปรุงอยู่ ... แต่ ...

    สามัญสำนึก บอกว่า มันต้องหิวแน่ ๆ ... นี่ก็กว่าสัปดาห์แล้วนะ ... มือเร็วเท่าสำนึก ... คว้าเครื่องโทรศัพท์ กดหมายเลข .... เมื่อปลายทางรับสาย ออกคำสั่งโดยไม่บอกเหตุผล ให้เขารีบนำอาหารสุนัขมาสักกอบ (เขามีเพราะเลี้ยงสุนัขด้วย) เขาก็ไม่ถาม ... แล้ว

     ไม่นาน ... ผู้ที่ถูกเรียกก็มาถึง พร้อมอาหาร ข้าพเจ้าไต่บันไดลิงลงไปสมทบ  โดยยืนแช่น้ำ ... 

 

    ... ให้อาหาร ... สร้างความสนิท สนม หวังให้สุนัขไว้วางใจ ... มันกินอาหารด้วยอาการระแวง ...

    ... เอื้อมมือจะลูบหัว ... เพื่อสร้างความคุ้นเคย ...

    มันก็ ... แฮ่ ... เข้าใส่ ....



 

 

 

 

 

   ล่อด้วยอาหารที่เหลือ ให้ลงเรือ ...  จะได้นำไปปล่อยที่ปลอดภัย

   แต่มันก็ ...ไม่ยอมลงเรือ ....

 

 

 

 

         กว่า 1 ชั่วโมง ... เป้าประสงค์ไม่บรรลุ ....

    เลยหารือกัน .... สร้างที่พักพิงชั่วคราวให้ ตรงนั้นแหละ โดยหาเก้าอี้ และ Paling ที่ลอยน้ำมาทำนั่งร้านสูงพอพ้นน้ำ ซ้อนไว้บน Terrace  ....  วางอาหารไว้ให้พร้อมสรรพ

    เสร็จภาระ ... ผู้ช่วยกลับไปด้วยอาการระอา พร้อมเสียงบ่นที่แว่วมาให้ได้ยิน ... ข้าพเจ้า ไต่กลับขึ้นสู่วิมาน ... ฮึ ๆ ๆ ... สอดส่องทิพย์เนตร .... เฮ้ยยยย ... ไม่ใช่! ... คอยชะโงกดูเป็นระยะ

    ปรากฏว่า ... มันไม่ยอมกินอาหารที่วางไว้ให้ ... ทั้งไม่ยอมขึ้นไปบนที่แห้งที่จัดให้ซะด้วย ... ยังหลับ ... หัวทิ่ม ... ตกน้ำ ... ปีนกลับไปยืนใหม่ ... เป็นวัตร อยู่ เช่นนั้น แต่จะกี่รอบ ไม่ได้จำ และเลิกสนใจมันไปในที่สุด

    บ่ายจัด (ไม่ได้ดูเวลา) ... เสียง ตูม อีกแล้ว แต่เที่ยวนี้ ตามมาด้วยเสียงตะกุยน้ำห่างออกไป ... จึงลุกไปดู พร้อมลูกสาว .... เห็นมันกำลังลอดรั้วออกไป หลุดจากช่องรั้ว ... มันว่ายน้ำกลับไปทางบ้านเจ้านายของมัน ทั้ง ๆ ที่ลูกสาวข้าพเจ้ายืนตะโกนสั่งให้ว่ายออกไปทางถนนหลัก ... แต่มันไม่ยอมเชื่อ

    สามวัน ... หลังเหตุการณ์ ... เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านที่สุนัขอยู่ เข้ามา นัยว่าจะมาจัดการไฟฟ้า กลัวลัดวงจร ... เสร็จภารกิจ ก่อนกลับ แวะบอกข้าพเจ้า

          “เรียบร้อยแล้วลุง”

    “ข้างบนด้วยเปล่า” ข้าพเจ้าถาม ด้วยคิดว่าเขาบอกเรื่องจัดการไฟฟ้า ... ก็ได้คำตอบเชิงอธิบายกลับมา

          “ตัดแต่ข้างล่างครับ ... แต่ที่ว่าเรียบร้อย น่ะหมาบ้านพี่ ... (เขาเอ่ยชื่อเจ้าของสุนัข) ตายอืดทั้งคู่เลย ... ผมปล่อยไว้งั้นแหละ ... รั้วเขาปิด แล้วเหม็นด้วย”

    “เหลอ ...!” เสียงที่ไม่เป็นประโยคจาก ข้าพเจ้า ... บอกไม่ได้ว่า เป็นคำถาม หรือ ตอบรับรู้ .... เพราะ

     .... ข่าวนี้ .... สร้างภพหมา ในจิตข้าพเจ้า .... อีกแล้ว ครับท่าน ว่า ....

     ‘อุตส่าห์ สร้างวิกรมแล้วมิใช่เบา แต่ยังไม่สามารถฝ่าวิกฤต ... ผิดที่ เป็นพียงหมา งั้นหรือ?’

ความเห็น

คงได้แต่คิดว่า ..ถึงที่ ถึงเวลา ของเขาครับ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ชีวิตหนึ่งชีวิต ก็มีค่าเท่ากันไม่ว่าชีวิตคนหรือสัตว์

ทุกชีวิต..ประสบภัย ไม่ต่างกัน...เค้าไม่ต้องดิ้นรนแล้วค่ะ

ชีวืตที่เพียงพอ..

ที่บ้านคน 4 สมุน  7  ถ้าน้ำท่วมบ้านยังคิดไม่ออกว่าจะทำพรือดี  แต่ก็ผ่านไปด้วยดีท่วมเฉพาะสวน  พื้นบ้านไม่ท่วม  ตอนสะสมเสบียงป๋าซื้ออาหารเม็ดไว้ 4-5 กระสอบ  เจ้ถามว่าแล้วข้าวสารสำหรับคนหละ  ป๋าบอก.....เออ...   ลืมว่ะ  ???    :confused:

ตกลง คนคุยหมาได้ หรือหมาเข้าใจภาษคนกันละเนี้ยะ :uhuhuh:

ว่าแต่ว่าเป็ยนักเขียนด้วสยรึป่าวน้อ สงสัยๆ 

แย่เลยครับ ลุง อ่านแล้วก็คิดตาม ถ้าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว เห็นภาพ ไม่ทราบว่าเขาจะคิด อย่างไร